นับจากวันที่กลับจากโรงเตี๊ยมจินหลินพร้อมชุดวาดเขียนผิงถิงนางก็เริ่มเก็บตัวอยู่แต่ภายในห้อง จะมีบ้างที่นางเข้าครัวทำอาหารให้พี่ชายได้ทาน รวมถึงการสอนแม่ครัวที่มาจากโรงเตี๊ยมด้วยเช่นกัน ครัวที่นางใช้จะแตกต่างจากครัวหลักของจวนคือทุกอย่างต่างตั้งไว้ให้เตี้ยพอที่นางจะสามารถเอื้อมจับได้สะดวก
วันนี้ก็เช่นกันผิงถิงที่เอาแต่ทำอาหารและวาดภาพและฝึกหัดเขียนอักษรให้คล่องมือ การเขียนอักษรไม่รู้ว่านางเขียนมันขึ้นมาได้อย่างไรแต่นางทำได้เพียงแค่นึกอยากเขียน ทั้งที่นางในวันก่อนและนางในวันนี้ไม่เคยเขียนภาษาจีนโบราณนี้ได้เลยก็ตาม แต่ความสงสัยก็ถูกหลงลืมด้วยความคิดที่สว่างวาบขึ้นมานั้นคือหนังสือขายหัวเราะในตำนานนั่นเอง
หยี่หวาในวันวานเธอเก่งเรื่องวาดภาพและยังเป็นนักเขียน นอกจากการช่วยแม่ครูดูแลน้องๆในบ้านเด็กกำพร้า ก็ยังทำงานหลักเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนการแสดงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ผิงถิงในวันนี้จึงเริ่มร่างรูปวาดการ์ตูนและมุกตลกผสานคติสอนใจมากมายรวมถึงการนำเศรษฐกิจของโลกที่จากมา ร้อยเรียงเป็นบทของตัวละครในหน้ากระดาษวันแล้ววันเล่า บางวันนางยังขยำกระดาษทิ้ง เกลื่อนกลาดพื้นด้วยสมองที่ตื้อตันยามนึกถึงเศรษฐกิจพอเพียงและพระราชดำริของคนบนฟ้าที่พึงระลึกถึง
ผ่านมาแล้วสามเดือนเต็มผิงถิงได้หนังสือมาสองเล่ม หนึ่งคือหนังสือขายหัวเราะฉบับผิงถิง สองหนังสือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าด้วยการเรียงความในความทรงจำ
“พี่ใหญ่น้องมีเรื่องจะปรึกษาพี่ใหญ่เจ้าคะ” หลังจากสิ่งที่เฝ้าทำมาสามเดือนสำเร็จอย่างที่ตั้งใจผิงถิงก็นำกระดาษปึกหนึ่งมาปรึกษาพี่ชาย
“เอาสิน้องมีสิ่งใดให้พี่ช่วยคงเป็นสิ่งที่ทำให้น้องพี่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องสินะ”
“พี่ใหญ่ช่วยเอาสิ่งนี้ไปจ้างคนทำให้เป็นเล่มหนังสือให้น้องที แรกเริ่มพี่ใหญ่ก็จ้างคัดลอกมาสักห้าสิบเล่มก่อนก็ได้เจ้าคะถ้ามีคนสนใจค่อยจ้างคัดลอกเพิ่ม พอเสร็จแล้วเอามาให้น้องลงนามในหนังสือก่อนนะเจ้าคะป้องกันคนนำไปเรียนแบบเจ้าคะ และนี่จดหมายคำร้องที่น้องร่างขึ้นมาพี่ใหญ่เอาไปลงบันทึกที่ศาลใหญ่ของเมืองนะเจ้าคะ และใบนี้คือวิธีการขายพี่ใหญ่นำไปศึกษาให้เข้าใจ ก่อนอื่นพี่ใหญ่ไปยื่นคำร้องที่ศาลเพื่อบันทึกคำร้องก่อนที่จะไปจ้างคนคัดลอกทำเล่มนะเจ้าคะ จะได้ไม่มีผู้ใดกล้าเรียนแบบในสิ่งที่น้องทำ”
เว่ยซานที่เอาแต่อ่านเนื้อหาในกระดาษที่น้องยื่นให้ ด้วยความตกตะลึงในจะจดหมายคำร้องของนางที่มีคำจำกัดความที่เข้มงวดไร้ช่องโหว่นั่นอีก นางคิดได้ยังไงมากมายขนาดนี้ ซ้ำยังแนวทางการขายที่มีสิทธิ์ขายที่โรงเตี๊ยมจินหลินนี่อีก น้องสาวเขาจะให้เขาเอาหนังสือไปขายคู่กับอาหารมันจะเป็นไปได้ยังไง
“น้องพี่โรงเตี๊ยมไม่ใช่สถานที่ที่จะนำหนังสือไปขายนะ เอาไปฝากร้านขายตำราให้ขายให้ดีหรือไม่”
“น้องเห็นมีพื้นที่ว่างอยู่ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้า ที่พี่ใหญ่ใช้วางกระถางต้นหลิวนั่นนะเดี๋ยวน้องจัดการเอง น้องได้ร่างแบบชั้นวางไว้แล้ว ใช้วางหนังสือเพียงห้าสิบเล่มจะใช้พื้นที่มากเพียงใดกันเชียว ตั้งใกล้ๆหลงจู๊ เขาจะได้ขายหนังสือได้ด้วย จะไปฝากผู้อื่นขายให้กำไรถดถอยทำไมกัน สู้ขายเองนะดีแล้วอย่าขัดใจน้องนะเจ้าคะหาไม่น้องจะไม่ทำขนมหวานให้พี่ใหญ่กินอีกจริงๆด้วย”
“นี่กล้าข่มขู่พี่รึ...ไอ้เคาน์เตอร์ของน้องนะอย่าได้ไปพูดกับผู้อื่นเล่าเขาจะหาว่าน้องพี่วิปลาสเอาได้ เอาละเห็นแก่ขนมหวานพี่จะทำตามไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย แต่ขอขนมหวานกินเย็นนี้เลยได้หรือไม่ วันนี้เอาบัวลอยละกันไม่ได้กินนานแล้ว”
เคาน์เตอร์ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ที่เว่ยซานได้ยิน ตั้งแต่น้องสาวเขาฟื้นนางได้สอนสิ่งต่างๆกับเขามากมาย รวมถึงอักษรประหลาดที่นางสั่งให้เขาคัดลายมือเป็นประจำ อาหารหน้าตาแปลกประหลาด
เว่ยซานยอมทำทุกอย่างเพื่อให้น้องสาวสบายใจ เพราะสงสารที่นางเดินไม่ได้ ไม่ว่านางจะสอนเขาเขียนอ่านพูดภาษาประหลาดอย่างไรเขาก็ยิ้มรับทำตามที่นางต้องการเสมอมาทิ้งอดีตที่เคยทุกข์ทนไว้ในจวนหลังเก่าอย่างตระกูลจ้าวและบิดาผู้มีจิตใจโลเลดำมืดไว้ด้านหลังไม่คิดหวนคืนต่อไป
เมืองหลวงแคว้นเหลียงในยามที่บ้านเมืองสุขสงบไร้ศึกสงครามประชาชนต่างอยู่ดีมีสุข แต่ใช่ว่าจะมีความสุขกันมากเกินไปหรือไม่เหตุใดถึงได้ครื้นเครงไปทุกหย่อมหญ้าตั้งแต่เศรษฐียันยาจก
...จวนหมิงอ๋อง
“ได้เรื่องว่าอย่างไรบ้างจงรายงานมา” หวงหมิงสั่งให้องครักษ์คนสนิทไปตามสืบเรื่องความสุขของประชาชนที่ดูคล้ายจะผิดปกติเป็นอย่างมากเพราะแม้แต่ขอทานยังยิ้มและหัวเราะได้พระองค์อยากรู้ว่าสิ่งใดกันที่สามารถทำให้ประชาชนของพระองค์มีความสุขถึงเพียงนี้ทั้งที่พระองค์เองพยายามทำมันมานานแต่ก็แสนจะยากเย็นที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขและหัวเราะกันได้ถ้วนทั่วอย่างเช่นในยามนี้นั่นเอง
“เป็นเจ้าสิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” เจาฮั่นยื่นตำราเล่มเล็กให้ผู้เป็นเจ้าชีวิต และรอฟังคำสั่งอย่างสงบนิ่งเมื่อท่านอ๋องยังทรงพลิกหน้ากระดาษในพระหัตถ์ไม่ยอมหยุด ซ้ำร้ายคล้ายเขาจะเห็นมุมพระโอษฐ์ยกขึ้นสรวลเบาๆอีกด้วย วันนี้เขาคงฝันกลางวันเป็นแน่ที่เห็นท่านอ๋องยิ้มและหัวเราะ
“อะแฮ่มเจ้าได้หนังสือประหลาดแบบนี้มาจากที่ใด” อ๋องหนุ่มกระแอมไอกลบเกลื่อนอาการเมื่อเห็นว่าตนเผลอแสดงอาการมิสมควรต่อหน้าองครักษ์เข้าแล้ว
“เรียนท่านอ๋องกระหม่อมได้มาจากโรงเตี๊ยมจินหลินที่เป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือดังกล่าวพ่ะย่ะค่ะ”
“โรงเตี้ยมนั่นมิใช่พึ่งเปิดได้ไม่นานหรอกหรือแล้วโรงเตี๊ยมจินหลินมารับฝากขายหนังสือประหลาดนี้ได้อย่างไรแล้วเป็นผู้ใดมาฝากขายเจ้าได้ถามหรือไม่เจาฮั่น”
“ทางโรงเตี๊ยมไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของผู้นำมาฝากขายบอกว่าเป็นสัญญาที่มีต่อกัน อีกทั้งเรื่องนี้ยังมีการขายสิทธิ์เฉพาะให้นักเล่านิทานหนึ่งคนต่อหนึ่งเมืองและนักแสดงคาราวานที่ยอมจ่ายให้เจ้าของบทประพันธ์ในราคาสูงด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง อีกทั้งทางโรงเตี๊ยมจินหลินยังปรับกลยุทธ์การค้าสร้างห้องขายหัวเราะขึ้นมา ภายในห้องจะมีเหล่านักแสดงของทางโรงเตี๊ยมแสดงตามเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนี้จนเป็นที่ชื่นชอบ จนมียอดจองห้องขายหัวเราะเต็มไปจนปีหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ขายสิทธิ์คือสิ่งใดกัน” หวงหมิงยังคงพลิกหน้ากระดาษดูรูปภาพประกอบคำบรรยายในหนังสือและสถานที่ประกอบด้วยความแปลกใจและแปลกตา
“ทางหลงจู๊ของโรงเตี๊ยวจินหลินบอกว่าคนที่ซื้อสิทธิ์ไปจะได้สิทธิ์ไปโดยชอบธรรม อย่างนักเล่านิทานเมื่อผู้ประพันธ์ขายให้คนเดียวผู้อื่นจะไม่สามารถนำเนื้อเรื่องในหนังสือไปทำการเล่านิทานได้ถ้าฝ่าฝืนจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนมากและยังต้องถูกจับกุมในข้อหาละเมิดสิทธิ์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เปิ่นหวางพึ่งเคยได้ยินการขายสิทธิ์หรือแม้กระทั่งเรื่องหนังสือขายหัวเราะ ถือว่าคนผู้นี้มีปัญญาเฉียบแหลมยิ่งนักเปิ่นหวางเริ่มอยากจะเห็นหน้าคนผู้นั้นซะแล้ว สั่งคนของเราสืบหาคนที่ประพันธ์หนังสือเล่มนี้ให้เจอ และไปจองห้องขายหัวเราะให้เปิ่นหวางให้เร็วที่สุด เท่าไหร่ก็จ่ายไปผู้ใดกล้าขวางเปิ่นหวางก็ให้มันรู้ไป” หมิงอ๋องยอมใช้ความใหญ่โตของตนข่มผู้น้อยเป็นครั้งแรกด้วยการแทรกลำดับการจองห้องขายหัวเราะของผู้อื่นได้อย่างหน้าตาเฉยที่สุด
****
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว