พี่แจสเปอร์ของน้องมินนี่
[มินนี่ TALKS]
“น้องมินนี่ครับ”
“คะ” ระหว่างที่กำลังเดินออกจากคณะหลังเลิกเรียนฉันก็ได้ยินเสียงพี่เจไดร้องเรียก เขาโผล่ออกมาจากมุมตึกในระยะกระชั้นชิดจนฉันไม่สามารถหันหนีไปทางไหนได้
“พอจะมีเวลาให้พี่สักสิบห้านาทีได้ไหมครับ นะครับ”
“เอ๋ พี่เจไดมีเรื่องอะไรสำคัญเหรอเปล่าคะพอดีวันนี้มินนี่มีนัดน่ะค่ะ” ฉันชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้แคปซูลที่สะพายเอาไว้ด้านหน้า
“มินนี่ต้องเอาเจ้าแมวน้อยไปส่งคืนเจ้าของ นี่นัดเขาเอาไว้แล้วด้วย”
“อืม มันน่ารักมากเลยนะครับ แล้วน้องมินนี่จะไปยังไงครับ ให้พี่ไปส่งไหมเย็นนี้พี่ว่างพอดีเลยพี่ไปส่งได้นะครับ” พี่เจไดยิ้มหวานให้ฉัน
“เออ คือ มินนี่นัดกับพี่แจสเปอร์ไว้ค่ะ ป่านนี้เขาคงรอแล้วแหละ”
ระหว่างที่ฉันยืนคุยกับพี่เจไดอยู่บริเวณทางออกตึกคณะวาวาก็เดินผ่านฉันกับพี่เจไดไปเหมือนกับฉันเป็นเพียงอากาศ พักหลังมาฉันกับวาวาค่อนข้างจะห่างๆ กันจนฉันเริ่มชาชินกับความรู้สึกนี้แล้ว
“พี่เข้าใจแล้วแหละครับ ได้ยินคนอื่นเขาพูดกันแสดงว่าเป็นเรื่องจริงสินะครับที่หมอนั่นขับรถมาส่งน้องมินนี่” พี่เจไดเลิกคิ้วมองฉันเหมือนจะรอคอยคำตอบ
“ใช่ค่ะ” ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“พอดีว่าพี่ได้ยินว่าน้องมินนี่อยากหางานทำหลังเลิกเรียน”
“ใช่ค่ะ มินนี่พยายามหาอยู่แต่ตอนนี้ยังหาไม่ได้เลยค่ะ”
“เรื่องนี้แหละครับที่พี่จะมาคุยด้วย ถ้าน้องมินนี่จะมีเวลาให้พี่สักนิด”
งื้อ… จะทำไงดีล่ะเนี่ยงานก็อยากได้ นายแจสเปอร์ก็รออยู่ที่รถขืนทำให้เขาโกรธเป็นได้ขย้ำหัวฉันกินแน่ๆ เลย ระยะนี้ยิ่งผีเข้าผีออกอยู่ด้วย
“ห้านาที” พี่เจไดกางนิ้วมือยกขึ้นมาตรงหน้าฉัน
“ห้านาทีก็ได้ค่ะ”
ขอโทษน๊ารอแพ็บเดียวแล้วฉันจะรีบวิ่งไปเลย
“เราไปคุยกันที่โต๊ะตัวนั้นดีไหมครับ” พี่เจไดพูดจบเขาก็เดินนำหน้าฉันไปยังโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ ทำไงได้ล่ะฉันก็ต้องรีบเดินตามเขาไปติดๆ
“งานอะไรแบบไหนเหรอคะพี่เจได”
ฉันเปิดหัวข้อสนทนาทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“คืองี้ครับน้องมินนี่ คนที่พี่รู้จักเขาเปิดร้านอาหารกึ่งผับน่ะครับ ตอนนี้กำลังอยากได้พนักงานอยู่หลายตำแหน่งพอดีก็เป็นงานประมาณว่าเสิร์ฟอาหารและก็มีเสิร์ฟพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ที่สำคัญคืออะไรรู้ไหมครับร้านเพื่อนพี่อยู่ไม่ใกล้จากคอนโดมิที่น้องมินนี่พักอยู่ด้วยนะครับ เลิกงานแล้วเดินทางกลับที่พักสะดวกเลย”
โห… ดีจัง
“จริงเหรอคะพี่เจได น่าสนใจมากเลยนะคะแต่มินนี่อยากเข้าไปดูร้านแล้วก็คุยกับเพื่อนพี่ก่อน”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ น้องมินนี่อยากเข้าไปที่ร้านเมื่อไหร่บอกพี่มาได้เลย เพื่อนพี่คนนี่พูดง่ายครับ แม่มันกับแม่ของพี่เป็นเพื่อนรักกัน”
ตึ้งงงง เสียงข้อความเข้า
‘มัวทำอะไรอยู่เลิกเรียนตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ต้องให้ฉันเดินไปตามใช่ไหม’
แค่อ่านข้อความเฉยๆ ฉันยังนึกจินตนาการถึงใบหน้าของนายแจสเปอร์ได้เลยป่านนี้เขาคงหน้าบูดหน้างอระดับสิบไปแล้ว ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกรอบ จะว่าไปแล้วล่าสุดที่ฉันโทร.บอกนายแจสเปอร์ว่าเรียนเสร็จแล้วมันก็เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ
“พี่เจไดคะ มินนี่คงต้องขอตัวแล้วนะคะ เอาไว้มินนี่จะโทร.หาพี่อีกทีนะคะ ขอบคุณมากที่เอางานมาแนะนำค่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนสะพายเป้แคปซูลเอาไว้ด้านหลัง
“ยินดีครับอย่าลืมโทร.มานะครับพี่จะรอ”
“ค่ะ บายค่ะ”
ฉันรีบวิ่งออกมาสุดชีวิตเลย กว่าจะมาถึงจุดที่ฉันกับนายแจสเปอร์นัดเจอกันก็เล่นเอาซะหอบแฮ่ก
“มัวทำอะไรอยู่” พอขึ้นมาบนรถได้เขาก็เริ่มซักไซ้ทันที
“ฉันเข้าห้องน้ำพอดีปวดท้องเบา ขอโทษด้วยนะที่ให้รอนาน แฮร่ๆ”
นายแจสเปอร์หรี่ตามองฉันเหมือนจะจับพิรุธ จนฉันต้องจ้องตาเขานิ่งๆ ไม่ยอมหลบสายตาอยู่นาน กระทั่งเขาเป็นฝ่ายหันหน้าไปอีกทาง
“แล้วนี่เราจะเอาแมวตัวนั้นไปให้เจ้าของมันที่ไหน”
พอเขาเปลี่ยนเรื่องฉันก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย
“รอเดี๋ยวนะ เมื่อตอนพักเที่ยงพี่กัปตันแชร์โลเคชันเอาไว้ให้แล้วล่ะ” ฉันก้มควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
“เรียกมันว่าพี่รู้จักกันนานแล้วอ่อ สนิทกันว่างั้น”
งื้อ…
“ก็ไม่นาน ก็พี่เขาอายุมากกว่าฉันก็ต้องเรียกพี่ไม่ถูกเหรอ”
ฉันยกมือขึ้นเกาหัว
“ทีกับฉันไม่เห็นเธอจะเรียกพี่ ฉันก็อายุมากกว่าเธอตั้งหลายปีรู้จักเธอมาก่อนไอ้กัปตันอะไรนี่ซะอีก”
“เอ้า ฉันเคยเรียกแล้วนะแต่นายบอกว่าไม่อยากมีน้องสาวไง จำไม่ได้เหรอ”
นายแจสเปอร์เม้มปากหันหน้าไปอีกทางเหมือนเถียงไม่ออก
“งั้นเอาใหม่ ตั้งแต่วันนี้ไปเธอต้องเรียกฉันว่าพี่แจสเปอร์เข้าใจไหมมินนี่”
“อื้อ เข้าใจก็ได้… พี่แจสเปอร์ของน้องมินนี่ แบบนี้ก็น่ารักดีเนาะว่าป่ะ”
พี่แจสเปอร์ทำตาปริบๆ ก่อนจะถอนหายใจ…
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว