อสูรร้ายเลี้ยงรัก (NC)-บทที่ 9 สัมผัสข้าสิ (NC เล็กน้อย) (1/2)

โดย  อาลี่ ( 阿丽 )

อสูรร้ายเลี้ยงรัก (NC)

บทที่ 9 สัมผัสข้าสิ (NC เล็กน้อย) (1/2)

บทที่ 3

เรื่องลามก



สุดท้ายแล้วมาวมาวก็นั่งจ๋องหน้าจ๋อยอยู่ในบ่อน้ำร้อนรอบตัวมีผ้าพันอยู่ผืนหนึ่ง นางนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ผิวน้ำมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่โผล่พ้น ลอบมองต้าสงที่กำลังสาละวนกับอุปกรณ์อาบน้ำก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจพรืดใหญ่ออกมาจนทำให้ผิวน้ำเกิดฟองบุ๋งๆ

“ยังไม่ชินอีกหรือเขาอาบน้ำให้เจ้าตัวแต่ตัวเล็กเท่าฝ่ามือ”

ไป๋หู่มองท่าทางเซื่องซึมอย่างอ่อนใจ พวกเขาเลี้ยงนางตั้งแต่เป็นลูกแมวไม่ว่าจะอาบน้ำหรือเช็ดก้นก็ล้วนแบ่งหน้าที่กันทำ เลี้ยงดูนางราวกับบุตรสาว...

มาวมาวเหลือบตามองไป๋หู่ที่กำลังเดินลงมาแช่น้ำในบ่อจึงเค้นเสียงฮึออกจากลำคอสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

“พวกเรามีชีวิตอยู่รอดมาได้เพราะท่านน้า ดังนั้นต้องดูแลเจ้าให้ดี”

ต้าสงเมื่อเตรียมของทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เดินมาหามาวมาวพร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนขอบบ่อ ถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมใช้เจ้าเจี่ยว* สระผมให้นาง

มือหนาพับหูแมวปุกปุยไปด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าหู ลงมือสระผมให้นางอย่างเป็นธรรมชาติดุจทำมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ขยับปากพูดเสียงเอื่อย

“ยามสงครามเริ่มกำเนิดตอนนั้นเผ่าพันธุ์ทั้งหลายต่างโง่เขลาไม่รู้ความ ทะนงตนคิดว่ากล้าแกร่งไร้ผู้ใดทัดเทียมไม่เว้นแม้แต่มาร

ความคิดตื้นเขินเหล่านั้นจึงเป็นจุดจบของการล่มสลายของแต่ละเผ่า ทายาทรุ่นสุดท้ายต่างหนีตายเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่นไม่เว้นแม้แต่พวกข้า

ท้ายแล้วหมีเช่นข้าและพยัคฆ์ขาวเช่นเขาถึงได้แย่งน้ำนมจากท่านน้า ทำให้เจ้าผอมแห้งทั้งยังมีร่างมนุษย์แบบครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้”

ต้าสงที่พูดออกมาได้ครู่เดียวพลันสอดมือรองใบหน้ามาวมาวเอาไว้อย่างรวดเร็ว กันไม่ให้หน้าของนางจุ่มน้ำมองนางที่ฟังจนหลับไปก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

ลอบมองไป๋หู่ที่สองแขนพาดพิงกับบ่อน้ำร้อนหลับตาลงอย่างผ่อนคลายคล้ายหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา

ทั้งตนและไป๋หู่ก็ต่างเป็นรุ่นเยาว์อันโดดเด่นของเผ่าเป็นต้นกล้าชั้นเลิศแต่เมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงไหนเลยที่ทารกจะไปสู้กับอาวุโสมากประสบการณ์ได้

ยามนั้นตนยังเป็นลูกหมีและไป๋หู่ยังเป็นเพียงลูกเสือที่ไร้ร่างมนุษย์ โซซัดโซเซหลบหนีเอาชีวิตรอดจากเหล่ามารที่พยายามล้างบางจนเหนื่อยอ่อน อยู่ในสภาวะคับขันและอ่อนแอถึงขีดสุดเพียงแค่ถูกกระต่ายตัวน้อยถีบใส่สักทีก็คงตายอย่างน่าอเนจอนาถ

ทว่าตอนนั้นกลับมีกลิ่นหอมบางอย่างลอยอวลอยู่ในอากาศทำให้ท้องร้องโครกครากบิดมวนราวกับมีพายุอยู่ลูกอยู่ใหญ่อาละวาดอยู่ด้านใน

เกินกว่าจะควบคุมอุ้งเท้าทั้งสี่ก็ก้าวเดินไปตามกลิ่นหอมนั้นอย่างเลอะเลือนแม้ว่ากลิ่นหอมนั้นจะเป็นกับดักหรือหนทางแห่งความตายก็ได้แต่ยอมรับเส้นทางที่เลือก

ยิ่งเดินไปเท่าใดเรี่ยวแรงก็ยิ่งหมดไปจนไม่อาจขยับในขณะที่กำลังหมดสติพลันรับรู้ได้ถึงหลังคอที่ถูกลากดึงไปยังที่แห่งหนึ่งพร้อมกับกลิ่นหอมที่เข้มข้นมากกว่าเดิม ไม่เพียงได้กลิ่นหอมแต่ยังได้ลิ้มรสหวาน เมื่อลืมตาตื่นอีกคราก็พบว่าตนนั้นกำลังนอนดูดนมแม่แมวตัวหนึ่ง

ด้านข้างยังมีแมวน้อยสีส้มตัวเล็กที่ขนรอบปากเปรอะด้วยนม ทั้งตาก็ยังไม่ได้ลืมขึ้นดีนัก...

นั้นเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับนาง

แมวน้อยที่ปากเลอะเทอะทั้งยังมีขี้ตาเกรอะกรัง...

“เป็นไรคิดถึงความหลังหรือ”

เสียงทุ้มต่ำของไป๋หู่ทำให้ต้าสงหลุดออกจากภวังค์ความคิด มองมาวมาวสัปหงกไปมาก็ช้อนใบหน้าของนางให้พิงกับต้นขา บีบเส้นผมดกดำชุ่มน้ำให้หมาด กดเสียงเบาตอบไป๋หู่ในลำคอ

“อือ”

“นางตอนนี้ผิดไปจากแมวน้อยในอดีตตั้งมาก ทั้งส่วนที่น้อย...ก็ไม่น้อยแล้ว”

วาจากำกวมแฝงเลศนัยของไป๋หู่ทำให้ต้าสงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ มองมาวมาวที่หลับสนิทพลางวาดมือหยิบเอาผ้าแห้งขึ้นคลุมเส้นผมของมาวมาว ย้อนถาม

“ตอนนี้หรือ”

“อีกไม่นาน” ไป๋หู่ไหวไหล่ลอบสังเกตสีหน้าของต้าสงอย่างระมัดระวัง

“รู้ใช่หรือไม่ว่าข้าเป็นคนพบนางก่อน”

“พบก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นเจ้าของ”

ไป๋หู่ฉีกยิ้มแต่รอยยิ้มนี้เป็นเนื้อยิ้มที่ตาไม่ยิ้ม ตนพบมาวมาวหลังเขาก็จริงแต่เหตุผลนี้ก็ฟังไม่ขึ้น

เดิมทีแล้วสัตว์นักล่าเช่นหมีหรือพยัคฆ์มักจะไม่ข้องแวะยุ่งเกี่ยว ไม่อยู่ร่วมกันทั้งยังเป็นศัตรูตามธรรมชาติของกันและกัน ทว่าตนและต้าสงต่างได้ท่านแม่ของมาวมาวเป็นจุดเชื่อมประสาน เติบโตขึ้นมาพร้อมกันสนิทสนมเช่นสหาย เพียงแค่มองตากันก็รู้แล้วว่าคิดสิ่งใดอยู่ รู้ใจกันเป็นอย่างดี

แม้ว่าจะเลี้ยงมาวมาวมาตั้งแต่นางมีร่างอสูรจวบจนมีร่างมนุษย์ ดูแลนางราวเช่นบุตรสาวหรือสนิทสนมกับนางเช่นพี่น้องแต่แท้จริงแล้วลึกๆ ภายในใจก็หาได้คิดเช่นนั้น...

ต่างคิดไม่ซื่อกันทั้งสิ้น!

“ไป๋หู่หากคิดอยากแข่งกับข้า...ก่อนอื่นก็ทำให้นางเข้าใกล้เจ้าให้ได้ก่อนเถิด” ต้าสงยิ้มบางๆ ช้อนตัวมาวมาวขึ้นจากบ่อน้ำอุ้มนางแนบอกเดินผ่านไป๋หู่ที่กำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน อารมณ์ดีไม่น้อยเมื่อนึกได้ว่าไป๋หู่คงรู้สึกชิงชังสายเลือดของพยัคฆ์ขาวขึ้นมาบ้าง

แมวและเสืออยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกัน ทว่าไป๋หู่เป็นพยัคฆ์ทำให้นางเกรงขามไม่กล้าเข้าใกล้นี้ล้วนเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ที่หวั่นเกรงผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ยิ่งเป็นมาวมาวที่มีร่างมนุษย์โดยไม่อาจเก็บหูและหางได้สัญชาตญาณสัตว์ก็ยิ่งแรง...

ต้าสงก้มหน้าปลายจมูกลอบดมใบหน้าของนางครั้งหนึ่งพลันได้กลิ่นหอมจางรวยรินทั้งแฝงด้วยกลิ่นหอมเร้นลับขุมหนึ่งก็รีบผละใบหน้าออก มองมาวมาวด้วยความกลัดกลุ้มใจไม่น้อย

ตั้งแต่เล็กนางก็อ่อนแอผิดปกติ ตัวเล็กกว่าแมวทั่วไป ทั้งยังดื่มนมน้อย หายใจแผ่วเบา เอาเป็นว่าหากตนหรือไป๋หู่หายใจแรงๆ ใส่นางสักหน่อยก็กลัวว่านางจะตกใจตาย

ดังนั้นกว่าจะเคี่ยวเข็ญทุ่มเทจนนางสามารถบรรลุถึงขั้นมีร่างมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำการเติบโตของนางก็ช้ามาแต่ไหนแต่ไร ฤดูวสันต์ของนางถึงได้ช้ากว่าผู้อื่น...

หากอิงจากแมวทั่วไปแล้วเมื่ออายุหกเดือนก็สมควรร้องหาคู่แล้วทว่านางไม่เป็นเช่นนั้น เป็นแมวมาร้อยกว่าปีทั้งมีร่างมนุษย์หลายร้อยปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าอะไร แต่หากขบคิดจากวาจาและสีหน้าของไป๋หู่แล้วสมควรต้องวางแผนรับมือให้ดี...


ยามราตรีแสงจันทร์สาดส่อง สตรีร่างบางนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงพลิกไปพลิกมาด้วยความทรมาน ไม่นานนักนางก็สะดุ้งเฮือกลุกพรวดขึ้นจากเตียง ใบหน้ายับย่นเมื่อฝันว่าตัวนางจมดิ่งอยู่ใต้ผิวน้ำอึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจ

เพียงแค่ย้อนคิดกลับไปก็ต้องสยิวกายด้วยความหวาดกลัว ลูบแขนที่ขนอ่อนลุกชันมองไปรอบด้านก็พบว่านางนอนอยู่ในห้องของตนเองพลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นมา

ตั้งแต่นางมีร่างมนุษย์พวกเขาก็แยกห้องนอนกับนาง...

มาวมาวย่นปากมือหนึ่งกอดหมอนมือหนึ่งลากผ้าห่ม เดินออกจากห้องของตนมุ่งไปยังฝั่งขวาอันเป็นห้องของต้าสงยกมือขึ้นเคาะอย่างองอาจผ่าเผย

วันนี้นางอาบน้ำ แมวและน้ำถูกกันที่ใด แมวที่ไหนจะอาบน้ำกันบ้างเล่าเรื่องผิดวิสัยนี้ไม่ต่างจากการทำให้ปลาบินบนฟ้า ทำให้นกว่ายน้ำ! ทำเอานางครั่นเนื้อครั่นตัวจนเก็บเอาไปฝันร้าย!

ผู้ที่ชอบจับนางอาบน้ำอยู่บ่อยๆ ต้องเป็นคนรับผิดชอบ! นางเคาะประตูห้องไม่กี่ครา ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าคมคายนุ่มนวลของต้าสง

“ฝันร้าย?”

“ถูกต้อง!”

-------------

*เจ้าเจี่ยว หรือฝักสบู่นำมาซักเสื้อผ้า สระผม ทำความสะอาดร่างกาย

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว