กำเนิดจักรพรรดิเทพอสูร

ตอนที่ 46

ตอนที่ 46

“หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป การต่อสู้นี้ก็คงไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่ เป็นข้าเองที่ต้องใช้พลังจนหมดสิ้นคงไม่อาจรอดพ้นจากชะตากรรมถูกสังหารโดยไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนไปแน่” ไป๋ซิงหยุดยั้งร่างหันกลับมาเผชิญหน้ากับเหล่ายักษาที่โกรธเกรี้ยวหงุดหงิดจากการวิ่งไล่ตามมาเป็นเวลานาน

เมื่อตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเผชิญหน้าแล้ว จิตใจของเขาก็สงบลง ร่างยืนอย่างมั่นคง สองมือกุมอาวุธเอาไว้อย่างแน่น สิ่งเดียวที่คงเหลืออยู่ในจิตสำนึกแห่งการต่อสู้ที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเหล่ายักษาเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของไป๋ซิงพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ยังไม่ทันไรพวกมันก็เห็นไป๋ซิงเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาหาโดยมีมังกรกฎเกณฑ์แห่งธาตุ กระบี่กฎเกณฑ์แห่งธาตุหมุนวนอยู่รอบกาย

ทว่าในระหว่างนั้นเองการโจมตีมากมายก็พุ่งเข้าไปหาพวกยักษาแต่ถึงการโจมตีนั้นจะร้ายแรงอย่างไรมันก็มิอาจสร้างความเสียหายให้แก่เหล่ายักษาได้

ไป๋ซิงกัดฟันแน่น ตัดสินใจเสี่ยงทุ่มเทเดิมพันเป็นครั้งสุดท้าย เขารวบรวมพลังใช้ท่าร่างอัสนีสวรรค์พุ่งกายขึ้นสู่เพดานเบื้องบนที่สูงหลายร้อยเมตร และหยุดนิ่งลอยอยู่บนอากาศพร้อมประกายสายฟ้ากระพริบอยู่รอบกาย

ไป๋ซิงเปล่งเสียงคำรามลั่น ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถนึกออก ทั้งพลังกระบี่ ท่าร่าง พลังกายาเทพอสูรและกฎเกณฑ์แห่งธาตุ หรือแม้แต่พลังที่กักเก็บไว้ในคอนโดกักเก็บพลังเขาก็ปลดปล่อยออกมาอย่างเรื่อยๆพร้อมด้วยวิชาหมุนเวียนพลังที่ใช้หลักการบีดอัดหลอมรวมในการโจมตีครั้งเดียวและนี่เป็นกระบี่ที่รวดเร็วรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยใช้ออกในชั่วชีวิต

ในขณะที่ไป๋ซิงใช้กระบี่จู่โจมลงไปด้วยเคล็ดวิชากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรยนั้น

ค่า EXP ของเคล็ดวิชาหยาดน้ำแข็งโปรยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

วิชากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรยได้รับ EXP 100 EXP

วิชากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรยได้รับ EXP 100 EXP

วิชากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรยได้รับ EXP 100 EXP

…..

ออร่าเยือกแข็งตามมาด้วยฟาดฟันน้ำแข็งและโล่น้ำแข็งที่ปิดทางหนีของยักษาทั้งเก้าและตามมาด้วยกระบวนท่าพายุน้ำแข็ง นทีเยือกแข็ง โรงศพน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งพันปี หยาดน้ำแข็งโปรยปราย

ติ้ง

วิชากระบี่หยาดน้ำแข็งโปรยเลื่อนระดับ

ในขณะนั้นเองในจิตสำนึกของเขานั้นมีภาพการใช้เคล็ดวิชาในกระบวนท่าต่างๆเริ่มตั้งแต่กระบวนท่าแรกจนจบกระบวนท่าสุดท้าย และภาพนี้นั้นก็ยังคงหมุนวนซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน

“วิชากระบี่น้ำแข็งโปรยนั้นมีความลึกลับไร้ที่สิ้นสุด ถึงจะเป็นกระบวนท่าออร่าเยือกแข็งนั้นถ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งเฉพาะแค่ออร่านั้นสามารถแช่แข็งสภาพอากาศได้ในพริบตา” มีถ้อยคำนั้นในภาพที่เล่นอยู่ในจิตสำนึกของเขา

“นั้นมันการรู้แจ้ง”

“รีบโจมตีตอนนี้เร็วก่อนที่มันจะสายเกินไป” ยักษาดังกล่าวนั้นต่างระดมการโจมตีมากมายเข้าใส่ไป๋ซิงที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ

“โปรยปราย” ในเวลานั้นเองมีหยดน้ำแข็งมากมายพร้อมกับกระบี่ในมือของเขาพุ่งทะลวงเข้าใสร่างของยักษาตัวหนึ่งด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองตามได้ทัน

“ทำลาย”

สิ้นเสียงของเขานั้นพลังของกระบี่ถาโถมทะลวงเข้าใส่ยักษาตนนั้นจนเจาะทะลุผ่านกะโหลก และตามมาด้วยหยดน้ำแข็งมากมายที่พุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างกายของมันจนแตกละเอียด ร่างของยักษาตอนนั้นกลับคืนสู่สภาพเป็นของเหลวสีเงิน

เหล่ายักษาที่เห็นเพื่อนพ้องถูกทำลายนั้นพวกมันก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ร่างกายของ

ยักษาที่ถูกทำลายไปนั้นค่อยๆกลับคืนสภาพขึ้นมาอย่างช้าๆ

แต่ไป๋ซิงไม่ให้เวลามันคืนสภาพกลับมาอย่างสมบูรณ์ เขาสั่งให้กระบี่กฎเกณฑ์แห่งธาตุนั้นพุ่งฟาดฟันทำลายจนมันไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้ เพราะพลังชีวิตของมันถูกบั่นทอนจนหดหายไปมากมาย ยักษาเหล่านี้นั้นจะเป็นเหมือนกับทหารเกราะดำเมื่อร่างกายถูกทำลายไปพลังของพวกมันนั้นจะลดลงเรื่อยๆ

“ตาย” ไป๋ซิงเค้นพลังหมุนเวียนพลังจนหยดสุดท้ายส่งมังกรกฎเกณฑ์แห่งธาตุและกระบี่กฎเกณฑ์แห่งธาตุบดขยี้ยักษาทั้งแปดตนที่เหลือ จนในที่สุดของเหลวสีเงินทั้งเก้าก็สลายหายไปพร้อมกับหมอกสีดำที่กั้นขวางทางเดิน

“รอดแล้วเรา ท่านพ่อท่านแม่” ไป๋ซิงที่เพิ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้หยุดยืนแหงนหน้ารำพึง

ไป๋ซิงทรุดตัวลงนั่งหลับตา การต่อสู้ที่ผ่านมาสร้างความเหนื่อยล้าให้แก่เขาจนถึงขีดสุด

**********

ไป๋ซิงลืมตาขึ้นและเริ่มต้นดื่มกินอีกครั้งและเริ่มรับประทานอาหารที่นำติดตัวมาด้วย หลังจากนั้นเขาศึกษาทำความเข้าใจในเชิงลึกต่อความรู้แจ้งในเพลงกระบี่ที่เพิ่งบรรลุถึง ในขณะที่รอคอยให้พลังในร่างฟื้นคืนกลับมาและพยายามเติมเต็มพลังในคอนโดกักเก็บพลังให้เต็ม ตอนนี้นั้นคอนโดกักเก็บพลังงานของเขาใช้ไปถึงครึ่งหนึ่งทุกคอนโด ไม่ว่าจะเป็นคอนโดพลังปราณคอนโดพลังกายาเทพอสูรและคอนโดพลังกฎเกณฑ์แห่งธาตุ

เขาพบว่าหากออร่าน้ำแข็งรวมเข้าด้วยกันจะยิ่งเพิ่มพูนพลังของเพลงกระบี่ในแต่ละท่วงท่าขึ้นไปได้อีก ทว่าเพลงกระบี่ที่ลึกซึ้งเช่นนั้นไหนเลยสามารถใช้ออกโดยอาศัยเพียงความเข้าใจได้แต่มันก็เป็นข้อยกเว้นสำหรับเขา

ไป๋ซิงทราบดีว่าสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา ขอเพียงเขาสามารถทะลวงข้ามขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นในด้านของกายาเทพอสูร เพลงกระบี่ พลังจิตหรือว่าพลังปราณ เขาจะมีโอกาสเอาชีวิตรอดมากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

เขาอาศัยกฎเกณฑ์แห่งธาตุในการผ่านด่านทดสอบด่านแรก และใช้ความรู้แจ้งในเพลงกระบี่ผ่านด่านที่สอง ในด่านสามที่สมควรมีระดับความยากสูงขึ้นไปอีก เขาต้องการทุ่มสุดตัวถึงจะเอาชีวิตรอดต่อไปได้

**********

ณ ค่ายตระกูลไป๋บริเวณหน้าหุบเขาหมาป่าทะยานฟ้า

นับตั้งแต่การต่อสู้กับคลื่นอสูรและการเดินทางมาถึงของเหม่ยเฟิ่ง สองสามีภรรยานั้นก็พักอาศัยอยู่ในค่ายเพื่อเฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายอย่างสงบ แต่วันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปนั้นกลับยิ่งทำให้จิตใจของทั้งคู่นั้นหนักอึ้ง ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่โอกาสที่ไป๋ซิงจะรอดนั้นก็ยิ่งลดน้อยลงทุกที

เหม่ยเฟิ่งนางมีสีหน้าที่ซีดเซียว “อย่าได้คิดมากจนเกินไปแล้ว” ไป๋ฉีพยายามปลอบใจผู้เป็นภรรยาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอาการป่วยของนางมีแต่จะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ

“ข้าเองก็ไม่อยากคิดมากไป” เหม่ยเฟิ่งทอดถอนใจสายตายังคงเหม่อมองไปยังหุบเขาหมาป่าทะยานฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล “แต่นี่ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วยังไม่มีข่าวคราวของลูกซิงเลย”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากหยกแห่งชีวิตของเขานั้นยังสว่างไสวดีอยู่” หยกแห่งชีวิตนั้นเป็นหยกที่เก็บจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของคนผู้นั้นไว้ เมื่อหยกชิ้นนั้นแตกสลายแปลว่าคนผู้นั้นเสียชีวิตแล้วแต่ตอนนี้หยกของไป๋ซิงยังสว่างไสว

“ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ข้าก็ยังคงห่วง” สำหรับผู้เป็นมารดา บุตรธิดาคือโลกทั้งใบของพวกนาง

“ลูกของเราจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน เพียงแต่เจ้าก็รู้ตัวเองดีว่าอาการป่วยที่เรื้อรังมาตั้งแต่ครั้งที่ยังตั้งครรภ์นี้จะกำเริบหนักทุกครั้งที่เจ้าวิตกกังวลหรือตื่นตกใจ เจ้าต้องดูแลสุขภาพของตนเองก่อนเถิด” ไป๋ฉีร้อนรุ่มอย่างมาก เขาย่อมเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรชายเช่นกัน ทว่าเขาก็ทราบดีถึงสภาพร่างกายของผู้เป็นภรรยาหลังจากที่ทั้งคู่เอาชีวิตรอดกลับมาจากทะเลทมิฬ

ไป๋ฉีประคองภรรยาในวงแขนสายตาทอดมองไปยังหุบเขาเบื้องหน้า เขาได้แต่ส่งเสียงรำพึงอยู่ภายในใจ “ลูกซิงเจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้”

**********

ย้อนกลับมาในโบราณสถาน

ในโบราณสถานแห่งนี้นั้นไม่มีกลางวันและกลางคืนในที่แห่งนี้จึงบอกไม่ได้ว่าวันเวลานั้นผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดแล้ว ทำให้ตอนนี้นั้นเสบียงอาหารที่เขาเตรียมมาและที่เขาได้มาจากพวกฟงมูนั้นใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว ถ้าเขายังไม่สามารถผ่านบททดสอบได้อยู่เขาคงจะหิวตายเป็นแน่

“ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเขาได้ทบทวนและฝึกฝนเคล็ดวิชา พลังปราณ กายาเทพอสูร พลังจิตและกฎเกณฑ์แห่งธาตุจนพวกมันนั้นเพิ่มระดับขึ้นมาได้”

ไป๋ซิงลุกขึ้นยืนกุมกระบี่แห่งแสงไว้ในมือทั้งสองข้างเพื่อเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ “จะตกตายหรือรอดชีวิตก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้เอง”

ตลอดทางที่ก้าวเดินผ่าน ไป๋ซิงยังคงสามารถพบเห็นกองกระดูกและสมบัติวิเศษเป็นระยะๆ ซึ่งเขาก็เพียงแค่ใช้พลังจิตดึงดูดพวกมันเข้าหา ตรวจสอบอย่างรวดเร็วสร้างพันธะครอบครอง แล้วเดินหน้าต่อไปโดยปราศจากความรู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างใด

สมบัติวิเศษเหล่านี้เป็นเพียงสมบัติไร้อันดับ ต่อให้มีปริมาณมากมายเพียงใดก็เพียงสามารถนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนได้ที่โลกภายนอกเท่านั้น หากเขาเสียชีวิตลงที่นี่ทุกอย่างจะกลับกลายเป็นไร้คุณค่าทันที

“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” เสียงอันแหบแห้งดังขึ้นในพื้นที่ห่างไกลและภาษากลางที่ใช้ก็เป็นภาษาที่ใช้อย่างแพร่หลายของจักรวรรดิ์ดาราสวรรค์

ไป๋ซิงรีบมองไปทางต้นเสียง ในที่ห่างไกลเงาร่างสายหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มหมอกสีดำ ร่างที่ดูเหมือนเดินเหินอย่างเชื่องช้าแต่กลับเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้ามาใกล้ ร่างนั้นดูบิดเบี้ยวและปกคลุมไปด้วยขนรุงรังสีดำ ดวงตาสีเขียวเป็นมันวาวจ้องจับมาที่ร่างของเขา “กฎเกณฑ์แห่งธาตุไม่นึกเลยว่าจะมีคนฝึกกายาเทพอสูรว่างเปล่าได้สำเร็จ แต่ก็ยังอ่อนแอเกินไป” เมื่อบุคคลปริศนาเห็นกระบี่กฎเกณฑ์แห่งธาตุที่รายล้อมอยู่รอบกายเขาก็สามารถระบุมันได้ทันที

เพราะขนาดพวกฟงมูนั้นยังไม่รู้เลยว่านี่คือกฎเกณฑ์แห่งธาตุพวกมันนึกว่าเป็นแค่พลังธาตุเฉยๆ นี่ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ตัวประหลาดนั้นพลันปรากฎวูบขึ้นที่เบื้องหน้าของไป๋ซิง มือสีเทาที่มีขนาดใหญ่โตราวกับพัดใบลานเปล่งประกายแห่งความตายออกมาแล้วตบฟาดลงบนร่างของเขาอย่างรวดเร็วจนไม่อาจหลบเลี่ยง ไป๋ซิงทำได้เพียงใช้กระบี่ในมือออกด้วยกระบวนท่าโล่น้ำแข็งสิบชั้นซ้อนซึ่งเป็นท่าตั้งรับที่เขาสามารถใช้ออกได้ในเวลานี้อย่างรวดเร็ว

บุคคลปริศนานั้นขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือของเขานั้นปะทะเข้ากับโล่น้ำแข็งทั้งสิบชั้นและสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย

ในระหว่างที่ฝ่ามือบุคคลปริศนากำลังปะทะเข้ากับโล่น้ำแข็งนั้นไป๋ซิงได้ถอยออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วและอยู่ห่างออกไปนับสิบเมตร

แต่ด้วยคลื่นพลังที่มากมายมหาศาลของบุคคลปริศนาทำให้มีพลังส่วนหนึ่งนั้นเข้ามาปะทะกับร่างกายของเขาทำให้หยดโลหิตของเขานั้นไหลซึมที่มุมปาก

“หือ” บุคคลปริศนานั้นตกใจอย่างมากที่เด็กหนุ่มตรงหน้านั้นสามารถป้องกันฝ่ามือของมันและเพียงแค่ถอยหลังไปเท่านั้น

*********************************************************************

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่องทางyoutube ด้วยนะครับ

ช่อง เล่าไปเรื่อย Channel

https://www.youtube.com/channel/UCq0jhJfgu3BFHkCtMgcTBcQ


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว