ลิขิตรักแม่เรือพ่วง-ใบกู้เงินก๊

โดย  เวลาไม่เช้าแล้ว

ลิขิตรักแม่เรือพ่วง

ใบกู้เงินก๊

“เสี่ยวเตี๋ยเป็นความผิดของแม่เอง” นางหลิวสะอื้นไห้ดวงตาที่ขุ่นมัวมีหยดน้ำตาไหลลงมาจนทำให้เสี่ยวหงเอ๋อพลอยเปียกปอนไปด้วย

โจวเถาเถาลูบมือเหี่ยวย่นของมารดาพลางปลอบโยนเบาๆ

“ท่านแม่..ข้าไม่เป็นไรแล้วแค่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้น”

พ่อหวังจ้องลูกสาว” อย่าวิ่งไปมาให้มากนักอยู่บ้านบ้างเถอะ”

เขาไอโขลกขึ้นมากล่าวต่อว่า “ข้าลืมไปว่าเจ้าตกน้ำก่อนหน้านี้”

โจวเถาเถายิ้ม “ข้าไม่เป็นอะไรแล้วท่านพ่อ ข้าจะระวังตัว แต่ท่านต้องดูแลร่างกายของท่านด้วย”

เด็กน้อยคว้าตะกร้าไม้ไผ่ใส่อาหารตะโกนเรียกเสียงใส

"ท่านตาท่านยายกินข้าว”

เมื่อมองดูซาลาเปาน้อยน่ารักแล้ว คู่สามีภรรยาก็อารมณ์ดีขึ้นในทันที โจวเถาเถารีบไปหยิบจานกระเบื้องที่ห้องครัว ครอบครัวทั้งสี่คนพากันนั่งล้อมโต๊ะสี่เหลี่ยมที่ทรุดโทรมเพื่อกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน

อาหารเช้าเรียบง่ายมาก ข้าวต้มหนึ่งหม้อ หัวไชเท้าเค็มหนึ่งจาน และผักป่า

โจวเถาเถาแบ่งขนมไหว้พระจันทร์ออกเป็นชิ้นๆ ช่วยตักข้าวต้มและนำลูกชิ้นออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ หากพ่อหวังกลับไอโบกมือปฏิเสธแล้วกล่าวว่าเขากินไม่ได้ เมื่อโจวเถาเถาไปที่ห้องครัวเพื่อนำจานไปล้างกลับพบว่าน้ำในถังหมดแล้ว

“ท่านพ่อข้าจะออกไปหาบน้ำมาก่อน”

พ่อหวังทุบโต๊ะแล้วด่าทอตนเอง “เป็นตัวข้าที่ไร้ประโยชน์เอง!!” เมื่อเห็นใบหน้าที่สิ้นหวังของพ่อหวัง หญิงสาวก็รู้สึกเป็นทุกข์เพิ่มมากขึ้น ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พ่อหวังพูดกับนางหลิวว่า

“ไปเปิดประตูเถอะ"

โจวเถาเถาที่กำลังจะออกไปหาบน้ำพูดขึ้นว่า “ข้าเปิดเอง”

ก่อนที่คนทั้งหมดจะขยับตัวทำอะไร ประตูที่ลานนอกบ้านก็ถูกเปิดออกมาเสียงดังเอี๊ยด ผู้ที่เคาะประตูเข้าไปในลานพร้อมตะโกนเสียงดัง โจวเถาเถาขมวดคิ้วกลายเป็นญาติและเพื่อนข้างบ้านที่ดูคุ้นเคยกันไม่กี่คน

พ่อหวังลุกขึ้นยืนอย่างลำบากถามด้วยเสียงสุภาพว่า

“มีธุระอะไรกันหรือ? ...นั่งลงก่อนเถอะ”

ชายผู้นั้นเป็นน้องชายของพ่อหวังชื่อหวังต้าซานในปีก่อนโน้นเจอหมีตัวใหญ่บนภูเขาและขายไปได้เงินมาจำนวนมาก ชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าบ้านของหวังเสี่ยวเตี๋ยมากนัก หากเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมและขี้เกียจไปวันๆ พ่อหวังจึงไม่ค่อยชอบมากนัก หวังต้าซานมองไปที่โต๊ะอาหาร ที่มีข้าวต้มตั้งวางอยู่ หลังจากนั้นก็หันมามองโจวเถาเถากวาดตาขึ้นลงสองสามทีอย่างมีนัย โจวเถาเถาหันหน้าเบือนหนี

หวังต้าซานกระแอมในลำคอสองสามทีพูดว่า “ข้ายังไม่นั่งล่ะ ข้ามีเรื่องจะพูด”

พ่อหวังขยับริมฝีปากสั่นๆ อย่างกังวล “มีอะไรหรือ?” หวางต้าซานยิ้ม เหลือบมองโจวเถาเถาอีกครั้ง

"ข้าได้ยินมาว่า หลานสาวข้าเก่งมากนางเข้าไปขายของในเมือง แม้กระทั่งจวนตระกูลหวังเหยียนหวายก็ให้เงินตอบแทนมาเยอะมากนี่…ใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้นจริงก็น่าจะมีเงินมาคืนเพื่อนบ้านที่กู้ไปสิ”

ดวงตาของพ่อหวังออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง เมื่อเขากำลังจะพูดแย้งขึ้นมา หวังต้าซานก็ได้ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะ

“ดูสิ ครอบครัวของพี่สาวจางผู้นี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเขามีคำพูดที่ว่า ญาติห่างๆ นั้นเปรียบไม่ได้กับเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันหรอกหรือ?

“ใช่ลูกชายข้ากำลังจะแต่งงาน ข้าจึงรอไม่ไหวแล้ว”

หญิงวัยกลางคนหน้าตาดูใจร้ายนั่งกระแทกตัวลงบนเก้าอี้เปิดปากพูดขึ้นมา โจวเถาเถาเข้าใจว่าคนทั้งสองคงมาทวงหนี้กับบิดาของนาง หญิงสาวมองไปที่พ่อหวังเห็นนั่งปากสั่นด้วยความโมโห เขาชี้มือไปที่หญิงวัยกลางคนนั้นแล้วพูดว่า

"ป้าจาง ข้าไม่ได้เอาแป้งข้าวโพดสองสามชั่งไปคืนก่อนหน้านี้หรอกหรือ?”

“แป้งข้าวโพดเอามาคืน แล้วเงินสองตำลึงเล่า?”

ป้าจางพูดห้วนๆ กระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะ พ่อหวังถึงกับตกใจกระแอม “เงินอะไรกันอีก?”

นางหลิวผู้เป็นมารดาก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยว่ากระไร เห็นดังนั้นแล้วโจวเถาเถาจึงเดินไปตบหลังบิดาที่กำลังกังวล นางหันไปพูดกับนางจางด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านป้า ปีนี้พืชผลเก็บเกี่ยวไม่ค่อยได้ ท่านเองก็ยังหาเงินไม่ได้แม้แต่ตำลึงเดียว แล้วท่านป้าจะเอาเงินที่ไหนมาให้บ้านข้ายืมหรือ? นางชี้นิ้วไปทางนางจางอีกครั้ง

"ลูกชายข้าเพิ่งอายุแค่หกขวบเท่านั้น ท่านไม่ละอายแก่ใจเลยหรือ?”

ป้าจางถึงกับหน้าแดงด้วยความละอายแก่ใจ หากหวังต้าซานกลับโกรธมาก เขาเตะโต๊ะตรงหน้าจนล้ม น้ำแกงหกกระจายไปทั่วพื้น หวังต้าซานชี้นิ้วด่าโจวเถาเถาทันที

“พี่ใหญ่ท่านเลี้ยงลูกสาวได้ดีจริงๆ ช่างไม่มีสามเชื่อสี่คุณธรรมแม้แต่น้อย เจ้ากล้าไปฟ้องร้องต่อหน้าศาลมั้ย? เจ้ากล้าหรือไม่หวังเสี่ยวเตี๋ย?”

เมื่อเห็นหวังต้าซานให้ท้ายนาง ป้าจางจึงคว้าแขนนางหลิวบิดแขนอย่างดุเดือดพูดว่า

"นี่มันเป็นเงินของครอบครัวข้า ข้าเห็นว่าเจ้าเดือดร้อน ข้าจึงเอาออกมาให้เจ้ายืม เจ้าไม่ยอมใช้คืนข้าสมควรแล้วที่ฟ้าดินลงโทษให้ตาแก่บ้านเจ้าพิการเยี่ยงนี้”

“ท่านย่า ท่านย่า อย่ารังแกท่านยายข้าเลย!!

หงเสี่ยวเอ๋อร่ำไห้อย่างตกใจ พยายามช่วยนางหลิว เด็กน้อยมองนางจางอย่างไม่ไว้ใจ หวังต้าซานส่ายหน้า ป้าจางสะบัดแขนเสื้ออย่างโมโห นางสาปแช่งพลางล้วงหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาจากแขนเสื้อ แล้วตะโกนเสียงดังร้องเรียกผู้คนที่หน้าประตูบ้าน

“เจ้ารังแกข้า ทำร้ายข้า เป็นเพราะเจ้าไม่มีเงินใช้หนี้ถึงได้ทำอย่างนี้กับข้า มาดูสิว่าใบกู้เงินนี่เขียนไว้ว่าอะไร ให้ผู้คนช่วยกันตัดสินผิดถูกให้ข้า”

ในตอนนี้เป็นเวลาสายแล้ว ผู้คนที่เกียจคร้านไม่ได้ไปทำงานรวมทั้งแม่บ้านทั้งหลายที่ผ่านไปมา

ต่างพากันมารวมตัวที่หน้าบ้านตระกูลหวัง” นี่ไง…นี่ไง..ข้าเอาใบกู้เงินให้พวกท่านดู พวกท่านช่วยกันดูสิ..แม้แต่ฮ่องเต้ติดหนี้ก็ยังต้องใช้หนี้ เลย”

“สองตำลึงเงินก็ไม่ยอมคายออกมา..นางจางช่างน่าสงสารจริงๆ”

เมื่อมีผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นางจางก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นร้องห่มร้องไห้ทันที ตะโกนด่าพ่อหวังสาปแช่งพ่อหวังว่าสมควรแล้วที่จะพิการ อีกทั้งยังก่นด่าหวังเสี่ยวเตี๋ยว่าเป็นดาวอัปมงคลอยู่ใกล้ใครก็โชคร้าย ทั้งหวางต้าซานและนางจางสองคนร่วมมือประสานเสียงเป็นทำนองเดียวกันไม่นานนักชาวบ้านที่พากันมามุงดูก็พากันคิดว่าบ้านตระกูลหวังเอาเปรียบโกงเงินผู้อื่น

เมื่อหวังต้าซานเห็นพ่อหวังทำอะไรไม่ถูก เขาจึงโบกใบกู้เงินสะบัดให้ชาวบ้านที่รุมล้อมดูแล้วโค้งคำนับไปที่หวังเสี่ยวเตี๋ย พูดว่า

"อันที่จริงแล้ว..ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง” หวังต้าซานกลอกตา

"บ้านเจ้ามีที่ดินทำไร่ทำนาอยู่สองสามหมู่ ถึงอย่างไรเจ้าก็พิการไม่อาจจะไปทำไร่ไถนาได้เหมือนเดิมแล้ว”

ในที่สุดโจวเถาเถาก็ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของหวังต้าซานแล้ว

บ้านตระกูลหวังมีกันแค่สี่คน บิดาที่เป็นผู้นำครอบครัวล้มป่วยหนัก อีกทั้งมารดาเองก็อ่อนแอ ประกอบกับหวังเสี่ยวเตี๋ยที่เป็นแม่ม่าย พวกเขาจึงอยากจะคดโกงอย่างหน้าด้านๆ

โจวเถาเถายิ้มคว้าใบกู้เงินจากมือของหวังต้าซานมา หวังต้าซานกับนางจางต่างสบตากันด้วยความงุนงง

โจวเถาเถาอ่านใบกู้เงินด้วยเสียงดังฟังชัด

“บุรุษควรเป็นลูกกตัญญู ไม่ล่วงเกินบุพการี ไม่ควรทำให้บุพการีเดือดเนื้อร้อนใจ อีกทั้งควรตั้งใจทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ไปเบียดเบียนใครตามคำสังสอนของขงจื้อ อันลูกกตัญญูรู้คุณจักก่อให้เกิดกุศล….”

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง ป้าจางเอาตัวถามหวังต้าซานว่า “นี่เขียนไว้ว่าอะไร?”

หวังต้าซานส่ายหัวมีเหงื่อหยดตกลงจากหน้าผาก โจวเถาเถาอ่านจบไปหนึ่งย่อหน้า นางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน เหลือบมองผู้คนที่อยู่ตรงหน้านาง

ช่างน่าตลกเหลือเกิน หมู่บ้านกัวเทียนที่ยากจนข้นแค้นแห่งนี้ ไม่มีใครรู้จักหนังสือสักคน ใบกู้เงินนี้เป็นของปลอม แม้กระทั่งหวังต้าซานเองยังไม่รู้เลยว่ากระดาษแผ่นนี้เขียนอะไรเอาไว้

********

เวลาไม่เช้าแล้ว : ชักจะเห็นด้วยกับเพื่อนๆ ว่าหมู่บ้านนี้มีแต่คนแย่ๆ นะคะ แต่อีกไม่นานโจวเถาเถาเถาเราจะกลายเป็นคนพัฒนาหมู่บ้านให้ดีขึ้นค่า รออ่านนะคะ

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว