กายกินบัว
00
(กาย ถึงไหนแล้ว)
เสียงเล็กๆ ที่คุ้นหูดังออกมาจากปลายสายมันทำให้ผมกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย มันเป็นเพราะว่าคนที่กำลังพูดกับผมอยู่นั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่คงที่
“ใกล้ถึงแล้ว อย่าเร่งได้ปะวะ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ พร้อมกับมองทางข้างหน้าไปด้วยเพราะตอนนี้ผมกำลังขับรถอยู่ยังไงล่ะ และตอนนี้ผมก็กำลังเดินทางไปรับยัยโม เพื่อนสนิทของผมตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะวันนี้แฟนของเธอ ไอ้ขุนพล มันไม่ว่างผมเลยต้องได้มารับแฟนของมันแทนทั้งๆ ที่ผมก็อยู่คนละมหาลัยกับมัน มันเห็นว่าผมว่างมากหรือไงถึงได้ใช้แรงงานผมแบบนี้ แต่ทำไมผมต้องมาดูแลแฟนคนอื่นแบบนี้ด้วยวะ แฟนผมก็ไม่ใช่หรือเพราะที่ทำให้จะเป็นเพราะว่ายัยโมเป็นเพื่อนของผมกันนะ
(อืม เร็วๆ ด้วยนะ ร้อน)
เธอเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนที่จะตัดสายผมไปทันที ผมเลยวางโทรศัพท์ลงก่อนที่จะเลี้ยวรถคันหรูของผมเข้าไปในเขตของมหาวิทยาลัยที่โมเรียนอยู่ ผมมาที่นี่บ่อยครั้งแต่มาทีไรมันก็ไม่คุ้นสักที ก็มันไม่ใช่ถิ่นของผมไง ทำไมต้องคุ้น อ่อ ผมลืมบอกไปผมชื่อกาย เรียนอยู่คณะบริหารของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากมหาลัยนี่สักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่สามแล้วล่ะ แต่เรื่องส่วนตัวของผมช่างมันไปก่อนเอาเป็นว่ามาสนใจปัจจุบันของผมก่อนก็แล้วกัน
ผมเลยตั้งใจขับรถจนไปถึงหน้าตึกคณะที่โมเรียนอยู่ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังทำหน้าตาหงุดหงิดมองมาที่รถของผม เออ นั่นแหละยัยโม เพื่อนผมเอง ตอนนี้เธอกำลังก้าวเข้ามาใกล้รถของผมด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ทำไมนายไม่มาชาติหน้าซะเลยล่ะ”
อืม มีใครเคยบอกยัยนี่หรือเปล่านะว่าตั้งแต่ได้ไอ้ขุนพลเป็นผัวนี่ปากกล้าขึ้นเยอะเลย
“งั้นกลับเองก็แล้วกัน”
ผมเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับเตรียมพร้อมที่จะขับรถออกไปได้ทุกเมื่อ
“กาย!”
“เออ จะไปก็รีบขึ้นมา”
ผมหันไปเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดไม่แพ้กัน นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะไม่งั้นพ่อจะโบกเข้าให้ และหลังจากที่ผมเอ่ยแบบนั้นไปโมก็รีบขึ้นรถของผมมาทันทีพร้อมกับชักสีหน้ามองผมด้วยสายตาหงุดหงิด
“ช่วงนี้เธอหงุดหงิดบ่อยนะ เมนไม่มาหรือไง”
คนอื่นอาจจะมองว่าผมปากร้ายที่กล้าพูดเรื่องแบบนี้ไปกับผู้หญิงตรงๆ แต่ยัยนี่ถือว่าเป็นกรณียกเว้นเพราะด้วยเหตุที่รู้จักกันมานาน ไม่เห็นต้องมีความเกรงใจกันแล้วล่ะ
“นายรู้ได้ยังไง อาการฉันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
โมเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมมาด้วยสายตาที่ดูตื่นตกใจ แต่ทำไมต้องตกใจแบบนั้น อย่าบอกนะว่าที่ผมพูดเล่นๆ เมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริง
“นี่เธอ ท้องเหรอ”
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนของตัวเองทันที ดีที่ตอนนี้เรายังไม่ได้ขับรถออกไปไหนผมเลยหันไปมองหน้าเธอตรงๆ แบบนี้ได้
“อืม ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ประจำเดือนฉันมันไม่มาเป็นเดือนแล้วน่ะ”
เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ นี่เธอก็ยังเรียนอยู่นะ และอีกอย่างมาท้องในช่วงกำลังเรียนแบบนี้มันจะดีเหรอ ถึงสมัยนี้เขาจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้แล้วก็เถอะ
“แล้วไอ้ขุนพลมันรู้หรือยัง”
ผมเอ่ยถาม
“รู้แล้ว เขาเลยให้นายมารับฉันอย่างที่เห็นนี่ไง เขาไม่ปล่อยให้ฉันกลับคนเดียว”
ให้มันได้อย่างนี้สิ สองคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันถึงได้อยากมีลูกในช่วงวัยเรียนกันแบบนี้
“อืม งั้นก็แล้วไป ที่มันทำมันยังรับผิดชอบอยู่”
“ขุนไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
อืม ปกป้องผัวเข้าไป ผมมันแค่เพื่อนนี่พูดอะไรก็ผิด
“เออๆ”
ผมเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเริ่มขับรถออกมาจากหน้าคณะของโมหลังจากที่เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่ระหว่างที่ผมกำลังติดไฟแดงหน้ามหาลัยสายตาของผมก็ไปปะทะกับร่างเล็กๆ ของคนคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ตอนนี้เธอกำลังเดินข้ามทางม้าลายที่อยู่ต่อหน้าผมอยู่ด้วยท่าทางเร่งรีบ แต่เพียงแค่เสี้ยววินาที ผมก็สามารถจำเธอได้ขึ้นใจ ผู้หญิงคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
“นายมองอะไรของนาย”
โมถามขึ้นเมื่อผมเอาแต่จ้องไปที่ร่างเล็กๆ นั่นที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา
“นายรู้จักบัวด้วยเหรอ”
แต่หลังจากที่โมเอ่ยประโยคนั้นออกมาผมก็หันไปมองหน้าเธอทันที โมรู้จักผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอ
“ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ”
ผมเอ่ยถาม หวังว่าคนเป็นคนชื่อบัวที่ผมรู้จักนะ
“บัวบูชาน่ะ รุ่นน้องที่คณะฉันเอง”
คำตอบของโมทำเอาผมนิ่งไปทันทีที่ได้ยิน เพราะคนที่เธอพูดถึงเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรู้จัก แต่ยัยนั่นจะเป็นรุ่นน้องของโมได้ยังไงก็ยัยนั่นอายุเท่าพวกเรา ผมว่ามันต้องมีอะไรแปลกไปแน่ๆ
“นายรู้จักเธอเหรอ”
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกคุ้นหน้าน่ะ”
ผมเอ่ยเสียงเรียบก่อนที่จะทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แล้วค่อยขับรถไปอย่างตั้งใจเหมือนเดิม เรื่องนี้ผมยังบอกกับโมไม่ได้ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนสนิทของผมก็เถอะ แต่ผมมีความลับที่ไม่สามารถบอกให้เธอได้รู้ได้อยู่ ถ้าหากเธอรู้เรื่องนี้เข้า ผมคงคิดว่าโมต้องเกลียดผมเข้าแน่ๆ
หลังจากนั้นผมก็ไปส่งโมที่ห้องของไอ้ขุนพลแล้วผมก็รีบบึ่งรถไปที่ห้องเพื่อนของผมทันที แต่ทันทีที่ผมเดินทางมาถึงห้องของเพื่อนผม ผมก็รีบเดินเข้าห้องมันทันทีด้วยความเร่งรีบ จนไอ้คนเจ้าของห้องมองมาที่ผมด้วยสายตาตื่นตกใจ
“มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้กาย ทำหน้าซะเครียดเชียว”
ไอ้ทอย เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยสงสัย เพราะมันเองก็คงตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ คนที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรอย่างผมก็ทำหน้าเครียดขึ้นมาแบบนี้
“มึงจำผู้หญิงคนนั้นเมื่อสามปีก่อนได้ไหม”
ผมพูดออกมาก่อนที่จะจ้องหน้ามันนิ่งๆ ไอ้ทอยทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะทำสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
“เหี้ย อย่าบอกนะมึง”
“เออ กูเจอเธอแล้ว”
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อวะ”
ใช่ ไอ้ทอยมันรู้เรื่องความลับของผมเป็นอย่างดีมันเป็นเพื่อนสนิทอีกกลุ่มของผมนอกเหนือจากโม และมันก็เรียนที่มหาลัยเดียวกันกับผมด้วย และเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เพราะไอ้ทอยนั่นแหละเป็นคนต้นคิด ไม่งั้นผมคงไม่รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก
“กูไม่รู้ว่ะ กูทำอะไรไม่ถูกแล้ววะตอนนี้”
ผมเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจพร้อมกับภาพในอดีตค่อยๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัวของผมเป็นฉากๆ
นิยายเรื่องนี้ไรต์แต่งไว้นานแล้ว ยังไงก็ลองอ่านเฮียกายมันหน่อยเน้อ
นางแอบมีปมเบาๆ
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะคะ
พลีสสสสส
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว