รุ่ยซีที่พึ่งหายจากพิษไข้ และถูกบังคับจากผู้เป็นสามีอย่างเจิ้งเทียนฉีสั่งให้นอน นอนและนอน ไม่ได้ออกห้องมาหลายวัน...รุ่ยซีถึงกับต้องนั่งถอดหายใจหลายๆรอบ
"ยาเจ้าค่ะ คุณหนู"ชิงชิงที่เดินมาพร้อมถ้วยยาในมือนำมาวางที่โต๊ะด้านหน้ารุ่ยซีอย่างเบามือ
"ยาหม้อสุดท้ายแล้วใช่ไหม"
"เจ้าค่ะ "
"ดี ข้าจะได้ไม่ต้องกลั้นใจกินอีกต่อไป"
ในที่สุด ก็เป็นอิสระเสียที หลังจากต้องกินหลังอาหารทุกๆมื้อ โดยมีเทียนฉีเป็นผู้กำกับดูแล และวันนี้ถือว่าเป็นวันที่ดี ที่ไม่ได้กินยาหม้อแล้วและวันนี้สามารถออกไปไหนมาไหนได้โดยต้องมีใครมาดุ เพราะวันนี้เทียนฉีต้องกลับเข้าค่ายเพราะมีเรื่องต้องหาลือกับหวินโม่เจียงเป็นการด่วน....
"คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ"
"ข้าเบื่อที่จะต้องมานั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้อง อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว อย่าบอกนะจะห้ามให้ข้าไปอีกละชิงชิง"
"ชิงชิงจะไปมีสิทธิ์ห้ามคุณหนูได้ยังไงเจ้าค่ะ "
"งั้นไปกันเลยดีกว่า" แต่พอเดินออกมาได้สักพักก็ต้องหยุดเพราะเจอคนที่ไม่อยากพบหน้ามากที่สุดนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลากลางสวนอยู่
"ตายจริงฮูหยินใหญ่ออกมาข้างนอกได้แล้วรึ เห็นเดิมทีอ้อนให้เทียนฉีอยู่กับเจ้าตลอดเวลา "หลานหลินพูดขึ้นมา
"ขอบใจที่ท่านเป็นห่วงข้า เห็นว่าตอนข้าไม่สบายท่านไม่อยู่ที่เรือน กลัวเจอภาพที่ไม่อยากเจอรึ"
ตุ้บ!!!!!
"นี่เจ้า!!!"หลานหลินที่เดิมที่นั่งอยู่นั้นต้องลุกขึ้นยืนเพราะคำพูดของรุ่ยซีเมื่อครู่
"อุ้ย! นี่ข้าพูดอะไรผิดไปรึ จำไม่ได้เลย"
"เจ้ากล้าดียังไงมาคาดเดาเรื่องข้า ถึงเจ้าจะเป็นฮูหยินใหญ่ของที่นี่ แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้า นังเด็กบ้า!!"
ถ้าเจอผู้ใหญ่แบบหล่อน ด่ามาด่ากลับ พูดแซะมาแซะกลับ เสมอภาคดี จะให้มายอมเพราะอายุมากอย่างหล่อน ฝันไปเถอะ!!!!!นังป้าแก่
"ข้าไปดีกว่า ถ้ายังอยู่ตรงนี้ และเวลานี้ คงจะไม่สนุกเอา"รุ่ยซีพูดเสร็จเดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรอไว้อยู่แล้ว
"อารมณ์เสียชะมัด เจอนางเมื่อไรจะต้องเรื่องให้ทะเลาะทุกที"
"ใจเย็นๆเจ้าค่ะคุณหนู นางคงอิจฉาที่คุณชายค่อยดูแลคุณหนูไม่ห่างตอนท่านไม่สบาย"
"ผู้ชายไม่สนใจ แล้วมาพาลใส่ข้านี้หรอ "
ไม่นานรุ่ยซีก็มาถึงตลาดขายสินค้า ที่รู้สึกไม่ได้มานานเหลือเกิน.....
"ถังหูลู่1ไม้"
"1 อีแปะขอรับแม่นาง"
ในขนาดที่กำลังหยิบเงินในถุงเงิน ถุงเงินกูถูกชายจากไหนไม่รู้แต่งตัวมอมแม่มวิ่งเอาไป
"คุณหนู!!!!"
รุ่ยซีที่ตอนนี้วิ่งตามชายขโมยถุงเงินของเธอไป แต่ยิ่งวิ่งเท่าไหร่ก็วิ่งไม่ทันเสียที เพราะด้วยชุดที่ใส่ และเสียชื่อนักวิ่งของโรงเรียนหมด ขาเริ่มหมดแรงความเร็วเริ่มค่อยๆชาลงเรื่อยๆจนหยุดนิ่ง แต่ด้วยขาที่เหมือนจะหมดแรงทำให้การทรงตัวไม่อยู่เซล้มใส่อกใครบ้างคน
"แม่นางเป็นอะไรรึไม่"เสียงทุ้มชวนฟัง คนที่รุ่ยซีล้มไปทับอกเขานั้นคาดว่าเป็นผู้ชาย
"ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณที่รับข้าไว้"
"ยินดียิ่งนัก ไม่ต้องกังวลข้าได้ให้ลูกน้องวิ่งตามไปแล้วไม่นานเจ้าจะได้ของเจ้าคืน."
พอได้ตั้งหลักยืนเองได้ และได้เห็นใบหน้าของคนที่เธอเซไปล้มทับเมื่อครู่ ใบหน้าหล่อคม ร่างกำยำ ดูจากการแต่งกายแล้ว เขาคงไม่ใช้คนของต้าฮั่นแน่นอน
ไม่นานลูกน้องของเขาก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงเงินที่ถูกขโมยไป
"เออ...ท่าน ข้าขอบคุณจากใจจริง ข้าชื่อเจิ้งไป๋หลัน "
"ข้าชื่อเหอตวน"
"ถ้าท่านไม่รังเกียจ และท่านไม่มีธุระอันใด ข้าจะขอเลี้ยงอาหารท่านสักมื้อจะได้รึไม่"
"อย่าลำบากแม่นางไป๋หลันเลย ข้าเป็นบุรุษจะให้สตรีเช่นท่านมาเลี้ยงอาหารข้าก็ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าบุรุษเช่นข้าเต็มใจช่วยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน "
"ไม่ได้หรอก หากข้าไม่ได้เลี้ยงท่าน ข้าคงนอนไม่หลับแย่ให้ข้าตอบแทนท่านเถอะท่านเหอตวน"
"ก็ได้เห็นแก่แม่นางที่อยากจะตอบแทนข้า จะให้ท่านเลี้ยงข้าสักมื้อ"
"เถ้าแก่!!!"
"แม่นางต้องการรับอะไรดีขอรับ"
"ท่านเหอตวนอยากท่านอะไรรึไม่"
"ข้ากินอะไรก็ได้ แล้วแต่ท่านเลย"
"งั้นเถ้าแก่ ร้านท่านมีอะไรแนะนำก็เอาให้หมดเลย"
"ได้เลยขอรับ รอสักครู่"
พอสั่งอาหารเสร็จรุ่ยซีก็หันมาถามคนตรงหน้าเพื่อคลายความสงสัย
"ดูจากลักษณะการแต่งตัวของท่าน ท่านคงไม่ใช่คนต้าฮั่นใช่รึไม่"
"แม่นางพูดถูกแล้ว ข้าไม่ใช่คนของที่นี่ ข้ามาจากมองโก ดินแดนที่ห่างจากที่นี่นับพันลี้"
โห้!!!พันลี้เลยรึ
"แล้วท่านทำไมถึงมาที่นี่ได้ละ"
"พอดีท่านพ่อของข้าให้ข้านำม้าชั้นดีและพวกแพะแกะมาถวายแก่ฝ่าบาทของต้าฮั่น"
"คงจะเหนื่อยแย่ ที่ต้องเดินทางมาที่ไกลๆ"
"ข้าขอเสียมารยาทถามแม่นางไป๋เสียหน่อย"
"เชิญถาม"
"ท่านคงจะแต่งงานมีสามีเเล้วสินะ"
เขารู้ได้ยังไงกัน?
"ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าแต่งานแล้ว"
"ข้าก็ไม่รู้มากอะไรมากมาย หากเป็นหญิงสาวที่ไม่เคยแต่งงาน จะไว้ผมยาว แต่ถ้าหญิงที่แต่งงานแล้วจะเกล้าผมขึ้น คนรักของข้าบอกเช่นนั้น นางก็เป็นคนของต้าฮั่นเหมือนกัน"
ไม่นานอาหารที่สั่งก็วางอยู่เต็มโต๊ะอาหาร
"ท่านจ้องหน้าข้ามีอะไรติดหน้าข้ารึ"
"ไม่มี แค่ท่านเหมือนน้องสาวข้าที่จากไป"
"เสียใจด้วย ข้าก็เช่นกันเสียพี่สาวไป"
"งั้นเรามาเป็นพี่น้องกันเถอะ ถ้าแม่นางไม่ถือสา "
"อื้ม!เกอ"
"ไป๋เอ่อร์"
การจะเป็นพี่น้องไม่จำเป็นต้องเกิดมาพ่อแม่เดียวกันแค่ดวงชะตาชักนำให้มาเจอกัน ได้พูดคุย การที่ตอบตกลงแบบไม่ได้คิดเพราะตั้งแต่เจอหน้าก็ถูกชะตาเอามากไม่รู้ทำไม ในสมองในความคิดบอกว่าอย่างงั้น ว่าเชื่อเขาได้ และคาดว่าจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากเขาอีกแน่นอนเชื่อแบบนั้น!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว