“ปรมาจารย์ทั้งสอง ท่านกำลังพูดถึงใคร”
ชายร่างผอมที่อยู่ถัดเขาไปถามขึ้นด้วยความกระหายใคร่รู้เมื่อมองเห็นสีหน้าของพวกเขา
ชั่วครู่นั้นกูยีสูดหายใจเข้าลึกๆ
“คนที่สิบ แถวที่หก”
“ไฟนั่นเล็กมาก ทั้งแข็งแกร่ง ทั้งอ่อนกำลัง บางทีอาจจะมีบางจุดที่แตกต่าง เปลวไฟแบบนี้มีพลังมากจริงๆ อย่างที่ท่านกล่าว
ไม่สามารถเป็นอื่นได้ นอกจากคลื่นยักษ์ชำระทราย ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้อีกแล้ว!”
หลักจากเพ่งมองชั่วขณะ เขาก็กลับหลังหันแล้วกล่าวว่า
“ดูนั่นสิ การขึ้นรูปเหล็กของหลานสาวตัวน้อยของข้าก็ช่างสวยงาม สง่ายิ่งนัก”
ในที่สุด ชายในชุดเกราะก็แสดงอาการเพ้อออกมา
กูยีและปี้ชิงสบตากันเงียบๆ พูดถึงเทคนิคการสร้างเหล็กของเด็กหญิงตัวน้อยนี้ คล้ายกับเด็กที่เล่นเปียโนยังไม่ช่ำชองด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้น เด็กน้อยที่เขาพูดถึงก็ดูดีจริงๆ ถึงแม้ว่าเทคนิคจะไม่สวยงามเฉกเช่นคลื่นยักษ์ชำระทราย
แต่การควบคุมอัคคีพิสุทธิ์ และระดับการผสมผสานระหว่างอัคคีพิสุทธิ์และปราณแท้ก็ยังอยู่ในระดับดี นับว่าเก่งมากแล้วสำหรับผู้ที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้
ในบรรดาคนที่เหลือจำนวนมากนั้น ยังคงมีนักหลอมที่เก่งกาจอยู่มากเช่นกัน
บางรายก็เป็นนักหลอมระดับกลาง อายุไม่เกินยี่สิบปี แต่อยู่ระดับนี้ในทวีปหรงเหย้า สามารถเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับเจ้าหนุ่มน้อยที่ใช้คลื่นยักษ์ชำระทรายแล้วนั้นถือว่าระดับต่ำกว่ามาก
แม้ว่าวิธีการตีแร่เหล็กจะไม่สามารถเทียบกันได้ เปลวไฟบริสุทธิ์และเข้มข้นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เช่นกัน
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นใน “การแข่งขันนักหลอม” เช่นนี้
สำหรับนักหลอมขั้นต่ำที่หลอมหอกเมื่อวานนั้น ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างล่างนั่นจะใช่เขาหรือไม่?
กูยีและปี้ชิงต่างก็ตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่มู่หยุนและอาโอบะที่นั่งอยู่ถัดไป
“นี่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ ‘คลื่นยักษ์ชำระทราย’...”
ด้านข้างของแท่นสูง ชายวัยกลางคนรูปงามหล่อเหลาส่งเสียงประหลาดใจ เขามองไปยังชายชราด้านขวา
“ท่านพี่หลู ปรมาจารย์ทั้งสองเหมือนประเมินเด็กนั่นสูงไม่เบา นับเป็นเรื่องดี
ท่านพี่หลู เหมือนในตระกูลท่านจะมีนักหลอมอายุน้อยหลายคน ท่านเองก็สามารถลงแข่งด้วยใช่หรือไม่?”
ชายวัยกลางคนนี้คือกู้เจียงเฉิง ผู้นำตระกูลกู้แห่งเมืองนู่ลั่ง คนที่ถูกเรียกว่า ท่านพี่หลู คือ หลูลี่ ผู้นำตระกูลหลู
“ข้าเคยเข้าร่วมในงานนี้แต่ไม่ผ่านด่านแรก และยากที่จะผ่านด่านที่สองไปได้ คาดว่าไม่น่าจะเกินด่านที่สอง จะต้องหยุดแล้ว”
ชายชรานามหลูลี่ส่ายหัว เฝ้ามองการแสดงในจัตุรัสเบื้องล่าง ชายหนุ่มหญิงสาวที่โดดเด่นเหล่านั้นช่างน่าอิจฉา
การจะเป็นนักหลอมไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่สามารถปลูกฝังได้
“พี่ถัง ตระกูลท่านเล่าเป็นเช่นไร?”
กู้เจียงเฉิงหันมายังถังเทียนเหรินที่อยู่ทางซ้าย
“อ่า...พวกเราตระกูลถัง เข้าร่วมการแข่งขันเพียงคนเดียว และยังอยู่ในสนาม จะผ่านด่านที่สองได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่?”
ถังเทียนเหรินแสยะยิ้มสีหน้าน่าเกลียดยิ่งนัก
“ตระกูลถังของท่าน และตระกูลหลูล้วนยอดเยี่ยม ไม่เหมือนตระกูลกู้ของข้า ไม่ได้เข้าร่วมเลยสักคน”
เมื่อเห็นสีหน้ามันเป็นเช่นนี้ กู้เจียงเฉิงส่งสายตาหยอกล้อพลางถอนหายใจเบาๆ
“แม้ไม่มีนักหลอมที่โดนเด่นในรุ่นหลังท่าน แต่ยังมีกู้หยิงที่ยังเยาว์วัย
เป็นที่คาดหวังว่าจะกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับเก้าได้ล่ะนะ”
หลูลี่แสยะยิ้ม
“เด็กน้อยกู้หยิงนับว่าไม่เลว”
กู้เจียงเฉิงมีสีหน้าดีขึ้น แต่แล้วก็ทำท่าไม่จริงจังเหล่ตามอง
“ไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันรายการนี้?”
“ท่านพี่หลูต้องการรับหัวหน้างานไปสักคนหรือไม่?”
“ข้าไม่ขอเดิมพันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันนี้ แต่ถ้าเจ้าเด็กน้อยนั่นผ่านด่านที่สามไปได้
สามารถรับเขาเข้าไปเป็นหัวหน้างานอยู่ในจวนได้ ก็น่าพอใจแล้ว”
เมื่อได้ยินกู้เจียงเฉิงและหลูลี่เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ถังเทียนเหรินมองลงไปยังสนามแข่งขันอย่างเย็นชา
ความทรงจำที่ยาวนานผุดขึ้นในหัว
สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาสาวงามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกเขานำตัวกลับมาที่บ้าน จากนั้นเขาจึงเอานางไปไว้ในห้อง
ต่อมาเมื่ออาการบาดเจ็บของเธอใกล้จะหาย ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่สามารถต้านทานต่อความตายที่กำลังมาเยือนได้
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนท้องของนางก็ขยายใหญ่ขึ้น ...
"..."
-โปรดติดตามบทต่อไป-
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว