ฤทธาลัย

2/3-การกลับมาของผู้เป็นที่รัก-

วานซืน

ทุ่งพระเมรุ

หลวงไวยวาทยะ เดินออกมาจากวิกพระยาเทเวศร์ ด้วยสีหน้าปั้นยาก มือก็นิดเดียว ทำไมถึงเจ็บนัก รอยตบที่แก้มขวา แต่ทำไมกลับมาแสบๆคันๆ อยู่ตรงหัวใจ ตอนนั้นเอง ระนาดหนุ่มได้ยินทำนองเพลงจีนคุ้นหู เขาเดินไปจนถึงโรงงิ้ว มีคนดูอยู่เนืองแน่น เรื่องโซวหลักเนี้ย เล่นมาถึงตอนที่สอง ชายหนุ่มแหวกฝูงชนเข้าไปใกล้ สายตาเที่ยวมองหาหญิงสาวอายุราวสิบแปดสิบเก้า ที่พอจะคุ้นสายตา เขาเที่ยวมองหา จนอ้อมมาด้านหลัง

"ลื้อมาอำอาราย" สำเนียงจีนถามขึ้น

"เถ้าแก่ ฉันมาตามหาคน"

"ซี้ซั้วต่า! ใคร ลื้อมาตามหาใคร" ชายชราโบกไม้โบกมือไล่ อย่างรำคาญ

"เถ้าแก่กวง เถ้าแก่รู้จักเถ้าแก่กวงไหม"

ชายชราลูบเคราขาว หรี่มองเขาอย่างพินิจ

"ก็อั๊วนี่แหละ เถ้าแก่กวง แต่อั๊วไม่รู้จักลื้อ" ไตร ฟังคำตอบนั้นอย่างลิงโลด จับตัวชายชราเขย่าด้วยยินดี

"ฉันมาหาเพ็ง เพ็งอยู่ที่นี่ใช่ไหมเถ้าแก่" ชายหนุ่มร้องเกือบเป็นตะโกน ชะโงกหน้าไปดูหลังโรง ที่ๆเขาพบเธอครั้งแรก

"บ๊อๆ คณะอั๊วไม่มีคงชื่อเพ็ง" ชายชราทำท่าคิดหนัก

"มีซิเถ้าแก่ สิบกว่าปีก่อน ตอนเถ้าแก่ไปเล่นงานศาลเจ้าพ่อใหญ่ เขายังอยู่เลย อยู่กับ.. กับผู้หญิงที่เล่นเป็นอู่ตั้น" เจ้าไตรจำได้ทุกรายละเอียด เพ็ง พี่อยู่นี่แล้ว

"โอวเจี้ยวอ่า อั๊วจำม่ายไล่"

"เถ้าแก่ เถ้าแก่คิดดีๆ ตอนนี้เขาน่าจะสักสิบเก้า น่าจะสูงเท่านี้" ไตรทำไม้ทำมือ ไม่ลดละ

"อาหมวยอ่า? " คนวัยไม้ใกล้ฝั่ง นึกแล้วนึกอีก

"พ่อมาตามหามัน เป็นญาติโยมกันกระนั้นรึ" เสียงของผู้หญิงแหวขึ้นกลางวง เธอคือหญิงสาวที่เคยเล่นบทอู่ตั้น หรือตัวละครหญิงมีวิทยายุทธคนนั้น หล่อนเดินมาหยุดมองชายหนุ่มด้วยหางตา

"ลื้อจำได้หรอ อาเหม่ยเหม่ย" เถ้าแก่หันมาถาม

"จำได้ซิเฮีย วันนั้นมันขโมยของฉัน เฮียตีมันเกือบตาย มีเศรษฐีแก่มาขอซื้อไป ฉันเลยขายมันให้เขาไปแล้ว"หล่อนพูดอย่างไม่แยแส

ชายหนุ่มนิ่ง กำมือแน่นด้วยความโกรธ

"ทำไม มันจะกระไรนักหนา" อาเหม่ยๆแบะปาก มองเขาหัวจรดเท้า "ดูหน้าตา คงไม่ใช่พี่น้องกันหร๊อก"

"นี่พ่อคุ๊ณ ถ้าอยากเจอมันนัก ลองไปสำนักยายแฟงดูปะไร"

กล่าวจบ หญิงผู้นั้นหัวเราะอย่างเสียจริต หลวงไวยเลือดขึ้นหน้า สำนักยายแฟง มันก็สถานครรณิกาลือชื่อนี่เอง หลวงไวยกระชากปกเสื้อแม่ผู้หญิงปากดีคนนั้น เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อน ครั้งนี้อาจจะลองดู

"เขาทำอะไร เขาไปทำอะไรให้หล่อน เด็กผู้หญิงตัวนิดเดียว" เสียงเขาตะคอก

"อย่าๆ ลื้อใจเย็งๆ" เถ้าแก่ห้ามปราม

"อาเหม่ยๆ ลื้อทำอะไรไม่บอกอั๊ว ลื้อขายไปเท่าไหร่ ขายให้ใคร ไปเอาสัญญามาดู"

"สัญญงสัญญาอะไรเฮีย อีเพ็งมันใช่ลูกไทยเสียที่ไหน แล้วเฮียก็พูดเอง ว่าให้ใครมาเอามันไปเสีย มีเด็กเล็กในคณะ มันจะซวย! ฉันก็ทำตามที่เฮียบอกแล้วนี่ไง แหม ทีก่อนหน้านี้ไม่เห็นเฮียถามสักคำ ฉันให้มันอยู่ เลี้ยงมันโตมาไม่อดตาย ก็บุญของมันแล้ว"

นางผู้รับบทอู่ตัน ถ่มน้ำลายลงพื้น เดินสะบัดออกไป

"อั๊วขอโทษนะ อีก็เป็นของอีอย่างนี้" ชายชรากล่าวอย่างรู้สึกผิด

"เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่รู้จริงๆหรอ" ไตรถามอย่างขอร้อง

ชายชราส่ายหน้า "อั๊วจำไม่ไล่เลย"

บทร้องของแม่นางโซวหลักเนี้ย ดังมาให้ได้ยิน "แม่น้ำทิศเหนือ แม่น้ำทิศใต้ คลองหนึ่งสาย เวลาจากกันง่าย เวลาพบกันยาก อีร้องว่าอย่างนี้" เถ้าแก่กวง แปลประโยคนั้นให้เขาฟัง แกเดินจากไปแล้ว เหลือแต่เขากับความผิดหวัง

"เอ็งมันไม่เอาไหน ไม่เอาไหนเลยไอ้ไตร" หมัดขวารัวเข้ากับฝากระดาน เหมือนกับจะให้มันแหลกลงตรงนั้น นี่เขาทิ้งหล่อน ให้ต้องเจอกับอะไร เศรษฐีแก่ สำนักยายแฟง แค่คิด ก็เหมือนใจจะแหลก สัญญาแรกของลูกผู้ชาย ยังรักษาไว้ไม่ได้เลย

"เพ็ง พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ"


แม่พลับพลึงใช้มือปาดน้ำตาจากแก้มทั้งสอง ที่ๆหล่อนยืน มันห่างจากตรงนั้น พอที่จะได้ยินและได้เห็น คนระนาดทรุดลงนั่ง เอามือกุมหน้า มือข้างขวาชุ่มไปด้วยเลือด

"พี่ไตร.. " เสียงของหล่อน เบาราวอากาศ​ หญิงสาวกลั้นเสียงสะอื้น มือพยุงร่างไว้กับเสาศาลาอย่างอ่อนแรง


"แม่พลับพลึง"

หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก

"พ่อแสน" เสียงหล่อนเอ่ย เช็ดน้ำตาออกจากตาทั้งสอง แสร้งทำเหมือนไม่เป็นไร

"มาทำอะไรตรงนี้ เขาหากันให้ทั่ว" คนระนาดทุ้มพูดขึ้น

"ไป กลับเรือนเถอะ" เสียงเขากล่าวดุ นายแสนออกเดินนำหน้า นอกจากนักดนตรี เขายังมีหน้าที่ดูแลคนในวง ยิ่งแม่พลับพลึงคนนี้ ต้องระวังไว้ให้ถ้วนถี่ หากหล่อนหาย หรือเป็นอะไรไป เขาได้หลังขาดตายเป็นแน่ หญิงสาวจำใจ เดินตามนายแสนไปอย่างว่าง่าย เธอเหลียวมองตรงที่เขาเคยยืน เขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ใบหน้าหล่อนสลด ในความมืดไม่มีใครเห็น

"พ่อแสนจ๊ะ วันนี่พี่สนแกไปไหนเสียหล่ะจ๊ะ" หล่อนเลียบเคียงถาม

"นั่นปะไร ฉันเห็นอยู่ ว่าแม่ชำเลืองมาหลายครา อ้ายสนมันตกเรือน มือเจ็บ" นายแสนตอบเรียบ

"พุทโถ่" หญิงสาวอุทาน

"แล้วคนที่มาแทน..."

"อ๋อ นั่นหลวงไวยฯ"

"หลวงไวยวาทยะ ระนาดเอกวโรดม"

นามวโรดม ฉุกขึ้นในความคิด
"แม่พลับพลึง เป็นกระไรไป" นายแสนถาม เมื่อเห็นท่าทีหล่อนแปลกไป

"เปล่าจ้ะ เปล่า ฉันพยายามนึกเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย" แม่พลับพลึงแสร้งถาม ไม่อยากให้นายแสนผิดสังเกตุ เรื่องในเรือนถ้าคนหนึ่งรู้ ก็รู้ถึงท่านเจ้าคุณ

นายแสนโคลงหัว "หล่อนอยู่แต่ในเรือนจะรู้กระไร หลวงไวยคนนี้ เขาตามคณะของพระยาเสวี ไปแสดงที่อีหรอป ไปหลายปีเทียว พึ่งจะกลับมานี่แหละ"

พี่ได้เป็นถึงคุณหลวง ได้ไปถึงอีหรอป พี่ไปได้ดีแล้วทุกอย่าง ทำไมพี่ ถึงไม่ลืมฉันไป

[UPDATE 22/08/23]

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว