≠เคมีไม่เข้า-บทนำ

โดย  กระรอกน้อยสีน้ำตาลหม่น

≠เคมีไม่เข้า

บทนำ

ชื่อของเจ้าตัวการ์ตูนแมวสีส้มหรือเจ้าแมวอ้วน กาฟิวส์ เป็นชื่อของเด็กหนุ่มวัยสิบสามปีคนหนึ่ง

เด็กชายคนนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ใบหน้ากลม แก้มยุ้ย ผิวขาว หน้าตาจัดว่าหล่อ หากแต่เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก แต่ตัวเขาได้มาเรียนในโรงเรียนดีซึ่งจัดว่าเป็นโรงเรียนคุณหนู ก็เพราะพ่อแม่พยายามเก็บหอมรอมริบเจียดเงินมาส่งเสียให้ลูกชายคนเดียวได้เล่าเรียน

กาฟิวส์มีชีวิตที่ค่อนข้างลำบากในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้สักหน่อยเพราะฐานะที่ยากจน โรงเรียนของเขามักจะมีรุ่นพี่หัวโจกที่ชอบหมายหัวรุ่นน้องอยู่เสมอ เท่าที่กาฟิวส์เคยเจอก็คือรุ่นพี่ชื่อ เปรี้ยว ที่อยู่ ม.2 ทั้งสองอยู่คณะสีเดียวกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงตอนเช้านั้น แถวของพวกเขาก็อยู่ติดกัน

กาฟิวส์อยู่ ม.1/10

ส่วนเปรี้ยวอยู่ ม.2/1…

เปรี้ยว เป็นเด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เขามีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมสัน หล่อเหลา

เรียนในโรงเรียนที่ดี… โรงเรียนประจำจังหวัด

ต้องเป็น ผู้มีอันจะกินเท่านั้น ถึงจะเข้าได้

เปรี้ยว ...เป็นหัวโจก ชอบทำตัวเป็นอันธพาล นั่นก็เพราะถือว่าตนเองร่ำรวย ใคร ๆ ต่างก็กลัวเกรงบารมี…

ชีวิตประจำวันที่โรงเรียนของเปรี้ยวช่างน่าปวดหัว เพราะเขามักจะนำเรื่องหนักอกหนักใจมาให้ครูบาอาจารย์

นอกจากจะชอบวางมวย มีอยู่อย่างหนึ่งคือเปรี้ยวมักจะชอบเอากีตาร์โปร่งมาเล่นที่โรงเรียน แต่ก็เล่นเสียงดังเสียจนครูหลายท่านบ่นอุบ ทั้งที่ไม่ใช่ชั่วโมงดนตรีแท้ ๆ ไม่มีครูคนไหนที่จะไม่รู้จักเปรี้ยว…

ที่โรงเรียน หากเป็นระดับชั้น ม.6 ล่ะก็คุณครูประจำวิชาศิลปะจะให้นักเรียนทุกคนเล่นกีตาร์เพื่อสอบ และนั่น… ทำให้น้อง ๆ หลายคนเห็นพวกพี่ ม.6 เล่นก็รู้สึกเท่ หลายคนก็อยากจะเล่นตาม…

แน่นอนว่าคนอย่างเปรี้ยวไม่รอช้าเมื่อเห็นตัวอย่างนั้น แค่เอ่ยปากคำเดียวแม่ของเขาก็จัดให้อย่างง่ายดาย

เปรี้ยวไม่รอช้าที่จะเอากีตาร์ตัวใหม่มาอวดเพื่อน ...แต่ก็มา พร้อมกับการเล่นเป็นด้วยนะ

พี่เปรี้ยวคนโคตรหล่อ เป็นขวัญใจสาว ๆ ทั่วโรงเรียนโดยเฉพาะรุ่นน้อง ม.1 วัยกำลังเด็ก ๆ ใส ๆ น้องใหม่เพิ่งเข้ามาในรั้วโรงเรียน

รุ่นน้องผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดเปรี้ยวกันมาก ส่วนรุ่นน้องผู้ชายก็เกรงกลัวบารมีที่เจ้าตัวเพียรสร้าง ประหนึ่งบุคคลผู้ทรงอิทธิพล ‘ขาใหญ่’ ประจำชั้น ม.ต้น ก็ไม่ปาน

เปรี้ยวชอบมีเรื่องชกต่อย วางหมัดวางมวยกับทั้งคนในโรงเรียนและคนภายนอก

หลังเลิกเรียนเขามักจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ ออกไปพบกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันซึ่งอยู่ในละแวกบ้าน ยืนสูบบุหรี่ผล็อย แต่ก็ทำในที่ที่ครูไม่รู้

คนในแก๊งของเปรี้ยวมีราว 5-6 คนได้ มีแต่พวกหัวโจก ขาใหญ่ประจำซอยทั้งนั้น หรือไม่ก็เพื่อนต่างโรงเรียน

เพราะคบอยู่กับคนแบบนี้ ...ก็เป็นอะไรที่ ‘เหมาะสม’ กันแล้ว

สำหรับกาฟิวส์

เปรี้ยวเป็นรุ่นพี่ที่น่ากลัวสำหรับเขามาก เพราะฝ่ายนั้นเวลาพบกันในคาบกิจกรรมคณะสีทีไร ก็มักใช้สายตาน่ากลัวเจ้าเล่ห์มองมา ...เหมือนกำลังคิดอะไร…

เปรี้ยวมีเพื่อนสนิทซึ่งเหมือนลูกน้องติดตามอยู่คนหนึ่งชื่อ เล็ก

...ซึ่งแน่นอนว่ากาฟิวส์ก็ไม่ชอบทั้งเปรี้ยวและเล็ก

ใครที่มีฐานะแย่หน่อยจะมีชีวิตค่อนข้างลำบาก เป็นสังคมแห่งการแบ่งชนชั้นในโรงเรียน

แน่นอนว่ากาฟิวส์เองก็ไม่ได้มีเพื่อนมากนัก แต่ก็มีเพื่อนหญิงคนสนิทอยู่คนหนึ่งเหมือนกัน…

เวลาล่วงเลยไปจนเข้าสู่เทอมที่สอง กาฟิวส์คนน่ารักไม่รู้เลยว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นกับตนเอง… เหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล…


วันหนึ่งหลังเลิกเรียน เด็กหนุ่มกำลังตรงกลับบ้าน

เข้ามาในซอยแล้วแท้ ๆ อีกแค่นิดเดียว…

แต่แล้วแขนเพรียวกลับถูกดึง มือของใครก็ไม่รู้ดึงเขาเข้าไปยังพงไม้ข้างทาง ตรงที่รกร้างซึ่งยังไม่มีใครมาปลูกบ้าน

กาฟิวส์พยายามร้องแต่ก็ถูกอุดปากโดยคนอีกคน

สายตาสีน้ำตาลเบิกกว้างมองหน้าของคนก่อเหตุก็เห็นเพียงแต่สองคนนั้นใส่หมวกแก๊ปและสวมผ้าปิดปากแบบไอดอลที่หลีกหนีพวกปาปารัสซี ซึ่งสำหรับคนธรรมดาแล้ว… ในสถานการณ์แบบนี้ ดูยังไงก็ไม่ได้มาดี !

“อึ๊ !”

เขาร้อง แต่ไอ้คนร้ายมันก็อุดปากไว้แน่นหนา

สิ่งที่กาฟิวส์มองเห็นคือเสื้อที่หนึ่งในสองคนใส่ มันคือชุดพละของโรงเรียนเขาเอง แต่ไม่ปักทั้งชื่อและดาว น่าแปลกใจเหมือนกันว่าหลุดลอดมาจากสายตาครูเวรได้อย่างไร ทำให้เขาไม่อาจประเมินได้ว่ามันอายุมากกว่าหรือเท่ากัน แต่ที่บอกได้แน่ ๆ คือ นักเรียนโรงเรียนเดียวกัน !

อีกคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงพละ ซึ่งเดาว่าคงจะถอดเสื้อพละที่มีชื่อและดาวแสดงระดับชั้นออกไป

“จะทำอะไร ?!”

ตะโกนถามออกไปเมื่อริมฝีปากบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

“ชู่ว์ !” เจ้าคนร้ายเอ็ด ยกนิ้วขึ้นมาส่งเสียงจุ ๆ อย่างห้ามปราม “เงียบ ๆ สิ เดี๋ยวชาวบ้านก็แห่กันมาหรอก”

ไอ้คนใส่เสื้อพละซึ่งดูตัวสูงใหญ่กว่ายักไหล่ให้ไอ้คนใส่เสื้อยืด

ตอนนั้นเองที่มันเดินเข้ามาหากาฟิวส์แล้วพูดว่า

“ก็แค่อยากสนุกกับนายหน่อย ยอมซะเถอะน่า แค่แป๊บเดียวก็จบแล้ว”

ไอ้คนใส่เสื้อยืดแกล้งเอามือมาลูบไล้ใบหน้าเขา แถมอยู่ ๆ ยังจับหมับลงไปบนเป้ากางเกง

“แม่งน่ารักเนอะ เสียดายต้องให้มึงเปิดซิงซะงั้น”

“หึ”

ไม่รู้ว่าไอ้ผ้าปิดปากสองคนคิดจะทำอะไร แต่กาฟิวส์ก็พอรู้ได้จากคำพูดว่าพวกมันคิดอกุศลกับเขาแน่

“อุตส่าห์เอ็นดูมาตั้งเทอม”

พวกมันสองคนเข้ามาล็อกตัว จับเขาถอดกางเกง สัมผัสเปะปะไปทั่วร่างกายขาวนวลอย่างหื่นกระหาย

“ฮือ--”

กาฟิวส์ร้องคราง น้ำตาไหลพราก แต่ก็ไม่อาจสู้แรงสองคนนี้ได้เลย เขากัดมือมันตอนที่เอามือมาจับริมฝีปากบวมเจ่อ แต่กลับถูกตบอย่างแรง

ฉาด !

“ไอ้เหี้ยกัดมือกูเหรอ !?”

ตวาดได้น่ากลัวมาก กาฟิวส์เห็นดวงตาสีดำภายใต้หมวกแก๊ปวาวโรจน์อย่างมุ่งร้าย ตอนที่พยายามดีดดิ้นยื้อยุดกันอยู่ เขาก็ได้ยินเสียง น้องขิง สาวน้อยข้างบ้านดังขึ้น

“พี่กาฟิวส์ ?”

เด็กหญิงเล็ก ๆ เดินมา ในมือถือรีโมทของรถบังคับวิทยุ

“ขิง ! ช่วยพี่ด้วย ! ไปบอกป้านงค์ !!”

เขาพยายามร้อง น้องขิงได้แต่ยืนงงงวย เด็กหญิงเล็ก ๆ วัยแค่ 7-8 ขวบ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ร่างจ้อยได้แต่ยืนละล้าละลัง พอตั้งสติได้ก็รีบเก็บรถบังคับที่ดันวิ่งเข้ามาบริเวณนั้นแล้ววิ่งหันหลังไป

ไอ้ผ้าปิดปากคนที่ใส่เสื้อพละส่งเสียงชิ ! ในลำคอ หันมาพูดลอดไรฟันว่า

“น่าสมเพชว่ะให้เด็กผู้หญิงช่วย มึงหนีกูไม่พ้นหรอก !”

เสื้อนักเรียนของกาฟิวส์ถูกปลดกระดุมออกด้วย ร่างสูงสมส่วนนอนราบลงกับเพิงผุ ๆ โดยมีร่างของ ไอ้ชั่ว ตามมาทาบทับ

“มึงไปดูต้นทาง !”

ไอ้คนใส่เสื้อพละซึ่งเป็นหัวโจกตวาด

“เชี่ย ! มึงจะ ฟาด มัน จริง ๆ เหรอ ถ้ามันเอาไปบอก…”

“มันจะไม่บอก ไป !!”

คนใส่เสื้อยืดรีบไป เอามือปิดตาอย่างแสลงใจก่อนหันหลังไปทำตามลูกพี่สั่ง

“อย่าทำ… อย่าทำเลยขอร้องล่ะ !”

เขาแทบจะพนมมือกราบไหว้มัน แต่คนชั่ว ๆ มันก็ไม่สะทกสะท้านสักนิด

สุดท้ายแล้วโศกนาฏกรรมความเลวร้ายก็เกิดขึ้นในชีวิตของกาฟิวส์เมื่อเขาถูก ไอ้ชั่วนั่น ข่มขืนครั้งที่หนึ่ง…

ครั้งที่สอง…

และครั้งต่อ ๆ มา…

ในทุก ๆ ครั้งที่มันมาดักรอเขาระหว่างทางกลับบ้าน

อีกแค่นิดเดียวก็จะถึงบ้านแท้ ๆ แต่ก็เหมือนกลับไม่ถึงบ้านเลยจนเวลาสองปีผ่านไป…


กาฟิวส์ในระดับชั้น ม.3 ต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำ ๆ แต่ครั้งหลัง ๆ จากนั้นมันก็มา… เผชิญหน้ากับเขา… เพียงแค่คนเดียว

กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างตัวเขากับไอ้ผู้ชายใจระยำคนนั้น สุดท้ายก็กลายเป็นเขาสมยอมมันเพราะรู้ว่าไม่มีทางขัดขืน และกลับกลายเป็น ความเคยชิน ไปเสียแล้ว…

มันเป็นใครก็ไม่รู้เพราะเอาแต่ใส่หมวกแก๊ปและสวมผ้าปิดปากอำพรางใบหน้า กาฟิวส์รู้แค่มันอยู่โรงเรียนเดียวกับเขาและเป็นรุ่นพี่เพราะหากเป็นรุ่นเดียวกันคงไม่กล้าทำอุกอาจถึงเพียงนี้

กาฟิวส์ไม่กล้าร้องและไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวถูกทำร้าย มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาพยายามขัดขืนสุดท้ายก็ถูกชก ถูกเตะ ใบหน้าและร่างกายบอบช้ำแต่ก็ไม่อาจหาคำอธิบายตามจริงให้บิดาและมารดาได้ เขาไม่อยากให้พวกท่านต้องกลัดกลุ้ม และปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมเรา… มักมองว่าการที่ผู้ชายถูกข่มขืนเป็นเรื่องตลก เขาไม่อยากให้ใครคิดว่าเขากุเรื่องหรือเป็นเกย์…

ลำพังชีวิตในแต่ละวันความเป็นอยู่ของครอบครัวก็อัตคัดขัดสนมากพอแล้ว ถ้าหากพ่อแม่รู้ พวกท่านจะต้องไม่สบายใจ พ่อเองก็มีโรคประจำตัว…

โดยพื้นฐานกาฟิวส์เป็นคนไม่ชอบมีเรื่องและไม่สู้คน เขาเคยมีความคิดที่จะดึงผ้าปิดปากของมันออกแต่ก็ไม่กล้าพอ ได้แต่เก็บความสงสัยว่าใครกันที่มีความแค้นกับตนมากขนาดนี้มาตลอด

สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อที่โรงเรียนเดิม ไปต่อสายอาชีพที่โรงเรียนพาณิชย์ที่ห่างไกลออกไป

แน่นอนว่าครอบครัวของเขาย้ายที่อยู่จากมา เหตุการณ์ร้าย ๆ จึงเหมือนกับจะยุติลง ‘ชั่วคราว’

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว