The World Gates ประตูแห่งพิภพ-ตอนที่ 24 รางวัล

โดย  Black Peach

The World Gates ประตูแห่งพิภพ

ตอนที่ 24 รางวัล

“บัดซบ!! กระบวนท่านั่น!!” หานเต้าหยี สบถถึงพลางบีบจอกสุราแตกคามือ... ชายชราเคยร่วมศึกปราบกบฏพร้อมกับ ซ่งหยุนไห่ มาก่อน ย่อมจดจำกระบวนท่า [ปัดกวาด] ที่สั่นสะเทือนกองทัพศัตรูได้เป็นอย่างดี... บัดนี้เงาร่างของชายที่ หานเต้าหยี เกลียดชังที่สุด กำลังทับซ้อนกับเด็กหนุ่มบนเวทีประลอง

ซุน ตวัดโซ่รัดพันขวานศิลาไว้ด้านหลังดังเดิม ก่อนจะก้าวลงจากเวทีประลองด้วยท่วงท่าสง่างาม ไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ให้เห็น ทั้งยังใช้เวลาในการประลองน้อยกว่าทุกสายที่ผ่านมา... แน่นอนว่าหลังจากที่ได้แสดงฝีมือ ย่อมเริ่มมีผู้ให้ความสนใจอย่างรวดเร็ว...

“เพลงขวานวายุตระกูลซ่ง ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ!!”

“นั่นสิ ข้าเคยได้ยินแต่เรื่องราวอันเป็นตำนานเมืองบุปผาแดง ของ ซ่งหลงไห่ ผู้ใช้เพลงขวานวายุปกป้องเมืองแห่งนี้ร่วมกับ เจ้าเมืองฉี ในครั้งอดีต...”

“พวกเจ้ายังไม่รู้อะไร เรื่องราวของ ซ่งหลงไห่ โด่งดังมาก่อนที่พวกเจ้าจะหัดเดินเสียอีก!! เคยเป็นถึงยอดฝีมือระดับชนชั้นลมปราณสีส้มขั้นที่ 6 หากไม่สิ้นวาสนาด้วยโรคระบาดเสียก่อนล่ะก็ ป่านนี้อาจมีตำแหน่งเป็น 1 ใน 3 เทพปรมาจารย์ แห่งทวีปนี้ไปแล้ว... หรืออาจไต่เต้าไปจนถึงตำแหน่ง จอมราชันย์ แห่งทวีปเสียด้วยซ้ำ”

“เช่นนั้นแปลว่า สำนักขวานวายุ ที่ตระกูลซ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ก็คงมีความตั้งใจจะปลุกปั้นยอดฝีมือชั้นตำนาน ขึ้นมาในอีกรุ่นงั้นน่ะสิ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!!”

เมื่อปรากฏผู้เริ่มต้น เสียงเล่าของในอดีตของตระกูลซ่ง ก็เริ่มเป็นที่แพร่สะพัด!! ทุกอย่างล้วนเกิดจากการแสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมของ ซุน จนทำให้ผู้คนต่างกล่าวขวัญ... เพียงรอบแรกนี้ ชื่อเสียงของ สำนักขวานวายุ ก็ขจรออกไปทั่วทั้งเมือง ตรงตามความตั้งใจแรกเริ่มของ ซ่งจื่อฮุ่ย ที่เคยคาดหวังเอาไว้...

หญิงสาวตื้นตันทั้งน้ำตา รู้สึกขอบคุณ ซุน ยิ่งนัก...
ซ่งไห่เฟิง เผยรอยยิ้มชรา...
“ยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะดีใจ การประลองเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น...”

เด็กหนุ่มก้าวเดินลงมา เข้ามารวมกลุ่มกับผู้ชนะในสายประลองอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ หานเฉียง!! สายตามอง ซุน ประหนึ่งยิ้มย่องเย้ยหยัน ต่อให้ไม่กล่าวสิ่งใดเหน็บแนม ยังทำให้ หานเฉียง เดือดดาลเป็นล้นพ้น...

“เจ้าสวะ!!”

หนึ่งในผู้ชนะจากอีกสาย พกกระบี่ยาวสีดำเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังเป็นสหายฝีมือดีคนหนึ่งของ หานเฉียง สืบเท้าเดินเข้ามาเรียบเคียง...
“ใจเย็นก่อน พี่หาน... การประลองรอบแรก เหยาซุน มันเพียงได้โชคช่วยเท่านั้น คู่ต่อสู้ของมันล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นลมปราณสีคราม... เหยาซุน เป็นชนชั้นลมปราณสีน้ำเงินคนเดียวในสาย ถึงจะมันจะสามารถเอาชนะได้ ก็มิใช่เรื่องน่าแปลกใจอันใด

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเจ้าพวกนั้น ประมาทเพลงขวานวายุที่มุ่งเน้นพลังทำลายมากเกินไป ดันโง่เขลาพุ่งเข้าปะทะตรง ๆ กับอาวุธสายโจมตีหนัก ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นเช่นนั้น...

หากเป็นข้าผู้ลงมือแล้วล่ะก็ จะล่อลวงให้ เหยาซุน มันใช้เพลงขวานในจังหวะแรกเสียก่อน หากสามารถหลบขวานในจังหวะแรกนั้นได้ ขวานหินที่หนักขนาดนั้นย่อมไม่อาจพลิกกลับมา โจมตีในจังหวะสองได้ต่อเนื่อง เมื่อตวัดกระบี่สวนไปในช่วงเวลานั้น ย่อมได้รับชัยชนะโดยง่ายดาย...”

หานเฉียง ได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มสงบสติอารมณ์พลางวิเคราะห์...
“นั่นสินะ มันก็จริงของเจ้า... จะว่าไปหาก เหยาซุน มันชนะไปอีก 2 รอบ ก็มีโอกาสเผชิญหน้ากับเจ้าในรอบ 16 คนสุดท้ายงั้นสินะ...โจผิง”

โจผิง แสยะยิ้มขึ้น...
“หากมันหลุดเข้ารอบมาเจอข้าจริง ๆ ก็นับเป็นโชควาสนาที่ข้าจะได้ หนึ่งแสนเหรียญทอง!! เหยาซุน สำนักขวานวายุ จะต้องสิ้นชื่อด้วยฝีมือของ โจผิง ศิษย์เอกพรรคกระบี่ดำผู้นี้!!”

โจผิง เป็นผู้เยาว์ฝีมือดีคนหนึ่งในเมืองบุปผาแดง บรรลุชนชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นที่ 5 จัดได้ว่าเป็น 1 ใน 10 ผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองก็ว่าได้ ไม่แปลกที่จะมีความมั่นใจเป็นล้นพ้น อีกทั้งยังมีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย ชื่นชอบเงินทองเหนือความชอบธรรม มิเช่นนั้นคงไม่อาจเป็นสหายสนิทของ หานเฉียง ได้...

หลังจบการต่อสู้ในรอบแรก เหลือผู้เข้าแข่งขัน 64 คนสุดท้าย จากนี้ไปจะเป็นการประลองตัวต่อตัวในทุก ๆ รอบแพ้คัดออก ไม่มีรอบแก้ตัว... กติกายังคงใช้ในลักษณะเดิม หากตกขอบเวที หรือหมดสภาพการต่อสู้ จะถือว่าพ่ายแพ้...

ซุน อยู่ในสายประลองสุดท้าย ย่อมเป็นคู่สุดท้ายในทุกรอบการประลอง... เด็กหนุ่ม จดจ้องตารางการแข่งไว้ล่วงหน้า หากไล่เรียงไปตามลำดับเช่นนี้โดยชนะขึ้นไปเรื่อย ๆ ซุน จะต้องไปเจอกับ ฉีลู่ชิง ในรอบ 4 คนสุดท้าย ซึ่งหากเอาชนะนางได้สำเร็จ รอบชิงชนะเลิศ ซุน ต้องเผชิญหน้ากับ หานเฉียง...

“ว่าแล้วเชียว การประลองถูกออกมาแบบมาให้ หานเฉียง ปะทะกับ ฉีลู่ชิง ในรอบสุดท้าย... แต่เพราะตัวข้าเข้ามาแทรกแซง จึงทำให้ต้องเผชิญหน้าทั้งสองคน และต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น...” ซุน กล่าวพึมพำขึ้น

รอบ 64 คนสุดท้าย...

ซุน ก้าวขึ้นลานประลอง... คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ใช้เพลงทวนที่ดุดัน ทั้งยังเป็นชนชั้นลมปราณสีน้ำเงินขั้นที่ 2 พื้นฐานลมปราณเหนือกว่า ซุน ไปขั้นหนึ่ง... ดังนั้นนี่อาจเป็นการแสดงฝีมือแท้จริง ว่ารอบแรกมิใช่การเอาชนะโดยอาศัยโชคช่วย...

หานเฉียง เพ่งมองการประลองพร้อมกับ โจผิง...

“เริ่มการประลองได้!!” กรรมการประกาศ

ตูม!!

อึดใจต่อมา ร่างของคู่ต่อสู้ก็ได้ลอยสูงขึ้นฟ้าพร้อมเศษทวนที่แตกหัก!! เป็นอีกครั้งที่ ซุน เอาชนะด้วยการฟาดฟันเพียงหนึ่งกระบวนท่า!! ทำลายทฤษฎีก่อนหน้านี้ ที่มีการพูดถึงกันว่า เหยาซุน พิชิตคู่ต่อสู้ได้ง่ายเพราะพื้นฐานของคู่ต่อสู้ต้อยต่ำกว่า ไปโดยสิ้นเชิง...

เสียงกระหึ่มผู้ชม ก้องดังอีกละลอก เริ่มมีผู้ให้ความสนใจในตัวของ ซุน มากยิ่งขึ้น... เสียงเรียกนามของ เหยาซุน เริ่มกึกก้อง แม้ว่า ซุน จะไม่จัดเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา หากแต่ก็รูปร่างองอาจ สมเป็นชายชาตรี ใบหน้าคมคาย...

ผู้มีความสามารถ ความสง่างามจะติดตามมาเอง เป็นคำกล่าวที่ใช้ได้จริง ๆ หญิงสาวในเมืองนี้หลายคน เริ่มกล่าวขวัญถึงเด็กหนุ่มที่ดูหล่อเหลาขึ้น เมื่อชนะการแข่งในแต่ละรอบ...

รอบ 32 คน สุดท้าย...

ตูม!!

ฉากจบประหนึ่งภาพทับซ้อน กับสองรอบก่อนหน้า... ยังคงเป็นการกวัดแกว่งขวานศิลาหนึ่งกระบวนท่า จบศึกด้วยสภาพของคู่ต่อสู้ที่ลอยสูง ก่อนจะตกลงไปเกลือกกลิ้งข้างเวทีประลอง... ชนะผ่าน 3 รอบ ด้วยการตวัดขวานศิลา 3 ครั้ง!!

นามของ เหยาซุน สำนักขวานวายุ ตระกูลซ่ง เริ่มกลายเป็นที่กล่าวขวัญ!! เด็กหนุ่ม เพียงโบกมือเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเหล่าผู้ชมกลุ่มหญิงสาว ยังเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดก้องดังไปทั่วเมืองในพริบตา...

ซ่งจื่อฮุ่ย จากที่นางเคยพยายามภาวนาขอพรให้ ซุน ได้รับชัยชนะ... ยามนี้นางเริ่มแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก กับกลุ่มหญิงสาวที่เริ่มโบกมือเล่นหูเล่นตาให้กับ ซุน หญิงสาวบางคนยังถึงขั้นโยนผ้าเช็ดหน้าลงพื้นเบื้องหน้า เด็กหนุ่ม ในยามที่เดินลงจากเวทีประลอง เพื่อให้ ซุน เก็บส่งคืน...

หานเต้าหยี นั่งกัดขบฟันจนเจ็บเหงือกด้วยความเดือดดาล...
แช่งชักหักกระดูก เหยาซุน อยู่ภายในใจ...
“ทำไมเจ้านั่นไม่พ่ายแพ้เสียที!! นี่มันยังไงกันแน่!!”

รอบ 16 คนสุดท้าย...

โจผิง แสยะยิ้มพร้อมก้าวขึ้นสู่เวทีด้วยความมั่นใจ กระบี่ดำในมือมีเอกลักษณ์ที่ยาวกว่ากระบี่ทั่วไปราวครึ่งช่วง เป็นรูปแบบวรยุทธเฉพาะทางของพรรคกระบี่ดำ ซึ่งด้วยความเป็นวรยุทธเฉพาะทางนี่เอง ทำให้รับมือได้ยากกว่าวรยุทธในรูปแบบปกติของสำนักอื่น ๆ

ซุน ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ว่า โจผิง แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ที่ผ่าน ๆ มา... สมกับที่เป็นหนึ่งในผู้เยาว์มีชื่อของเมืองนี้...

“ขอบคุณเจ้าจริง ๆ เหยาซุน ที่เจ้ากลายมาเป็นบ่อเงินบ่อทองให้กับข้าในวันนี้...” โจผิง กล่าวพลางยิ้มเยาะ

ซุน เห็นอีกฝ่ายมั่นใจเสียเต็มประดา ทั้งยังเห็นว่า โจผิง มีความสนิทสนมกับ หานเฉียง อยู่พอสมควร ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากสูงขึ้น...
“ปากเจ้านี่พูดจาน่าฟังยิ่งนัก... ลึก ๆ ข้าก็แอบหวังภาวนา ว่าเจ้าจะมิได้เก่งเพียงแค่ลมปาก? เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร เพื่อเพิ่มสีสันในการต่อสู้เล็กน้อย ข้าจะต่อให้เจ้าด้วยการหลับตาลงข้างหนึ่งตั้งแต่เริ่มการประลอง?!”

โจผิง หุบยิ้มลงในทันที เมื่อถูกดูแคลนซึ่งหน้า...
“เล่นกับสุนัขและมันมักเลียปากนี่ท่าจะจริง... ระวังตัวเจ้าไว้ให้ดี!!”

สองเด็กหนุ่ม เขม่นใส่กันตั้งแต่ยังไม่เริ่มการประลอง... บรรยากาศบนเวทีแตกต่างไปจากรอบที่ผ่าน ๆ มาอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่เป็นรอบลึก ที่หลงเหลือเพียงแต่กลุ่มผู้เยาว์อัจฉริยะฝีมือสูงส่ง...

กรรมการยกมือเป็นสัญญาณ...
“เริ่มการประลองได้!!”

ชั่วพริบตานั้นเอง เงาร่างของ โจผิง ก็ชักกระบี่ดำพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง ท่วงท่าวิชาตัวเบาจัดว่าเหนือชั้นจนเหล่าผู้ชมรอบ ๆ ยังต้องตกตะลึง... ทางด้าน ซุน ยังคงไว้ในรูปแบบเดิม มุ่งเน้นความนิ่งสงบและการตั้งรับ มือสองข้างกำชับด้ามขวานศิลาไว้แนบแน่น รอจังหวะ...

สายตาของทั้งคู่ ล้วนมีประกายเปี่ยมล้น...

หากไม่ใช่ชนชั้นยอดฝีมือ ต่อให้ โจผิง มีความเร็วมหาศาลก็ยังไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าสัมผัสลมปราณที่ผสานวิชาอาคมตาทิพย์และหูทิพย์... ทันทีที่ โจผิง เข้าสู่ระยะหนึ่งก้าวสุดท้าย ปลายขวานศิลาพลันถูกยกขึ้น ตวัดเหวี่ยงราวกับไร้น้ำหนัก...

“ปัดกวาด!!”

โจผิง ที่เฝ้ารอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว และยังเคยเห็นกระบวนท่านี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง... ได้ใช้กระบี่ดำปักลงที่พื้นเพื่อหยุดชะรอความเร็วของตนเองเอาไว้... ก่อนจะหงายศีรษะและลำตัวช่วงบนไปหลัง เลี่ยงหลบขวานศิลาที่ฟาดฟันเข้ามา เห็นถึงใบขวานที่ผ่านปลายจมูก ไปได้อย่างเฉียดฉิว!!

‘ข้าหลบมันได้!! ข้าชนะแล้ว!!’

นั่นคือความคิดแวบแรกของ โจผิง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา...

แต่ทว่า...

“เจ้าโง่เอ้ย...” ซุน เค้นพึมพำขึ้น ก่อนจะบิดเอวอย่างรุนแรง!! ขวานที่ฟาดฟันวืดไปในจังหวะแรกนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดกระบวนท่า!! ซุน ใช้การเพิ่มแรงบิดจากเอวและสะโพก เหวี่ยงขวานศิลาอ้อมไปด้านหลังหนึ่งรอบ ก่อนจะตวัดกลับมาด้วยอำนาจที่ทรงพลังมายิ่งขึ้นอีกเป็นเท่าทวีในจังหวะฟาดฟันครั้งที่สอง!! ไม่ได้เปิดโอกาสให้ โจผิง สวนกลับมาได้แม้แต่น้อย!!

ปกติแล้ว ซุน จะใช้แรงลมกรรโชกผลักร่างของคู่ต่อสู้ให้กระเด็นออกไป หลีกเลี่ยงการใช้ขวานศิลาฟาดฟันเข้าใส่ร่างของคู่ต่อสู้ตรง ๆ เพราะมันจะทำให้อีกฝ่ายไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บสาหัส จากกระดูกที่อาจแหลกเหลวไปทั่วร่างด้วยน้ำหนักขวานที่มหาศาล

แต่ครั้งนี้ โจผิง กลับโง่เขลาเอง ที่พุ่งเข้ามาหมายเล่นงานระยะประชิด จึงทำให้ ซุน จำเป็นต้องรีดเค้นความสามารถที่น่ากลัวออกมา... ยามนี้ใบหน้าของ โจผิง ขาวซีดไร้เลือดฝาด ขวานศิลาที่พุ่งเข้ามานั้น ประหนึ่งหินยักษ์ที่ถูกขว้างปามาอย่างรุนแรง ต่อให้ โจผิง รอดชีวิตจากกระบวนท่านี้ ก็คงไม่แคว้นนอนติดเตียงไปอีกหลายเดือน!!

ตูม!!

ขวานศิลา ถูกหยุดห่างจากใบหน้าของ โจผิง เพียงครึ่งนิ้ว... โชคดีที่กรรมการชนชั้นยอดฝีมือบนเวที เข้ามาหยุดกระบวนท่านี้ไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นมาก็เป็นได้... กรรมการคนดังกล่าวเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากขมับ ทั้งที่ตนเป็นถึงยอดฝีมือชนชั้นลมปราณสีเหลืองขั้นกลาง แต่ยังรู้สึกถึงแขนที่ด้านชาจากการหยุดสภาวะขวานศิลานี้เอาไว้ แทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเพียงพลังของ ผู้เยาว์ชนชั้นลมปราณสีน้ำเงิน...

โจผิง ขวัญกระเจิงเป็นที่เรียบร้อย หมดสภาพที่จะสู้ต่อไปได้ ฉี่ราดออกมานองบนพื้นเวทีอย่างน่าอนาถ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอย่างชัดเจนในจังหวะเมื่อครู่ จนใบหน้าบิดามารดาผุดลอยขึ้นในหัว แข้งขาอ่อนแรงไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะลุกยืน...

“ผู้ชนะผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย... เหยาซุน จากสำนักขวานวายุ ตระกูลซ่ง!!”


...........................................

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว