คนรักในฝันของประธานกู้ (นิยายแปลจีน) by ตำหนักไร้ต์รัก-ตอนที่ 2 งานเลี้ยงราตรี (1)

โดย  ตำหนักไร้ต์รัก

คนรักในฝันของประธานกู้ (นิยายแปลจีน) by ตำหนักไร้ต์รัก

ตอนที่ 2 งานเลี้ยงราตรี (1)

ตอนที่ 2 งานเลี้ยงราตรี (1)

ณ ห้องจัดเลี้ยงข่ายเสวียนเหมิน โรงแรมซิงลี่แห่งเมืองหลวง

“ประธานกู้ไม่เคยแยแสลูกชายที่อยู่เมืองนอกเลย ครั้งนี้ไม่รู้ว่าอยู่ๆ จัดงานเลี้ยงหรูหราขนาดนี้ไปเพื่ออะไร!!”

“เหมือนว่าวันนี้อีกสามตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงจะมาด้วยเหมือนกัน จัดงานใหญ่โตน่าดูจริงๆ...” แขกสามสี่คนที่รวมตัวกันในงานเลี้ยงกระซิบกระซาบ

หนึ่งในนั้นกล่าวเย้ยหยัน “ถ้าเธอมีคุณตาแบบม่อเฉิงอู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ แถมยังมีพ่อแบบกู้เฉิงเฟิง เธอก็สามารถมีงานเลี้ยงหรูหราที่มีหน้ามีตาแบบนี้ได้เหมือนกัน...” พูดจบก็ส่งเสียงจุ๊ๆ

คนอื่นๆ ที่ฟังคำพูดเขาต่างส่ายหน้าอย่างรู้ใจ อุทานอย่างปลงๆ ในใจ การเกิดใหม่เป็นทักษะเฉพาะทาง ใครใช้ให้พวกเขาวาสนาไม่ดีขนาดนั้นกันล่ะ

คนที่ยืนอยู่ริมสุดกวักมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อยแล้วพูดเสียงเบา “เหมือนว่าเงินทุนของหวนจยากรุ๊ปจะเกิดปัญหา เพราะจนปัญญาเลยต้องหาเงินทุนอัดฉีดจากผู้อาวุโสสกุลม่อแหละ...

“ข้อเรียกร้องที่ผู้อาวุโสม่อเสนอก็คือ ให้กู้อู๋เหยียนกลับประเทศเข้ามาทำงานที่หวนจยากรุ๊ป”

“เธอไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหน ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คงต้องมีฉากเด็ดให้ดูแล้ว”

ผู้คนสบตากันแวบหนึ่ง ชนแก้วพลางยิ้มแล้วยกเหล้าในมือดื่มจนหมดรวดเดียว

ภายในห้องจัดเลี้ยงที่สวยงาม มีแสงไฟส่องสว่างระยิบระยับวางเรียงรายไปด้วยของว่างเมนูพิเศษและเหล้าชั้นดี กู้เฉิงเฟิงชนแก้วกับแขกเหรื่อแต่ละคนที่มาถึงงานเลี้ยงและกำลังเดินกันขวักไขว่อย่างใจเย็น ยิ้มแย้มพูดคุยแสดงความปรารถนาดี บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก

หลิ่วหรูอวี้ที่อยู่อีกด้านสวมชุดกี่เพ้าลายดอกไม้ผลิบาน คลุมไหล่ด้วยเสื้อขนมิงค์สีขาว กำลังพูดคุยกับกลุ่มผู้หญิง เพียงแต่หญิงสาวที่จับกลุ่มคุยกันเหล่านี้ล้วนแต่อยากประจบประแจงหลิ่วหรูอวี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากสร้างโอกาสด้านการงานให้สามีตัวเองผ่านหลิ่วหรูอวี้ หรือเพราะอยากเกาะเธอเข้าสู่แวดวงสุภาพสตรีชั้นสูง

หลิ่วหรูอวี้ฟังคำประจบเยินยอของพวกเธอด้วยความสุขใจเป็นอย่างยิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ กว้างขึ้น

หลี่เหมิงที่อยู่อีกด้านจ้องสร้อยทับทิมที่ใหญ่เท่านกพิราบบนคอเธอแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “หรูอวี้ สร้อยคอเธอคือลาตี้ย่ารุ่นลิมิเต็ดหรือเปล่า ฉันสนใจมานานแล้ว อยากซื้อมาตลอดเลย”

หลิ่วหรูอวี้เหลือบมองหลี่เหมิง ก่อนหัวเราะเยาะในใจ ‘ของแบบนี้ใช่ว่าเธอจะซื้อไหวหรอกนะ’ หญิงสาวกระตุกมุมปากอย่างดูแคลน พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ใช่น่ะสิ ก่อนหน้าฉันพลั้งปากไปคำเดียวว่าชอบ ไม่คิดเลยว่าเฉิงเฟิงจะซื้อให้”

สายตาผู้คนรอบข้างฉายแววอิจฉา “ประธานกู้รักเธอจริงๆ เลยนะ สร้อยคอชื่อดังและล้ำค่าขนาดนี้ แค่พูดว่าชอบก็ซื้อให้แล้ว”

หลี่เหมิงมองใบหน้าภาคภูมิใจของหลิ่วหรูอวี้แล้วเจ็บปวดใจเล็กน้อย ใครใช้ให้สามีตัวเองไม่เอาถ่านกันล่ะ...

เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน “นั่นน่ะสิ เมืองหลวงนี้ใครไม่รู้บ้างว่าคนที่ประธานกู้โปรดปรานที่สุดก็คือหรูอวี้ ต่อให้เป็นดาวบนฟ้า ขอแค่หรูอวี้เอ่ยคำเดียว ประธานกู้จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อตอบสนองเธอแล้ว” ผู้คนต่างเงยหน้ามองสำรวจจ้าวหลิงเอ๋อร์ที่เดินบิดสะโพกมาตรงหน้าอย่างพราวเสน่ห์ นึกดูแคลนขึ้นในใจชั่วขณะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายรู้จักประจบประแจงซะจริงๆ

“หลิงเอ๋อร์ เธอมาแล้ว”

จ้าวหลิงเอ๋อร์เหลือบมองกลุ่มคนที่ล้อมวงกัน ก่อนจูงมือหลิ่วหรูอวี้อย่างสนิทสนมและพูดออดอ้อน “นี่ไม่ใช่ฉันทำเพื่อรักษาหน้าให้เธอหรอกเหรอ ถึงได้ตามหาสไตลิสต์ระดับท็อปโดยเฉพาะ ทั้งยังแต่งตัวอยู่สองชั่วโมง” ขณะพูดก็เดินหมุนตัวตรงหน้าพวกเขาหนึ่งรอบ “ลุคในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนใช่หรือเปล่าจ๊ะ”

ผู้คนนึกตำหนิในใจ ‘แตกต่างมากจริงๆ เหมือนไก่ดำปิ๊ดปี๋ อายไลเนอร์นั่นก็กรีดจนแทบจะยาวไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิก’

หลิ่วหรูอวี้ตั้งใจมองสำรวจแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พิเศษมากจริงๆ”

จ้าวหลิงเอ๋อร์เขย่าแขนหลิ่วหรูอวี้พลางก้มหน้ากระซิบ “ฉันมีเรื่องอยากถามเธอนิดหน่อย พวกเราไปคุยด้านข้าง...”

หลิ่วหรูอวี้มองเธอด้วยความสงสัย ก่อนบอกกล่าวคนอื่นๆ แล้วเดินไปกับจ้าวหลิงเอ๋อร์

ทั้งคู่มาถึงโต๊ะกลมตัวเล็กที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว จ้าวหลิงเอ๋อร์กระซิบถามด้วยความร้อนใจ “หรูอวี้ เธอคิดยังไงเหรอ ทำไมถึงยอมให้กู้เฉิงเฟิงรับเจ้าเด็กเหลือขอนั่นกลับมา”

หลิ่วหรูอวี้หลุบตาลงเล็กน้อย สีหน้าเผยความจนใจ แสร้งทอดถอนใจอย่างน่าสงสาร “ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ช่วงนี้ธุรกิจของเฉิงเฟิงเกิดปัญหา ต้องการเงินก้อนโตอย่างเร่งด่วน เงินทุนทั้งหมดที่รวบรวมมายังอุดรูรั่วไม่ได้ สุดท้ายหมดหนทาง ทำได้แค่ร้องขอให้สกุลม่อลงมือ”

“นี่ไม่ใช่ว่าเธอชักศึกเข้าบ้านเหรอ”

“แค่เด็กเหลือขอคนเดียวที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อของเขา จะสามารถคุกคามอะไรได้ แถมเมื่อสองวันก่อนฉันก็เจอเจ้าเด็กนั่นแล้ว...”

“เจอแล้วเหรอ เจ้าเด็กนั่นเป็นยังไง”

หลิ่วหรูอวี้คิดถึงนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ที่ได้รับเรือนนั้นแล้วพูด “น่ารักมากเลยละ”

“เธอน่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะว่าเธอยังไงดี ใจอ่อนซะขนาดนี้ อย่าได้ถูกหลอกเพราะภาพลักษณ์ภายนอกเชียว”

หลิ่วหรูอวี้หยิกใบหน้าจริงจังของจ้าวหลิงเอ๋อร์อย่างเบามือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาน่าสงสารมากเหมือนกันนะ เด็กขนาดนั้นก็กำพร้าแม่ ไหนจะยังใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเพียงลำพังนานขนาดนั้น”

จ้าวหลิงเอ๋อร์นวดคลึงใบหน้าที่เพิ่งโดนหยิก พูดด้วยความโมโห “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ เธอน่ะ...ใจดีเกินไปแล้ว”

หลิ่วหรูอวี้ได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่ปริปากพูดอะไร ค่อยๆ ยกยิ้มมุมปากอย่างคลุมเครือ

****************************

ภายในห้องพัก กู้อู๋เหยียนยืนหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง พลางทอดมองแสงไฟด้านนอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ม่อเฉิงอู่ร้องเรียกเขาเบาๆ กู้อู๋เหยียนจึงตรงไปประคองข้างๆ อย่างฉลาดเฉลียวแล้วร้องเรียก “คุณตา” ผู้ช่วยที่กำลังประคองผู้อาวุโสม่อพอเห็นเขาเข้ามา ก็ถอยกลับไปรอด้านหลังคนทั้งคู่

“เสี่ยวเหยียน เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง”

กู้อู๋เหยียนหลับตาลง ทันทีที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มละมุนลุ่มลึก ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกรอบลวดสีทองฉายแววอ่อนโยน “ผมรอวันนี้มานานมากแล้วครับ”

ม่อเฉิงอู่ตบหลังมือเขาเบาๆ คล้ายกำลังปลอบโยน “เตรียมตัวเสร็จแล้ว งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว