≠เคมีไม่เข้า-บทที่ 11

โดย  กระรอกน้อยสีน้ำตาลหม่น

≠เคมีไม่เข้า

บทที่ 11


“ขอน้ำ...ขอน้ำให้ข้าดื่มหน่อย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ท่านแม่...เหมยเอ๋อร์เจ็บเหลือเกิน ท่านแม่...เหมยเอ๋อร์คิดถึงท่านแม่…ทำไมไม่ปล่อย...ให้ข้าตายไปเสียเลยเล่า” จินเหมยเสียนฟื้นจากการสลบมาได้สามวันแล้ว เด็กสาวไม่กล้าที่จะขยับตัวไปมาอย่างใจคิด ทุกครั้งที่ขยับตัวไปมาขาข้างซ้ายจะได้รับการกระทบกระเทือน เด็กสาวรู้สึกเจ็บเสียจนอยากจะกลั้นใจตาย แต่การกลั้นใจตายนั้นไม่อาจทำได้ง่ายดายดังใจคิด จินเหมยเสียนได้แต่นอนจมอยู่บนกองฟางและมองสภาพพิกลพิการของตนเองด้วยความสิ้นหวัง ยามค่ำคืนแสนเหน็บหนาว ความเย็นกำลังกัดกร่อนไปถึงกระดูกและหัวใจของเด็กสาว

เสียงเปิดประตูคอกม้าทำให้จินเหมยเสียนกัดฟันและปิดปากแน่นไม่ยอมให้มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกไป หากถามว่าจินเหมยเสียนกลัวอะไร คงตอบได้ว่ากลัวนางถูหลิวจะมาทำร้ายซ้ำลงที่แผลที่เจ็บจนเหมือนว่าอาจจะทำให้นางตายลงในเวลาไม่ช้านี้ แต่จินเหมยเสียนกลับเจอกับแววตาอ่อนโยนของชายชุดดำ ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำนั้น จินเหมยเสียนมองเห็นได้แต่แววตาที่แสนจะคุ้นเคย จินเหมยเสียนพยายามคิดเท่าไร เธอก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นแววตาคู่นี้ที่ไหนมาก่อน

“พี่ชาย...ท่านคือใคร ท่านกลับมาอีกแล้ว หากท่านเป็นบ่าวในเรือนนี้ ท่านมิต้องช่วยเหลือข้าให้เป็นภัยกับท่านในภายภาคหน้า เงินทองนั้นข้ามิหามาตอบแทนให้ท่านได้” จินเหมยเสียนพูดด้วยเสียงแหบแห้งแสนแผ่วเบา นางขอเตือนผู้มีพระคุณด้วยความปรารถนาดี นางมิอยากเป็นตัวก่อปัญหาอันใดอีกแล้ว

“ข้ามิใช่บ่าวตระกูลตู้ และเจ้าแค่โชคดีที่ข้าผ่านมาเจอเจ้าก็เท่านั้น เด็กน้อยข้าอาจมิใช่หมอเทวดา แต่เป็นจอมยุทธ์ยึดมั่นคุณธรรม เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือ คงเป็นเรื่องน่าอับอายในยุทธจักร ได้เวลากินยาของเจ้าได้แล้ว” มือแข็งกระด้างที่ถนัดแต่จับอาวุธทำการสกัดจุดที่ขาบรรเทาอาการเจ็บปวดหากว่าจินเหมยเสียนขยับตัว มือแข็งแรงช่วยประคองร่างบอบบางที่เบาดั่งขนนกได้อย่างทะนุถนอม ก่อนที่จะป้อนน้ำและยาให้กับจินเหมยเสียน

“ท่านผู้มีพระคุณ...หากข้าได้รอดชีวิตไป ข้าจะหาทางทดแทนบุญคุณให้กับท่าน โปรดบอกชื่อเสียงเรียงนามของท่านให้ข้าน้อยเหมยเสียนรับรู้เถอะ แต่หากว่าชาตินี้ข้ามิอาจรอดพ้นเคราะห์ไปได้ ข้าน้อยจะชดเชยให้ท่านในชาติหน้า” จินเหมยเสียนมองไม่เห็นชีวิตในวันข้างหน้าของตัวเองเลย ต่อให้วันนี้นางรอดชีวิตไปได้ก็มิได้หมายความว่านางถูหลิวจะมิหากหนทางในการทรมานนางได้อีก วันนี้อาจแค่ขาพิกลพิการแต่วันหน้าอาจเหลือที่ร่างไร้วิญญาณเป็นแน่แท้

“ข้าช่วยคนมิได้หวังผลตอบแทน และข้าช่วยใครคนนั้นต้องอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป หากเจ้าคิดว่าจะรอดไปเพื่อเตรียมตัวตายแล้ว ข้าคงเสียเวลาโดยไม่ก่อประโยชน์อันใด” มือแข็งกระด้างวางร่างบอบบางลงบนกองฟางอย่างเบามือที่สุด

“ข้ามิได้อยากตายอย่างไร้ค่า แต่ข้ามิอาจฝืนชะตากรรมของตัวเองได้” จินเหมยเสียนได้แต่ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาจากตาโดยมิมีเสียงสะอื้นให้คนภายนอกคอกม้าได้ยิน นางจะไม่ยอมให้คนชั่วช้าทั้งหลายมีความสุขบนความรู้สึกทุกข์ของตนเอง

“ชะตากรรมนั้นมิอาจฝืนจริงอย่างที่เจ้าว่าหรือไม่ มิมีใครตอบเจ้าได้ แต่การที่เจ้ายอมแพ้ตั้งแต่มิทันได้ฝืนชะตาตัวเองนั้น มิได้แต่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว หากเจ้าถามข้าว่าข้าอยากได้อะไรตอบแทนจากเจ้าแล้วนั้น เจ้าพร้อมจะมอบมันให้ข้าได้หรือไม่”

“หากสิ่งตอบแทนนั้นข้าน้อยทำได้แล้วไซร้ ข้าน้อยยินดีที่จะตอบแทนคืนให้กับท่านผู้มีพระคุณ” จินเหมยเสียนได้สติจากคำเตือนของชายแปลกหน้าชุดดำผู้นี้

“คำขอนั้นง่ายแสนง่ายแต่การจะกระทำให้สำเร็จนั้นยากแสนยาก ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจของเจ้า”

“ข้าน้อยยังขอยืนยันว่าจะตอบแทนให้ท่านผู้มีพระคุณ”

“เจ้าจงมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อให้ชะตากรรมจะโหดร้าย เจ้าก็ต้องอยู่ต่อไป เจ้าควรอยู่เพื่อคนที่เจ้าเคารพรัก เข้าใจสิ่งตอบแทนที่ข้าร้องขอหรือไม่” คำพูดของชายชุดดำกำลังเตือนให้จินเหมยเสียนคิดถึงความทรงจำที่แสนสุขในคืนวันที่ล่วงเลยผ่านไป

“ข้ามีคนที่ข้าเคารพรัก ข้ามีคนที่ข้าอยากเจออีกสักครั้ง ข้ามีคนที่ข้า...รักมาก แต่ข้ามิอาจกลับไป ที่แห่งความสุขของข้านั้น มิได้คู่ควรที่จะอยู่ตรงนั้น แต่ในเมื่อท่านผู้มีพระคุณขอให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าน้อยจะพยายามแต่มิอาจรับปากได้ว่าวันข้างหน้าจะรอดพ้นวิบากกรรมได้ทุกครั้ง” จินเหมยเสียนกำลังจมอยู่ในความทรงจำที่ครั้งหนึ่งนางเคยมีความสุขที่สุด

“ใครกันที่เจ้า...พูดว่ารักมาก เจ้าต้องคิดถึงคนผู้นั้นให้มากเข้าไว้ จงมีชีวิตอยู่ต่อไป วันหนึ่งเจ้าจะต้องได้เจอคนผู้นั้นอีกครั้ง”

“ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ข้ารู้ดีว่าคนผู้นั้นอยู่สูงส่งเกินกว่าที่ข้าจะมีหน้าไปพบเขาได้อย่างในอดีต ท่านผู้มีพระคุณ ข้ามิอาจรักคนผู้นั้นได้หรอกเจ้าคะ แต่ข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อมิให้การช่วยเหลือของท่านไร้ประโยชน์” จินเหมยเสียนตอบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ดูเหมือนว่ายาวิเศษของท่านผู้มีพระคุณเริ่มออกฤทธิ์ จินเหมยเสียนพยายามลืมตาให้นานขึ้น นางอยากจดจำแววตาของผู้มีพระคุณผู้นี้เอาไว้ วันหน้าจะได้มีโอกาสตามหาและได้ทดแทนบุญคุณกัน แต่เหมือนยิ่งพยายามเท่าไร เปลือกตาของนางยิ่งหนักขึ้นทุกทีจนมันปิดสนิทลง

ชายชุดดำได้แต่เฝ้ามองดูหญิงสาวหลับจนลมหายใจสม่ำเสมอ ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกองครักษ์เงาของตัวเองให้เข้าไปจัดการทำความสะอาดร่างกายให้กับจินเหมยเสียน องครักษ์เงาอีกคนเริ่มรายงานให้ชายชุดดำรับทราบรู้ทุกการเคลื่อนไหวของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลตู้

“เรียนนายท่าน นางถูหลิวได้รับคำสั่งให้นำร่างของคุณหนูไปโยนทิ้งแม่น้ำในวันพรุ่งยามโฉ่ว พวกมันเข้าใจว่าคุณหนูใกล้ตายแล้ว”

“พรุ่งนี้เจ้าเตรียมทำให้พวกมันเข้าใจเช่นนั้น และจัดการพานางไปอยู่ในที่แห่งนั้น ข้าจะกลับไปจัดการสถานการณ์ที่ชายแดน พวกเจ้าอย่างทำพลาดอีก”

“ขอรับ นายท่าน”

ชายชุดดำออกสั่งเสร็จสิ้น เขาเลือกเดินเข้าไปดูใบหน้าของจินเหมยเสียนที่กำลังหลับสนิทอีกครั้ง ดูเหมือนชายชุดดำพยายามจดจำใบหน้าของจินเหมยเสียนเอาไว้

“วันหนึ่งข้าจะแก้แค้นตระกูลตู้ให้เจ้า...เหมยเอ๋อร์ของพี่”

………………………

น่าจะเดากันได้นะเจ้าคะ ชายชุดดำเป็นผู้ใดกันนะ

อย่าเพิ่งโกรธแค้นพี่ชายอีกสองท่านเลย

ขอขยายความก่อนค่ะ

พี่สองเดินทางไปค้าขายต่างแดน

พี่สามออกไปหาอาจารย์ตามหาสมุนไพรมาช่วยท่านพ่อ

สองคนนี้เลยต้องหายตัวไป เลยไม่ได้วิ่งมาช่วยเหมยเอ๋อร์ กันนะคะ

ฝากติดตามและให้กำลังใจเหมยเอ๋อร์กันต่อไปนะคะ

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว