โลกนี้ไม่มีเสื้อผ้า [Not Clothes]-บทที่ 2-4 อดีตที่ข่มขื่น

โดย  moke-kun

โลกนี้ไม่มีเสื้อผ้า [Not Clothes]

บทที่ 2-4 อดีตที่ข่มขื่น

เซี่ยหมู่ตันรู้สึกยินดีที่เขาเป็นห่วงนาง เพียงแต่ว่า...นางยังไม่อยากให้เขารู้ที่อยู่นาง เพราะไม่อยากให้เขารู้สภาพที่อยู่อาศัยที่แสนอเนจอนาถของนาง หญิงสาวไม่อยากให้เขารู้สึกเวทนานางมากไปกว่านี้แล้ว

นางจึงหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเอ่ยเบี่ยงประเด็น

“สองคืนที่แล้วข้าก็สามารถกลับบ้านได้เอง ไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นหรอก หมู่บ้านนี้ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ ผู้ชายที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านนี้หากไม่แก่ชราก็พิกลพิการ”

สวีเจากวงเมื่อเห็นหญิงสาวปฏิเสธเขาก็ไม่อยากขัดใจนาง ต้องมีสักวันที่เขาจะรู้จักที่อยู่ของนาง เผื่อว่าหากเขารอดจากศึกสงคราม และนางยังไม่แต่งงานกับใคร เขาจะกลับมาสู่ขอนาง

“ได้ เช่นนั้นเจ้าเดินทางกลับบ้านปลอดภัย อย่าลืมใช้ปิ่นปักผมที่ข้ามอบให้ด้วยเล่า”

หญิงสาวพยักหน้าและส่งยิ้มให้เขา จากนั้นจึงแต่งตัวและใช้ปิ่นปักผมของเขาเสียบเข้าไปยังเส้นผมของตนเองให้เขาได้เชยชม

“เหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก ดอกหมู่ตัน”


เช้าวันต่อมา เซี่ยหมู่ตันไม่ได้ตื่นสายแล้ว แต่หลูซื่อก็ยังหาเรื่องด่าและตีนางเช่นเคย

“นางดอกไม้เหม็นเน่า เห็นไหมว่าผักในแปลงเริ่มเหี่ยวแล้ว เหตุใดจึงไม่รดน้ำ วันๆ นี่ทำงานอะไรบ้างไหม? หรือดีแต่นอนขี้เกียจสันหลังยาว”

ผักที่แก่แล้วย่อมเหี่ยวเป็นธรรมดา เห็นได้ชัดว่าหลูซื่อจงใจหาเรื่องด่านางเฉยๆ เซี่ยหมู่ตันได้แต่ดึงใบของผักส่วนที่เป็นสีเหลืองไปโยนให้ไก่และหมูกิน เพราะมัวแต่มาดึงผักเหี่ยวในแปลงผัก ทำให้นางลืมไปว่าตนเองกำลังต้มโจ๊กอยู่ กลิ่นเหม็นไหม้จากก้นหม้อทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งไปดู

แต่ไม่ทันแล้ว

เซี่ยหมู่ตันได้กลิ่นไหม้ หลูซื่อก็ได้กลิ่นเช่นกัน นางไม่รอช้าหยิบท่อนฟืนมาได้หนึ่งท่อนก็เอามาทุบตีหลังเซี่ยหมู่ตันอย่างแรง หญิงสาวกำลังยกหม้อโจ๊กที่กำลังไหม้ออกจากกองไฟอยู่ เมื่อถูกตีอย่างแรง หม้อร้อนๆ ที่นางจับเอาไว้ก็หลุดออกจากมือ

โจ๊กที่ยังร้อนๆ อยู่ก็หกโดนขาทั้งสองข้างของนาง เซี่ยหมู่ตันเจ็บปวดมาก นางรีบวิ่งไปที่โอ่งน้ำเพื่อราดน้ำใส่ขาตนเองให้คลายความแสบร้อน แต่โจ๊กร้อนนั่นก็กระเด็นไปถูกตัวของหลูซื่อด้วยเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเทียบกับเซี่ยหมู่ตันก็นับว่าน้อยมาก!

แต่หลูซื่อกลับโมโหจนเลือดขึ้นหน้า นางคิดว่าลูกเลี้ยงของตนเองต้องจงใจให้โจ๊กหกใส่ตนเองด้วย ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน แล้วยังถูกโจ๊กร้อนๆ ลวกเท้าอีก หลูซื่อรีบคว้าฟื้นท่อนใหญ่ไปทุบตีหญิงสาวที่กำลังราดน้ำใส่ขาตนเอง

“โอ๊ยย!”

เซี่ยหมู่ตันร้องอย่างเจ็บปวด ขาถูกโจ๊กลวกไม่พอ แผ่นหลังยังถูกหลูซื่อทุบตี และดูเหมือนว่าวันนี้หลูซื่อจะโมโหจนหน้ามืด นางทุบตีหญิงสาวไม่ยั้งมือ

เซี่ยหมู่ตันที่ถูกโจ๊กลวกเขาที่ขาก็เดินก้าวขาหลบหนีได้ยากเย็น นางจึงเหมือนเป็นเป้านิ่งให้หลูซื่อทุบตีได้อย่างง่ายดาย

ขณะที่หลูซื่อกำลังทุบตีอย่างหน้ามืด เซี่ยจือหยวนที่เห็นมารดาใช้ท่อนฟืนทุบตีพี่สาวตนเองก็รู้สึกสนุกตาม จึงหยิบท่อนฟื้นอีกท่อนมาร่วมวงทุบตีด้วย หญิงสาวได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหล และขอร้องให้ทั้งสองคนหยุดทุบตีนาง

เรี่ยวแรงของเซี่ยจือหยวนมากกว่าหลูซื่อมากนัก แค่หลูซื่อตีนางคนเดียวนางก็เจ็บแทบอยากจะตายแล้ว แต่เมื่อเซี่ยจือหยวนทุบตีไปที่บริเวณศีรษะของนาง หญิงสาวก็สลบไปในทันใด

หลูซื่อเมื่อเห็นว่าลูกเลี้ยงของตนเองหมดสติไปก็บอกให้ลูกชายตนเองหยุดตี นางเทน้ำราดใส่เซี่ยหมู่ตันเพื่อให้ฟื้นขึ้นมาแต่หญิงสาวก็ไม่ตื่น ในใจก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างไรก็รับรู้ว่างานบ้านทุกอย่างลูกเลี้ยงของนางเป็นคนทำ หากไม่มีเซี่ยหมู่ตันชีวิตของนางก็ลำบากขึ้นมาก

ผ่านไปหลายชั่วยามเซี่ยหมู่ตันก็ยังไม่ฟื้น หลูซื่อจึงตัดสินใจเดินไปหาหมอถัง หมอชราที่อยู่ท้ายหมู่บ้านให้เขามาดูสภาพลูกเลี้ยงตนเอง

เมื่อหมอถังมาเห็นก็ทอดถอนใจและเวทนาหญิงสาวมาก เด็กคนนี้เป็นเด็กนิสัยดีและฉลาด เขาสอนให้นางรู้จักสมุนไพรไปไม่น้อย นางสามารถจดจำได้ดีแล้วยังจดจำสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิดได้ดีเยี่ยม เสียดายที่ต้องมาอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายเช่นนี้

หมอชราสำรวจบาดแผลตามร่างกายของนาง ก็เห็นทั้งร่องรอยบาดแผลใหม่และบาดแผลเก่าเต็มไปหมด แล้วยังร่องรอยที่ถูกบุรุษกระทำชำเรา นี่เซี่ยหมู่ตันคงโดนแม่เลี้ยงขายให้กับหลิ่วฝูฝูแล้วใช่หรือไม่?

ท่านหมอถังทายาภายนอกให้นางแทบจะทั้งร่างกาย จากนั้นก็เอายาให้หลูซื่อเพื่อให้นางต้มให้เซี่ยหมู่ตันกินเป็นเวลา

หลูซื่อต้มยาให้ลูกเลี้ยงกินแค่วันแรกวันเดียว แต่เมื่อเห็นว่าเซี่ยหมู่ตันฟื้นขึ้นมาแล้วก็ไม่สนใจอีกต่อไป โยนยาให้นางรับผิดชอบตนเอง

แผลโจ๊กร้อนลวกที่ขาทำให้หญิงสาวเดินไม่สะดวก ทั้งยังเจ็บไปทั้งร่างกายเพราะถูกหลูซื่อและเซี่ยจือหยวนทุบตี นางไม่สามารถเดินไปไกลๆ ได้ เพราะเจ็บปวดไปถึงแก่นกระดูก แค่จะลุกไปปลดทุกข์แต่ละครั้งก็สร้างความทรมานให้แก่นางเป็นอย่างมาก

ทำไมนะ? ทำไมยังฟื้นขึ้นมารับรู้ความเจ็บปวดครั้งนี้

ทำไมนางถึงไม่ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด นางจะได้หมดทุกข์เสียที นี่มันกรรมเวรอะไรของนางนักหนา...


สวีเจากวงมาหาเซี่ยหมู่ตันที่บ้านของหลิ่วฝูฝูในคืนที่สี่และเตรียมของขวัญมาให้นางด้วย แต่เฝ้ารอทั้งคืน หญิงสาวก็ไม่มาหาเขา หลิ่วฝูฝูเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดนางจึงไม่มา

เซี่ยหมู่ตันไม่ได้มาที่บ้านของหลิ่วฝูฝูสองคืนติดกัน หลิ่วฝูฝูเองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว เมื่อสวีเจากวงถามหาเซี่ยหมู่ตัน นางเองก็ตอบไม่ได้

เช้าวันถัดไปหลิ่วฝูฝูจึงไปหาเซี่ยหมู่ตันถึงที่บ้าน แต่เจอกับหลูซื่อเสียก่อน หลูซื่อจึงบอกแค่ว่านางไม่สบายเล็กน้อย ไม่เกินสองวันน่าจะไปทำงานได้

หลิ่วฝูฝูแม้จะเห็นท่าทางมีพิรุธมากมายของหลูซื่อแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นางจึงเดินไปหาหลิ่วชิวหยาแทน ชิวหยาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางเห็นว่าท่านหมอถังมาที่บ้านของหลูซื่อจริงๆ คาดว่าเซี่ยหมู่ตันอาจจะไม่สบายตามที่หลูซื่อกล่าวอ้าง

คืนนั้นสวีเจากวงก็มาหาเซี่ยหมู่ตันที่บ้านของหลิ่วฝูฝูอีก

“ท่านสวี แม่นางเซี่ยไม่สบายมาก คืนนี้จึงไม่อาจมาปรนนิบัติท่านได้ ท่านหมอบอกว่านางน่าจะหายดีภายในสามวันนี้ อย่างไรท่านค่อยมาเถอะ”

หลิ่วฝูฝูแจ้งข่าวให้เขาทราบตามสิ่งที่นางได้รู้มา แต่ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรนเป็นพิเศษ เขาคิดถึงนางมากและอยากไปเยี่ยมนาง เขาอยากเห็นหน้านางมากก่อนที่จะ...

“ท่านป้าฝูฝู รบกวนพาขาไปที่บ้านนางได้หรือไม่? ข้าอยากไปเยี่ยมนางที่บ้าน”

“เกรงว่าจะไม่ได้ ข้ายังต้องต้อนรับแขกอยู่ เอาไว้พรุ่งนี้เช้า ข้าค่อยพาท่านไปเยี่ยมนางดีหรือไม่?”

สวีเจากวงเข้าใจเหตุผลของหลิ่วฝูฝูดี แต่ว่าในยามอิ๋น (1) เขาต้องเดินทางไปรบที่เมืองซุ่นหยางแล้ว ไม่อาจได้พบหน้านางอีก

เขาอยากคุยกับนางก่อนไปรบ

เขาไม่อยากไปจากนางโดยที่ไม่ได้ร่ำลากัน

เขาอยากได้ยินเสียงหวานๆ อวยพรให้เขามีชีวิตรอดเพื่อกลับมาหานาง...

แต่สวีเจากวงไม่อาจรอคอยได้อีกต่อไป ยามจื่อเขาต้องกลับไปรายงานตัวที่ค่ายทหารแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงมอบจงกั๋วเจี๋ย (2) ที่ถักชื่อของเขาเอาไว้ให้หลิ่วฝูฝูฝากมอบให้เซี่ยหมู่ตัน

“ท่านป้าฝูฝู ข้าฝากสิ่งนี้ให้แม่นางเซี่ยด้วย บอกนางด้วยว่า หากนางคิดจะทิ้งเหลียนฮวา ให้นำเชือกนี้กับตัวเหลียนฮวาไปให้ท่านแม่ของข้าที่หมู่บ้านเหลียนเคิง เมืองหยางคุน ใกล้ๆ แม่น้ำหวงเหมา”

หลิ่วฝูฝูแม้ไม่รู้เหลียนฮวาคือใคร แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่สูงของนางทำให้เดาได้ว่าเหลียนฮวาน่าจะเป็นลูกที่เกิดจากทั้งสองคน หากได้บุตรชาย รับรองได้ว่าเซี่ยหมู่ตันจะไม่ทอดทิ้งเขา แต่ถ้าได้บุตรสาวก็ไม่แน่ว่านางจะเลี้ยงดูต่อหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้สวีเจากวงจึงคิดแทนบุตรสาวตนเองไว้แล้ว ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดีจริงๆ

“ได้ ข้าจะบอกนางไม่ให้ตกหล่นแม้เพียงครึ่งคำ!”


(1) ยามอิ๋น คือช่วงเวลา 03.00 น. – 04.59 น.

(2) จงกั๋วเจี๋ย คือ เชือกถัก เป็นงานหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ของชาวจีน จะมีการถักเชือกเงื่อนแบบต่างๆ เป็นเครื่องตกแต่งสำหรับห้อยหยกพก

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว