บทที่ 39 ซู่ซินถูกตี
เว่ยฉางอันไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางรู้สึกว่าสายตาที่หรงหลีเซิงมองมาที่นางนั้นแตกต่างไปจากเดิม ร้อนแรงจนนางอยากจะหลบหนี ดังนั้นนางจึงจงใจแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมา
"เจ้าไม่ได้มองข้า แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังมองเจ้าอยู่?"
"หม่อมฉัน..."
เมื่อถูกหรงหลีเซิงถามเช่นนี้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนมีลมหายใจติดค้างอยู่ในลำคอ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อ นางพบว่าตัวเองไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบชั้นเขาได้
เขาเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยม ปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้
เมื่อคิดได้ดังนี้ ใจของเว่ยฉางอันก็พลันหวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้ง หากนางร่วมมือกับเขา วันหนึ่งนางจะถูกเขาหลอกขายและยังต้องนับเงินให้เขาอย่างงี่เง่าหรือไม่
"เจ้าวางใจได้ ในเมื่อบอกว่าจะร่วมมือกัน ผลประโยชน์ก็จะเป็นของทั้งสองฝ่าย"
วินาทีถัดมา เสียงของเขาดังขึ้นข้างหูเว่ยฉางอันราวกับปีศาจ ทำให้ขนของนางลุกชัน
เขาเป็นพยาธิในท้องของนางจริง ๆ หรือ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ความคิดในใจของนางถูกหรงหลีเซิงเปิดเผย
เว่ยฉางอันนึกถึงตอนที่นางไม่อยากร่วมมือกับเขาเป็นครั้งแรก ดวงตาสีดำสนิทของเขาดูล้ำลึกน่ากลัวยิ่งนัก ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย
"ชินอ๋องวางใจเถอะ หม่อมฉันไม่เคยคิดจะปฏิเสธการร่วมมือกับชินอ๋องเลยสักนิด"
พูดจบประโยคนี้ เว่ยฉางอันก็อยากจะตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง จากนั้นก็จ้องมองคนตรงหน้าอย่างตำหนิ
ก็เพราะเขามีอิทธิพลต่อนางมากเกินไป นางถึงได้หลุดปากพูดสิ่งที่คิดในใจออกมาโดยไม่ตั้งใจ
หรงหลีเซิงมองนางที่ดูเหมือนจะกลัวตนเองเช่นนี้ เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ปกติเขาน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ ถึงขนาดทำให้นางตกใจได้ขนาดนี้
"ท่านอย่าขยับสิ ยาจะหลุดหมดแล้ว!"
ผลที่ได้คือความคิดในใจของเขายังไม่ทันได้คิดจบ เว่ยฉางอันที่อยู่ตรงหน้าก็ร้องเสียงดังด้วยความตระหนก ลืมความกลัวไปหมดสิ้น ยกมือขึ้นจับหน้าของเขาดันขึ้นอย่างแรง
ในชั่วพริบตา สายตาของทั้งสองก็ปะทะกัน
อึก~
ในหัวของเว่ยฉางอันว่างเปล่า สิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงกลืนน้ำลายของตนเอง
อะไรกัน? คนตรงหน้าใบหน้าเต็มไปด้วยขี้ผึ้ง เหตุใดตนถึงยังกลืนน้ำลายอยู่อีก?
ตอนที่นางยังสงสัยว่าเหตุใดถึงเป็นแบบนี้ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองคันยิบ ๆ แล้วก็ได้สติกลับมาบ้าง
เมื่อมองให้ดี ก็พบว่านิ้วเรียวยาวของหรงหลีเซิงหยุดอยู่บนแก้มของนาง
"ท่านกำลังทำอะไร?"
เว่ยฉางอันถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วมาก แต่นางก็ยังทำท่าเคร่งขรึม ถามเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ผมของเจ้าหลุดลงมา ข้าเลยยื่นมือไปจัดให้"
เมื่อเทียบกับความร้อนรนของนาง หรงหลีเซิงกลับดูเป็นธรรมชาติกว่ามาก ยกมือชี้ไปที่ผมของนางที่ยังไม่ทันได้เกล้าขึ้น
เว่ยฉางอันได้ยินดังนั้น ไม่สนใจว่ามือยังมียาอยู่ รีบใช้ฝ่ามือปัดผมไปไว้หลังหู พลางพึมพำเบา ๆ ว่า "ผมหลุดลงมาหม่อมฉันจัดเองได้ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้"
ไม่คิดว่าหูของหรงหลีเซิงจะไวมาก พอได้ยินนางพูดแบบนั้น คิ้วก็ขมวดขึ้นทันที "พวกเราหมั้นกันแล้ว ในฐานะคู่หมั้น การจัดผมให้กันหน่อยจะเป็นไรไป?"
คำตอบของเขาทำให้เว่ยฉางอันอึ้งอีกครั้ง ไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร "ท่านอย่าพูดกับหม่อมฉันอีกเลย! รออีกสิบห้านาทีแล้วล้างออกก็พอ หม่อมฉันขอตัวก่อน!"
สุดท้ายนางก็ทำได้แค่ตะโกนใส่หรงหลีเซิงราวกับปลุกใจตัวเอง จากนั้นก็หนีไปอย่างรวดเร็ว
หรงหลีเซิงยังไม่ทันได้พูดสักคำ นางก็วิ่งหายไปแล้ว
"เหอะ..."
สุดท้าย เขาก็ได้แต่มองประตูห้องที่ถูกเปิดอ้า ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบา ๆ
ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสนใจขึ้นทุกที
"เว่ยฉางอัน เจ้าช่างขี้ขลาดเสียจริง"
ในขณะที่ขึ้นรถม้ากลับจวน เว่ยฉางอันนึกถึงฉากเมื่อครู่ในใจไม่หยุด รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป ตั้งใจจะเข้มแข็ง แต่กลับพ่ายแพ้ต่อหรงหลีเซิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้ง ๆ ที่นางเผชิญหน้ากับเว่ยเจียวอิง เผชิญหน้ากับคนอื่น ๆ ได้ดีมาก ท่าทีเองก็แข็งกร้าวยิ่งนัก แต่พอเจอคนเจ้าเล่ห์คนนั้น การเสแสร้งของนางก็ถูกเขาทำลายลงทีละน้อย
‘เว่ยฉางอัน เจ้าห้ามเป็นเช่นนี้อีก’
นางเตือนตัวเองในใจอย่างเย็นชา เงยหน้าขึ้น นางก็กลายเป็นเว่ยฉางอัน ผู้มีจิตใจเย็นชาและใบหน้าเย็นชาแล้ว
"ไม่ใช่ สิ่งของพวกนี้เป็นของคุณหนูข้า เป็นของคุณหนูรองที่ยืมไปใช้ ตอนนี้คุณหนูข้าแค่เอากลับคืนมาเท่านั้น พวกเจ้าวางของพวกนั้นให้ข้าเร็ว ๆ"
เว่ยฉางอันได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมในลานเรือนแต่ไกล และมีคนใช้หยาบคายสองสามคนยืนอยู่ที่ประตูเรือนของนาง
"พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่? ในนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
มองพวกเขา นางรู้สึกไม่สบายใจ รีบตะโกนเสียงเย็นใส่พวกเขา
"คุณ...คุณหนูใหญ่..."
พวกเขาได้ยินเสียงเย็นชาของเว่ยฉางอันดังขึ้นข้างหู ตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ท่าทางเหมือนเห็นผี พูดอึกอักไม่กล้าพูด
"ทุกคนหลีกทางให้ข้า"
นางตั้งใจจะเข้าไป แต่ไม่คิดว่าพวกคนใช้หยาบกระด้างเหล่านั้นยังคิดจะยื่นมือมาขวางนาง แต่กลับถูกนางตะโกนด้วยเสียงดุดันจนตกใจไม่กล้าขยับอีก
เว่ยฉางอันก้าวเข้าไปในลานเร็ว ๆ แล้วก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้นางโกรธจนฟ้าทลายทันที
เห็นซู่ซินในตอนนี้ใบหน้าเล็ก ๆ ถูกตบจนบวมทั้งหมด บางที่ยังแตกด้วย แต่นางยังกัดฟันกลั้นน้ำตา กอดของที่อยู่ตรงหน้าแน่น ไม่ยอมให้ใครเอาไปเด็ดขาด
"พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน ทุกคนกล้าหาญขึ้นแล้วใช่หรือไม่ ถึงกับมาก่อเรื่องในลานของข้า"
นางมองซู่ซินด้วยความเจ็บปวดใจ จากนั้นก็เห็นคนที่กำลังทำตัวเป็นใหญ่อยู่ นั่นก็คือหลิวอี๋เหนียง ผู้เป็นมารดาแท้ ๆ ของเว่ยเจียวอิง
ได้ยินเสียงของเว่ยฉางอัน ทุกคนต่างตกใจหันหน้ามา แต่พอเห็นนางแล้ว กลับสงบลงอย่างน่าประหลาด
มีเพียงซู่ซินที่เหมือนเห็นฟางช่วยชีวิต ร้องเรียกนางด้วยความดีใจอย่างอู้อี้จากปากที่บวมปูด "คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว หลิวอี๋เหนียงพวกนั้นจะเอาของไป"
เว่ยฉางอันได้ยินคำพูดของนาง ในใจก็เจ็บปวดอีกครั้ง สาวใช้โง่คนนี้ ของสำคัญหรือคนสำคัญกว่ากัน
ก้าวเดินไปข้างหน้านาง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน "เจ้าไปทายาก่อน ไม่ต้องกังวล ของที่ควรเป็นของข้า ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันเอาไปหรอก"
ของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ซู่ซินใช้ร่างกายอันอ่อนแอขวางเอาไว้ นางจะยอมให้พวกนั้นเอาไปได้อย่างไร!
ทุกครั้งที่นางคิดจะปกป้องคนข้างกายให้ดี แต่ก็มักจะมีคนมาทำร้ายคนที่นางใส่ใจเสมอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะต้องเกรงใจคนพวกนั้นเพื่อสิ่งใด?
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว