9. บุคคลต้องห้ามและการเกลียดชังของชาหอม
“คุณตรัยนี่เขามีอิทธิพลจริงๆนะทำร้ายคนินเสียขนาดนั้นยังปิดเรื่องได้”
เขมรุจิพูดกับชาหอมที่เดินออกมาจากห้องพักของอาจารย์คณะร่วมกับเธอแต่ชาหอมนอกจากจะไม่ตอบยังดูโมโหกับการที่รู้ว่าตรัยจะไม่ถูกดำเนินคดีทั้งที่ทำร้ายคนินจนสาหัสขนาดนั้น
“นี่ถามหน่อยสิ เธอกับคุณตรัยเป็นอะไรกันหรือเปล่า?”
“ทำไมถึงถามฉันแบบนี้?”
ชาหอมหันมามองเขมรุจิอย่างไม่พอใจในคำถามขณะอีกฝ่ายเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของชาหอมเช่นกัน
“ก็ดูเมื่อวานเขาจะโมโหคนินมากเลยนะที่จับมือถือแขนเธอถึงได้ทำอย่างนั้น....อย่างกับว่าเขาหึงหวงเธออย่างนั้นแหละ”
“เขาก็แค่คนบ้าอำนาจที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแค่นั้นแหละ!”
“ดูเธอจะเกลียดเขาเข้าไส้เลยนะหอม”
“ใช่ฉันเกลียดเขา เกลียดเขายิ่งกว่าสิ่งไหนบนโลกใบนี้!”
“งั้นเธอคงไม่มีปัญหาสินะถ้าฉันสนใจเขา”
“อยากจะทำอะไรก็เชิญ!”
ชาหอมเร่งฝีเท้าเดินจากเขมรุจิเธอยังคงไม่ลืมสิ่งเลวร้ายที่เขาทำกับเธอเมื่อคืนรอยแผลที่เขามอบให้มันยิ่งทำให้เธอจงเกลียดจงชังผู้ชายที่ชื่อตรัย อาทิตยามากขึ้นจนไม่คิดจะเกลียดใครได้มากกว่านี้อีกแล้ว!
อีกด้านของคนที่ถูกเกลียดกำลังดูภาพของพลวัฒน์ที่ถูกจับได้จากกล้องวงจรปิดในโรงแรมแห่งหนึ่งโดยมีหลี่เฉียงคอยอธิบายถึงข้อมูลที่ได้มา
“ภาพจากกล้องวงจรปิดรูปนี้คือเบาะแสเดียวที่เรารู้ว่านายพลวัฒน์ยังไม่ตาย เป็นภาพจากโรงแรมที่อยู่นิวซีแลนด์เมื่อสามวันก่อน”
“นิวซีแลนด์เหรอ? แล้วที่มาของภาพได้มายังไง?”
“โรงแรมที่นายพลวัฒน์ไปพักเป็นหนึ่งในโรงแรมที่คุณตรัยมีหุ้นส่วนอยู่ซึ่งมีสาขาทั่วโลก ผมได้ส่งรูปของนายพลวัฒน์ไปตามคอนเนคชั่นที่เรามีแล้วก็ได้ภาพนี้มาครับ”
“แล้วตอนนี้มันยังอยู่ที่เดิมไหม?”
“ทางโรงแรมแจ้งว่านายพลวัฒน์พักแค่สองคืนแล้วย้ายออกไปแล้วครับ ผมลองสอบถามลักษณะของการเข้าพัก พนักงานต้อนรับแจ้งว่าท่าทางนายพลวัฒน์มีกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดเล็กเหมือนจะแวะมาพบใครบางคนเสียมากกว่า”
“นิวซีแลนด์” ตรัยทวนคำพลางขมวดคิ้ว “มันติดหนี้ฉันแต่แกล้งตายแทนที่จะหนีไปประเทศที่ค่าครองชีพต่ำๆแต่กลับเลือกไปที่ประเทศค่าครองชีพสูง มันเอาเงินมาจากไหน? แล้วไปพบใครที่นั่น?”
ยิ่งคิดยิ่งมีแต่คำถามในพฤติกรรมของลูกหนี้ตัวดีอยู่เต็มไปหมด ตรัยมองดูภาพของพลวัฒน์พลางใช้ความคิด
“ให้คนของเราฝั่งโน้นลองตามหาไอ้พลวัฒน์ดู แล้วลองตรวจสอบว่ามันไปพบใคร? ได้อะไรเพิ่มเติมแล้วรายงานฉันด้วย”
“ครับคุณตรัย”
หลี่เฉียงก้มศีรษะรับคำสั่งแต่ยังไม่ก้าวออกไปจากห้องทำงานหนำซ้ำยังมีท่าทีอึดอัด
“มีอะไรอีก? จะพูดก็พูดมา”
“ผมจะรายงานว่าทางค่ายที่เกาหลีติดต่อมาแล้วเรื่องศิลปินที่จะมาแสดงในงานบอลประเพณี”
“ก็ดีแล้วนี่ มาแสดงให้มันจบๆไปเพราะเรื่องยุ่งยากเมื่อวานนี้แท้ๆ”
เพราะเรื่องยุ่งยากเมื่อวานทำให้ตรัยต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียความรู้สึก รวมไปถึงการพูดคุยต่อรองกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม้จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก่อน แต่ตรัยต้องทำข้อตกลงในการสนับสนุนมหาวิทยาลัยหลายอย่างหนึ่งในนั้นคือการนำศิลปินจากค่ายเพลงทางฝั่งเกาหลีที่เขาได้ถือครองหุ้นอยู่ หลี่เฉียงกลืนน้ำลายลงคอไปเฮือกใหญ่ก่อนจะบอกว่าศิลปินคนไหนที่มาแสดง
“แต่ศิลปินที่จะมาเป็นคุณเจนนี่ หว่อง”
ตรัยชะงักแล้วเหลือบมองหัวหน้าการ์ดที่พยายามไม่สบตาเขาในขณะนี้
“คนอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ เปลี่ยนคน!”
“เขาล็อกคิวไปแล้วครับ เปลี่ยนไม่ได้แล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้? ฉันเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของที่นั่น”
“ทางนู่นเขาแจ้งมาแบบนี้ผมก็จนใจจะแก้ปัญหาครับคุณตรัย”
หลี่เฉียงพูดอย่างหมดปัญญาขณะที่ตรัย อาทิตยาได้แต่ส่ายศีรษะ
“แต่ฉันไม่อยากเจอยัยนั่น”
“คุณตรัยก็ไม่ต้องไปงานหรือช่วงนั้นคุณตรัยก็ไปมาเก๊าก็ได้นี่ครับ”
“ทำไมคนอย่างฉันต้องทุนเพื่อหนียัยนั่นด้วย?”
“ถ้างั้นก็ไม่มีทางนอกจากยอมพบๆกับเธอไปให้มันจบๆ”
เป็นไม่กี่ครั้งที่หลี่เฉียงเห็นแววตาหวั่นไหวจากชายที่ปกติอารมณ์ร้อนดั่งไฟแต่หนักแน่นดั่งขุนเขาอย่างตรัย ซึ่งเท่าที่รู้มีเพียงแค่คนเดียวที่สั่นคลอนมาเฟียมาดเข้มคนนี้ได้
“ฉันไม่พร้อมเจอยัยนั่น...ตอนนี้!”
ตรัยครุ่นคิดอย่างหนักเขาแทบลืมเรื่องของพลวัฒน์ไปหมดสิ้นเมื่อรู้ว่ากำลังจะเจอใครในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“ถ้าจะต้องเจอจริงๆคุณตรัยตอนนี้ก็มีตัวช่วยชั้นดีอยู่แล้วนี่ครับ”
“ใคร?”
“คุณชาหอมไง คุณตรัยก็ควงคุณชาหอมให้เห็นเลยสิว่าคุณตรัยไม่ได้คิดอะไรกับคุณเจนนี่แล้ว”
เป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดหากว่าไม่เกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ ทันใดนั้นตรัยก็คิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“หลี่เฉียงฉันวานอะไรนายหน่อย...”
มินิเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อเยี่ยมคนินเสร็จเธอเดินตามหาชาหอมอยู่นานเพราะไม่สามารถติดต่อชาหอมได้เนื่องจากสมาร์ทโฟนของเธอได้พังไปเมื่อวาน จนกระทั่งมาเจอชาหอมในร้านคอฟฟี่เจ้าประจำที่เธอชอบมานั่งทาน
“คนินถามถึงเธอด้วยหอม เธอจะไม่ไปเยี่ยมคนินหน่อยเหรอ?”
“ฉันคงไม่มีหน้าไปเยี่ยมคนินหลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานแล้วล่ะ”
ชาหอมพูดนัยน์ตาเหม่อลอยมองออกไปนอกร้าน
“เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเธอกับคนินแล้วยังสภาพที่คนินเป็นอีก? มีคนเห็นชายใส่สูทอุ้มร่างหมดสติเลือดเต็มหน้าพาคนินส่งโรงพยาบาล นอกนั้นก็ไม่มีใครรู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้คนินเป็นอย่างนั้น”
ชาหอมมองไปยังมินิที่มองเธออย่างคาดหวังว่าจะรู้ความจริง
“ก็ได้ แต่ฉันไม่สะดวกคุยตรงนี้ไปคุยที่รถฉันละกัน”
รถยนต์ของชาหอมถูกสตาร์ท เปิดแอร์ ก่อนที่เธอจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับมินิฟังรวมไปถึงเรื่องที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนางบำเรอให้กับตรัย อาทิตยา ดั่งกับได้ระบายความในใจเมื่อเล่าเสร็จน้ำตาชาหอมไหลรินออกมามากมายพร้อมกับเสียงสะอื้น มินินมองเพื่อนสนิทด้วยความสงสารจับใจ
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอเพิ่งบอกฉันหอม? แล้วเธอไหวแน่นะ?”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ฉันจะต้องหาหลักฐานมาเอาผิดนายนั่นให้ได้เรื่องการหายตัวไปของคุณพ่อ!”
ชาหอมพูดแววตากลมโตของเธอแน่วแน่ เธอไม่ได้ยอมมาอยู่ในสถานะนางบำเรอเพียงเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวแต่ต้องการหลักฐานที่จะส่งตรัยเข้าคุกให้ได้!
“แต่มันอันตรายมากนะหอม ดูสิ่งที่เขาทำกับคนินสิ”
“ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วมินิ เธอไม่ต้องห่วงหรอกฉันจะไม่ยอมตายจนกว่าจะหาความจริงให้ได้ว่านายนั่นทำอะไรกับคุณพ่อฉัน?”
เมื่อเสร็จการเรียนในช่วงบ่ายหลังจากนั้นเป็นเวลาซ้อมของเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยซึ่งเธอจะต้องเปลี่ยนเป็นอีกชุดหนึ่งเพื่อความคล่องตัวของการซ้อมออกกำลังกาย เขมรุจิเป็นเด็กปีหนึ่งอีกคนที่เข้ามาใหม่เช่นกันโดยถูกซ้อมวิ่งรอบสนามบอลคู่กับเธอ การซ้อมกินเวลาจากบ่ายไปสู่ช่วงเย็นมีเวลาให้พักเหนื่อยบ้างก่อนจะซ้อมต่อจนถึงเกือบสี่ทุ่มถึงจะได้กลับ เขมรุจิบ่นออดแอดตั้งแต่วันแรกโดยเฉพาะรุ่นพี่ที่คุมการซ้อมอันสุดโหดแบบไม่ปราณีปราศรัยอย่าง ผึ้ง ที่ดูจะเข้มงวดกับสองคนเป็นพิเศษจนหลายครั้งเพื่อนรุ่นพี่ผู้ชายที่ดูจะชอบพอรุ่นน้องสาวสวยมาใหม่ทั้งสองคนคอยปราม แต่ก็ถูกผึ้งว่ากลับกระทบไปยังทั้งชาหอมและเขมรุจิราวกับจงใจ
“ถ้าคิดว่ามาเป็นลีดเพื่อมายืนสวยๆก็ไม่ต้องมาเป็นลีดมหาลัยหรอก แค่นี้ทนไม่ได้ก็แค่ออกไปแค่นั้น”
เขมรุจิหน้าเจื่อนลงและแฝงไปด้วยความไม่พอใจตรงข้ามกับชาหอมที่เธอยันร่างงามระหงในชุดซ้อมพยายามฝืนลุกขึ้นทั้งที่ขาของเธอเริ่มล้า
“ไม่เป็นไรค่ะหอมยังไหว พี่ผึ้งซ้อมต่อเลยค่ะ”
ผึ้งมองไปยังรุ่นน้องสาวสวยโดยเฉพาะแววตาแน่วแน่ไม่มีอาการโกรธเคืองเธอเหมือนกับอีกคนที่ยังนั่งอยู่
“ดี งั้นเธอสองคนวิ่งอีกห้ารอบแล้วค่อยพักสิบนาทีถึงกลับมาซ้อมท่าเบสิกใหม่”
ชาหอมลงมือวิ่งไปตามคำสั่งทันทีส่วนเขมรุจิฝืนร่างกายลุกขึ้นก่อนจะวิ่งตามเธอไปอีกคน ท่ามกลางการฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่ในสายตาของหลี่เฉียงที่มายืนมองดูชาหอมในชุดเชิ๊ตดำพับแขนโดยไม่ได้สวมสูทเพราะวันนี้เขามีหน้าที่มาทำธุระให้กับตรัยเท่านั้น
เมื่อวิ่งครบห้ารอบตามคำสั่งชาหอมนั่งอย่างหมดแรงบนสแตนชั้นล่างขณะที่เขมรุจินั่งห่างจากเธออีกฟากหนึ่ง ระหว่างที่ดื่มน้ำพักเหนื่อยสายตาของเธอเห็นหัวหน้าการ์ดของตรัยกำลังเดินยิ้มอย่างเป็นมิตรเข้ามาหาเธอในมือมีถุงใส่ของมาด้วย
“เหนื่อยแย่เลยนะครับคุณชาหอม”
“คุณหลี่เฉียงมาทำอะไรที่นี่? หรือเจ้านายคุณสั่งให้มาดูฉัน”
“คุณตรัยให้ผมเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาให้คุณชาหอมครับ”
หลี่เฉียงยื่นถุงใส่สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปราคาหลายหมื่นให้กับชาหอม เธอเอาออกมาดูพลางถอนหายใจ
“ที่เอามาให้เพราะจะได้ตามตัวฉันได้ง่ายๆสินะ”
“หรือไม่ก็ห่วงว่าคุณชาหอมจะไม่มีมือถือใช้”
หลี่เฉียงแก้คำให้ขณะที่ชาหอมยังคงไม่หายทำหน้าเซ็งด้วยความที่ตั้งใจจะไม่ซื้อสมาร์ทโฟนใหม่สักสองสามวันเพราะไม่อยากให้ใครบางคนตามตัวได้
“นี่เอามือถือมาให้ฉันคุณหลี่เฉียงก็กลับแล้วใช่ไหมคะหรือมีหน้าที่เฝ้าฉันต่อ?”
หลี่เฉียงยิ้มให้กับความฉลาดรู้ทันของหญิงสาวตรงหน้า เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมตรัยถึงดูสนใจชาหอมนัก
“เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อีกอย่างหน้าที่ดูแลความปลอดภัยคุณชาหอมไม่ใช่ผมครับแต่เป็นคนอื่น”
หลี่เฉียงปรายตาไปยังคนของเขาที่ซุ่มแอบมองชาหอมอยู่รอบๆราวสามคนโดยใส่ชุดลำลองจนแทบดูไม่ออก
“งั้นฝากบอกด้วยนะคะว่าฉันคงซ้อมจนเลิกดึก ไม่เชื่อก็ให้โทรถามคนที่มาเฝ้าดูละกัน”
“ได้ครับ ผมจะบอก”
หลี่เฉียงก้มศีรษะก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ชาหอมมองดูคนที่เฝ้าจับจ้องเธอด้วยความเหนื่อยใจยิ่งกว่าเดิม สี่ทุ่มครึ่งชาหอมถึงจะกลับมายังคฤหาสน์เนื้อตัวของเธอระบมไปด้วยความเจ็บปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ขาสองข้าง แค่ออกแรงก้าวยังลำบากแทบไม่ไหวขนาดที่ชาหอมมีกิจกรรมเต้นCover Danceและออกกำลังกายเป็นประจำแต่เมื่อต้องมาฝึกหนักตั้งแต่วันแรกร่างกายที่ว่าแน่ก็เกินจะทานทนเช่นกัน ยิ่งเห็นใครบางคนที่เธอแสนเกลียดเดินออกมาจากห้องทำงานราวกับกำลังรออย่างไรอย่างนั้น
“กลับดึกเกินไปหรือเปล่า?”
“ฉันซ้อมเชียร์ลีดเดอร์นะคะไม่ได้มานั่งเล่นหรือมีเวลาว่างเหมือนใครบางคน”
ชาหอมพูดโดยไม่มองหน้าตรัยแม้แต่น้อยเธอไม่อยากเสียสุขภาพจิตกับคนที่ทำร้ายเธอและครอบครัว
“ฉันก็ไม่ได้ว่างนักหรอกนะกลางวันฉันก็ต้องทำงานเหมือนกันส่วนกลางคืนก็ต้องมาเก็บหนี้กับใครบางคนอีก”
“ถามจริงนะ ในสมองคุณมันมีแต่ลามกหรือไงถึงคุยแต่เรื่องแบบนี้อยู่ได้?”
“ฉันเซ็นเธอมาเพื่อเป็นนางบำเรอฉันมันก็มีแต่เรื่องแบบนี้นั่นแหละที่ฉันจะคุยกับเธอ!”
“ทุเรศ! สารเลว!”
ชาหอมหันไปด่าอย่างหมดความอดทนตรัยรีบฉวยข้อมือเธอดึงร่างมาโอบกอด
“ปากดีแบบนี้เห็นทีต้องซ้ำแบบเมื่อคืนอีกแล้วมั้ง”
แทนที่ชาหอมจะต่อปากต่อคำกับเขาเช่นเคยร่างงามระหงกลับขาอ่อนแรงพร้อมเสียงร้องโอยด้วยความเจ็บกล้ามเนื้อ ตรัยมองเห็นสีหน้าซีดของชาหอมพลันนึกถึงเรื่องที่หลี่เฉียงรายงานกับเขาเรื่องการฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ที่ค่อนข้างโหดในระดับหนึ่งซ้ำยังถ่ายคลิปวีดีโอตอนเธอกำลังวิ่งรอบสนามหลายรอบมาให้เขาดูด้วย ทันใดนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวชาหอมถูกตรัยช้อนร่างงามระหงของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ก่อนร่างกำยำที่ซ่อนอยู่ในเชิ๊ตสีแดงที่สวมใส่พาเธอเดินจากจุดที่ยืนอยู่ ชาหอมนึกถึงเรื่องราวที่เขาทำกับเธอเมื่อคืนเธอพยายามดิ้นรนก่อนที่ตรัยจะเอ็ดเธอเสียงดัง
“อยู่เฉยๆฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เจ็บกล้ามเนื้อแบบนี้อย่าว่าแต่ไปซ้อมพรุ่งนี้ต่อเลยแค่นอนคืนนี้เธอยังนอนไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราที่มองเธอด้วยสายตาดุทำให้ร่างของหญิงสาวราวกับถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ตรัยอุ้มร่างของชาหอมเข้ามาให้โรงยิมออกกำลังกายส่วนตัวก่อนค่อยๆวางร่างงามระหงลงนั่งบนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง เขาเดินไปยังตู้ที่มีสัญลักษณ์พยาบาลแล้วหยิบบางอย่างกลับมาหาเธอเป็นพ่นกล้ามเนื้อแบบเย็นมาวางไว้คู่กับเจลนวดกล้ามเนื้อ ตรัยค่อยๆยกขาขาวเนียนของชาหอมขึ้นมาอย่างระวังแล้วเอาสเปรย์พ่นใส่กล้ามเนื้อตรงบริเวณที่ปวด ก่อนจะเอาเจลนวดกล้ามเนื้อสูตรเย็นเดียวกันมานวดคลึงตรงบริเวณรอบๆอาการเจ็บปวดพยายามให้เบามือที่สุด
“ดีขึ้นไหม?”
“ดีขึ้นค่ะ”
เมื่อนวดขาข้างหนึ่งเสร็จตรัยก็ยกขาอีกข้างทำแบบเดียวกันจากอาการเจ็บกล้ามเนื้อเริ่มคลายชาหอมมองดูตรัยที่กำลังตั้งใจนวดขาให้กับเธอพลันนึกถึงครั้งแรกที่เธอได้เจอกับเขา
“เสร็จละ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลฉีดยาคลายกล้ามเนื้ออีกที”
มาเฟียหนุ่มพูดพร้อมกับลุกขึ้นเอาขวดสเปรย์และเจลนวดกล้ามเนื้อไปเก็บที่เดิมก่อนจะเดินมาทำท่าจะช้อนร่างของชาหอมอุ้มขึ้นแต่เธอกลับห้าม
“ไม่ต้อง...ฉันว่าฉันเริ่มเดินเองได้ละ”
ตรัยส่ายศีรษะไม่ฟังคำพูดของหญิงสาวเขาช้อนร่างเธออุ้มขึ้นมาไว้ตรงอกพลางสบตา
“ห้ามขยับหรือขยับให้น้อยที่สุดในตอนนี้ เดี๋ยวฉันอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องเอง”
ตรัยอุ้มร่างงามระหงของชาหอมขึ้นมาบนลิฟต์มีอยู่สองสามครั้งที่เขาแกล้งขยับเพื่อให้เธอกอดคอเขาไว้ซึ่งได้ผลชาหอมตกใจจนเผลอโอบคอของตรัย ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกแกล้งด้วยรอยยิ้มมุมปากของมาเฟียหนุ่มจนสายตาเธอได้แต่มองค้อน ไม่กี่นาทีต่อมาร่างงามระหงของชาหอมถูกวางบนเตียงนอนอย่างนุ่มนวลแต่ตรัยก็ยังไม่ยอมไปไหนยังนั่งอยู่ข้างชาหอมจนเธอระแวง
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยแต่กรุณาออกไปได้แล้ว ฉันจะได้พักผ่อน”
“ขับไล่ไสส่งฉันจังเลยนะ กลัวฉันทำเธอแบบเมื่อคืนเหรอ?”
“ใช่ฉันกลัว กลัวว่าคุณจะข่มขืนฉันเหมือนเมื่อคืน”
ดวงตากลมโตสองข้างแดงก่ำอย่างเจ็บปวด ตรัยมองดูอยู่ครู่เหมือนจะพูดอะไรกับเธอสักอย่างแต่แล้วเขาก็เลือกที่จะลุกขึ้นจากเตียงแทน
“พักขาสักครู่แล้วก็ค่อยไปอาบน้ำกับนอนพักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้อาการก็ดีขึ้น”
ตรัยปิดประตูห้องนอนของชาหอมเขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่หน้าประตู
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว