(กระชับ เข้าใจง่าย สนุก) Time Cheater - ผู้โกงเวลา

ชะตาที่14 ลูกหมาที่ดิ้นรนใต้น้ำ

“แล้วเรื่องเรียนน้องเรามันว่ายังไงบ้างล่ะยังอยากเรียนกฎหมายเหมือนเดิมหรือเปล่า?” ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่พิธานบอกกับที่บ้านว่าอยากเป็นทนายความซึ่งไม่รู้ว่าเด็กอายุแค่นั้นมันไปเอาความคิดมาจากไหนแต่ตาพลก็ไม่เคยห้ามที่ทำก็แค่พร่ำบอกให้หลานตั้งใจเรียนให้มากเพราะตาเองก็ความรู้น้อยคงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนักนอกจากจะเป็นกำลังใจให้

“ก็เห็นว่าจะเรียนเหมือนเดิมนะตานี่หนูก็คอยหาที่เรียนพิเศษมาให้โฟมมัน นี่กว่าจะยอมเรียนก็แทบแย่นี่หนูยอมแลกกับการให้น้องไปทำงานร้านข้าวป้านงเลยนะไม่อย่างนั้นโฟมก็จะไม่ยอมเรียนพิเศษ” ข้อตกลงของสองพี่น้องเรื่องเรียนพิเศษของพิธานคือพี่สาวต้องยอมให้ไปทำงานพิเศษตอนปิดเทอมเจ้าตัวเขาถึงจะยอมไปลงเรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งแน่นอนว่าพิราอรต้องยอมลงให้น้องชายอยู่แล้วแต่พอขึ้นม. หกน่าจะให้หยุดงานพิเศษแล้วเรียนเสริมอย่างจริงจังแทน

เพราะพิธานหัวดีกว่าเธอมากพิราอรเลยอยากส่งเสริมน้องให้ได้เรียนในแบบที่ตัวเองชอบส่วนตัวเธอที่จบปริญญาตรีมาได้นั้นก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ถึงกับแย่แต่ถ้าถามเรื่องวิชาที่โดดเด่นก็คงจะไม่พ้นเรื่องของภาษาอังกฤษที่ช่วยทำให้เธอมีโอกาสได้รับงานดีๆ ค่าตัวสูงๆ อยู่หลายครั้ง

“ยังไงตาก็ฝากน้องด้วยนะลูกหนูก็รู้ว่าโฟมมันไม่ค่อยเหมือนใครเขา” ตาพลได้แต่ถอนใจเมื่อคิดถึงเรื่องราวของหลานชายคนเล็กที่เมื่อก่อนเป็นเด็กพูดช้ากว่าเด็กๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน

ครั้งแรกที่ลูกสาวเอาหลานชายคนเล็กมาฝากก็ตอนที่พิธานอายุได้เกือบสามขวบโดยตอนนั้นสุรีพรอ้างว่าเลี้ยงไม่ไหวเพราะเด็กเป็นใบ้และเหมือนจะเป็นเอ๋อด้วยต้องเฝ้าตลอดเวลาทำให้ไปทำงานไม่ได้เลยอยากเอามาฝากให้พ่อแม่เลี้ยงดูให้ซึ่งตอนนั้นตาพลกับยายจันทร์ก็ได้แต่รับเอาไว้เพราะสงสารหลานแต่เรื่องที่ว่าเป็นใบ้ก็ไม่นิ่งนอนใจหอบกันสี่คนตา ยาย หลานเข้าอำเภอไปตรวจแล้วก็พบว่าพิธานเป็นแค่เด็กที่มีพัฒนาการช้าไม่ได้เป็นใบ้หรือว่าปัญญาอ่อนแต่อย่างใด

จากการสันนิษฐานของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นบอกว่าแม่เด็กน่าจะเลี้ยงลูกกับโทรทัศน์ไม่ก็หน้าจอโทรศัพท์ทำให้เด็กไม่มีพัฒนาการตามวัยที่สำคัญหมอยังตรวจพบร่องรอยการทำร้ายร่างกายที่ตัวของเด็กชายซึ่งแม้ตาพลกับยายจันทร์อยากจะไปไถ่ถามเรื่องราวให้แน่ใจแต่ก็ไม่มีที่อยู่จะติดต่อลูกสาวและนับตั้งแต่วันนั้นสุรีพรก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยเรื่องราววัยเด็กที่น่าสงสารของพิธานจึงยังคาใจของคนเป็นตายายมาจวบจนทุกวันนี้

“หนูจะดูแลน้องเอง” และนี่ก็เป็นคำพูดของเด็กหญิงวัยเก้าขวบกว่าในตอนนั้นจนเวลาผ่านมาถึงตอนนี้พิราอรก็พิสูจน์แล้วว่าเธอทำได้อย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ เด็กหญิงที่รับรู้ถึงความลำบากของตากับยายมาโดยตลอดเข้าใจและพยายามที่จะดูแลน้องชายที่แสนพิเศษของเธอให้ดีที่สุด

อากาศยามเช้าในบ้านสวนเย็นสบายไร้ควันพิษต่างจากกรุงเทพฯ ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยติดหน้าไว้เสมอแถมที่ต่างจังหวัดแบบนี้การใช้ชีวิตของผู้คนก็ไม่ยุ่งยากวุ่นวายเหมือนในเมืองกรุงจนบางครั้งพิราอรก็อยากจะกลับมาอยู่บ้านแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะยังหาเงินไม่ได้มากอย่างที่ใจต้องการแถมน้องก็ยังต้องเรียนหนังสือทุกวันนี้เลยต้องอดทนไปก่อนแล้วสักวันเธอจะหอบเงินกลับมาเริ่มต้นทำมาค้าขายที่บ้านพร้อมๆ กับดูแลตากับยายด้วย

“ข้าวของครบหรือยังลูก? ขนไปขึ้นรถเลยไหมตาเขาออกไปรออยู่แล้ว” ยายจันทร์มาเรียกหลานสาวที่กำลังยืนตรวจดูตะกร้าข้าวของและปิ่นโตที่จะเอาไปวัด

“ยายไปรอปิดบ้านเลยจ้ะเดี๋ยวหนูกับน้องถือไปเอง” เมื่อดูว่าของที่ตั้งใจเตรียมไปทำบุญที่วัดครบถ้วนแล้วพิราอรก็เรียกน้องชายให้มาลำเลียงข้าวของไปใส่ที่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของตาที่บ้านเราใช้เป็นพาหนะเดินทางไปไหนระยะทางใกล้ๆ แต่ถ้าจะไปที่ไกลๆ จะใช้วิธีจ้างวานคนแถวบ้านให้พาไปส่งซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่รับเงินค่าจ้างยายเลยตอบแทนด้วยการปันผักและผลไม้จากสวนให้เป็นการตอบแทนน้ำใจ

พอมาถึงวัดพิราอรกับยายก็ไปช่วยกันถ่ายอาหารจากปิ่นโตใส่บาตรเพื่อรอเวลาประเคนซึ่งวันพระแบบนี้ผู้คนต่างมาทำบุญกันหนาตาและส่วนมากก็เป็นคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้นเจอกันก็ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคยที่เห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

“โฟม พี่ฝากตรงนี้หน่อยนะจะออกไปรับโทรศัพท์สงสัยจะมีงานเข้า” หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สั่นไม่ยอมหยุดมันขึ้นชื่อพี่คนหนึ่งที่ทำโมเดลลิ่งและบริษัทออแกไนซ์เป็นคนโทรเข้ามาและทุกครั้งก็มีงานมาป้อนให้เธอเสมอพิราอรจึงไม่อยากที่จะพลาดการรับสาย

“ไปเลยพี่เดี๋ยวโฟมอยู่ช่วยยายเอง” เมื่อน้องชายรับปากเธอจึงกดรับสายแล้วเดินเลี่ยงลงมาจากศาลาเพื่อหาที่เงียบๆ เพื่อที่จะคุยเรื่องงานโดยไม่ไปรบกวนใคร

“สวัสดีค่ะพี่ต้อ”

“เป็นยังไงบ้างลูกสาวเงียบหายไปเลยตอนนี้หนูอยู่กรุงเทพฯ หรือเปล่าคุณพี่มีงานด่วนมาให้ค่ะพรุ่งนี้เดินทางไปเชียงใหม่ค่าใช้จ่ายที่พักแล้วก็ค่าเดินทางพี่ออกให้หมดส่วนค่าตัวงานสองวันไปเป็นพิธีกรงานเปิดร้านขายตุ๊กตาไฮโซค่าตัวสองหมื่นห้าเน็ตค่ะลูก ใส่ชุดแบ๊วๆ แนวโลลิต้ามีแจกใบปลิวแล้วก็ทำกิจกรรมนิดๆ หน่อยๆ อ้อมีสคริปต์ภาษาอังกฤษด้วยนะ” พี่ต้อเป็นอีกคนที่เธอร่วมงานมานานจึงรู้ทางกันอยู่ได้งานดีเงินก็ดีแบบนี้เรื่องอะไรพิราอรจะปฏิเสธ

“ตอนนี้หนูอยู่บ้านยายที่จันทน์ค่ะแต่บ่ายกลับเข้ากรุงเทพฯ ก็ทันพรุ่งนี้เดินทางกี่โมงคะหนูจะได้เตรียมตัวถูกชุดนี่หนูหาไปเองหรือพี่ต้อมีให้คะ?” เพราะคิวงานของเธอยังว่างอยู่อีกหลายวันจะมีงานอีกครั้งก็อาทิตย์หน้าเลยไม่ต้องคิดอะไรนานเรื่องรับงานนี้จะกลัวก็แต่เรื่องเตรียมตัวนี่แหละถ้าต้องหาชุดแล้วเธอจะไปหามาจากไหนได้ทัน

“ถ้าหนูมาถึงกรุงเทพฯ แล้วเข้ามาหาพี่ได้เลยมาลองชุดได้ที่นี่มีเยอะแยะค่ะ แล้วก็ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเจอกันตอนหกโมงเช้าที่สนามบินดอนเมืองตกลงว่าหนูรับงานพี่นะจะได้ไปคอนเฟิร์มตั๋ว”

“โอเคค่ะพี่ต้อเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันค่ะ” หลังจากวางสายพิราอรก็กลับขึ้นไปบนศาลาทันได้ประเคนอาหารถวายพระรับศีลรับพรจากนั้นเธอก็แทบจะวิ่งเพราะต้องบึ่งไปขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ยังอยู่บ้านไม่ทันหายคิดถึงยายเลยแต่เพราะเหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ที่บ้านเลยเคยชินกับการมีงานกะทันหันของเธอพอสมควร

“โฟมเลยต้องกลับมากับพี่เลยเนี่ยแต่อันที่จริงพี่อยู่บ้านได้นะเราตามกลับมาทีหลังก็ได้” พิราอรพูดกับน้องเมื่อทั้งคู่มานั่งอยู่บนรถตู้รอบบ่ายเรียบร้อยแล้วเรียกได้ว่ามาถึงแบบฉิวเฉียดเพราะมีที่นั่งว่างสองที่สุดท้ายพอดิบพอดี

“ไม่เป็นไรครับโฟมกลับมาช่วยดูบ้านให้พี่ฟองดีกว่าเดี๋ยวเราหาเวลาว่างแล้วค่อยกลับไปหาตากับยายอีกก็ได้” พิธานไม่ค่อยวางใจที่จะปล่อยให้พี่สาวอยู่บ้านคนเดียวเท่าไหร่ถึงที่บ้านจะไม่ได้มีขโมยแต่เขาก็แค่เป็นห่วง

“ครั้งหน้าพี่จะหาเวลาว่างยาวๆ แล้วก็ไม่รับงานด่วนเลยแต่อันนี้มันเงินดีไงพี่เลยอยากรับว่าแต่จะไปเลือกชุดกับพี่ด้วยหรือเปล่าหรืออยากกลับไปนอนบ้านมากกว่า” เรื่องเงินเรื่องทองนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับตอนนี้เพราะฉะนั้นถ้ามีงานเข้ามานั้นพิราอรพยายามที่จะรับเท่าที่คิวของตัวเองจะว่างและร่างกายยังไหว

“ไปด้วยก็ได้ครับยังไงกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” ปากบอกไปอีกอย่างทั้งที่จุดประสงค์จริงๆ ของพิธานคือไปสกรีนชุดให้พี่สาวไม่ให้มันโป๊เปลือยจนเกินพอดี

กว่าจะฝ่าฟันรถติดมาถึงโมเดลลิงใหญ่ใจกลางกรุงก็เป็นเวลาเย็นย่ำแต่บริษัทยังคึกคักเพราะกำลังจัดเตรียมข้าวของสำหรับเดินทางไปเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ซึ่งทันทีที่พิราอรเข้าไปถึงก็ถูกดึงตัวเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้าพร้อมๆ กับน้องชายที่ตามติดก้นเธอเป็นขี้ปลาทอง

“วันนี้มาคู่สองคนพี่น้องเลย ไหว้พระเถอะค่ะลูกชายลูกสาวหนูมาเลือกชุดจากราวนี้เลยค่ะพี่คัดไว้ให้แล้วว่าเป็นสีมงคลที่ลูกค้าชอบ เลือกติดไปสักสี่ห้าชุดเลยนะคะเผื่อๆ ส่วนรองเท้าก็ทางนี้เลยลุยเต็มที่เดี๋ยวพี่ขอไปสั่งงานข้างนอกก่อน” พี่ต้อเจ้าจองโมเดลลิงสั่งความไฟแลบก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้สองคนพี่น้องได้แต่ยืนมองหน้ากันสองคน

“พี่ฟองต้องลองใส่ก่อนหรือเปล่า?” พิธานสุ่มหยิบชุดจากราวแขวนมาหนึ่งตัวมองดูแล้วมันก็เหมือนชุดแม่บ้านในการ์ตูนญี่ปุ่นที่ออกแนวน่ารักมากกว่าเลยวางใจว่าไม่โป๊เมื่อพี่สาวใส่แล้วมันจะต้องออกมาดูดีแน่ๆ

“ต้องลองแหละเดี๋ยวโฟมช่วยพี่ดูด้วยนะ” พอพูดจบพิราอรก็ถอดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปที่ตัวเองสวมออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามบังทรงก่อนจะปลดกางเกงยีนจนเหลือแค่กางเกงขาสั้นเนื้อบางข้างในซึ่งเป็นชุดกันโป๊ที่เธอมักจะเลือกมาสวมใส่ตอนออกไปทำงานหรือว่าเข้ามาลองชุดเพื่อรับงานเพราะบ่อยครั้งที่สถานที่ในการเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่อำนวยเธอจึงต้องเลือกที่จะเซฟตัวเองเอาไว้ก่อน

หนึ่งชุดผ่านไป สองชุดผ่านไปจนเมื่อมาถึงชุดที่แปดแล้วพิราอรเพิ่งเลือกชุดที่ตัวเองใส่ได้พอดีแค่เพียงสองชุดจนกระทั่งพี่ต้อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเธอเลยถูกคำสั่งให้ลองสวมมันทุกชุดเลยแล้วเลือกชุดที่ใส่แล้วพอดีที่สุดออกมาจะได้ไม่มีปัญหาต้องไปสอยเสื้อสอยผ้ากันหน้างาน

“อยากให้น้องโฟมแบ่งส่วนสูงให้ลูกสาวบ้างสักนิดก็ยังดีค่ะ ดีนะที่รองเท้ามันมีสีหลักแค่สองสีใส่กับชุดอะไรก็ได้เลยไม่ต้องปวดหัวตกลงเอาสี่ชุดนี่นะคะเดี๋ยวพี่จะได้แยกไว้ให้คนจัดลงกระเป๋าเตรียมไว้ให้ อ้อ แล้วนี่ก็สคริปต์ในงานค่ะดูผ่านๆ ตาก็พอค่ะเพราะหน้างานหนูต้องด้นสดอยู่แล้ว เฮ้อ ฉันเหนื่อยจริงๆ งานด่วนแบบนี้จะไม่รับก็ไม่ได้ผู้หลักผู้ใหญ่ฝากฝังมา” หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าพี่ต้อก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วบ่นออกมาอย่างอ่อนใจ

“เหนื่อยแย่เลยนะคะแล้วนี่พี่ต้อมีอะไรให้ฟองช่วยอีกหรือเปล่า ฟองช่วยจัดของขนอุปกรณ์ได้นะพี่” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วงเพราะทำงานกันมานานและพี่ต้อไม่เคยมองเธอเป็นตัวสำรองเวลามีงานที่เหมาะสมก็มักจะเรียกใช้เธอเป็นคนแรก

“แค่หนูรับงานก็ช่วยพี่มากแล้วลูกงานเพิ่งมาถึงมือเมื่อสองวันก่อนแค่เตรียมพร็อพอะไรก็ไฟลนก้นแต่เกือบจะมาตกม้าตายอีตรงคนที่ประสานงานลืมหาเอ็มซีคุณแม่นี่ควันออกหูนี่ถ้าหนูไม่รับงานก็คงตายหยังเขียด นี่ไล่มันไปดูหน้างานที่เชียงใหม่แล้วถ้าจัดไม่ดีนะพี่จะหักเงินเดือนมันจริงๆ กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะแล้วพรุ่งนี้เราเจอกันนะ” พอได้ระบายความอัดอั้นพี่ชายหัวใจหญิงก็ซัดเสียเต็มข้อพรั่งพรูความอึดอัดใจออกมาจนหมดสิ้นทางด้านคนฟังก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เป็นกำลังใจ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว