ตรวนสวาทซาตาน-บทที่ 1 คนหัวรั้น EP.2

โดย  aksaramanee

ตรวนสวาทซาตาน

บทที่ 1 คนหัวรั้น EP.2

บทที่ 3


“อ้าววิชัย ทำไมถึงไม่ไปพักผ่อนล่ะครับ แล้วนี่อัศนีมันไปไหนเนี่ยถึงให้วิชัยมาอยู่แทนมัน”

เลอสรรพูดเสียงก้องก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าให้วิชัยไปจัดการเรื่องอะไร

“เออ...ลืมไป ป่านนี้มันคงสนุกกับลูกหนี้ของมันอยู่แน่ๆ”

“คุณเลอสรรครับ”

วิชัยรีบปรี่เข่ามาหาชายหนุ่มเป็นการด่วน เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หุ้นส่วนของเจ้านายตนเดินเข้ามาภายในออฟฟิศด้านบนก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างที่สามารถมองลงมายังด้านล่างที่จัดสถานที่ให้กับนักแสวงโชคด้านล่างไว้อย่างกว้างขวาง โดยถูกปิดกั้นจากสายตาของนักเล่นทุกคน เพราะเมื่อแหงนมองขึ้นมาด้านบนนั้นทุกคนก็จะพบแต่เพียงแค่กระจกสีดำที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดหรือใครได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะมีก็แต่คนที่อยู่ภายในห้องนี้เท่านั้นที่มองเห็นพวกเขาได้ และพื้นที่ด้านล่างบางส่วนนั้นยังถูกตกแต่งด้วยกระจกติดฟิล์มดำอยู่หลายห้องซึ่งจะจัดให้เป็นห้องวีไอพี แยกส่วนออกไปสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และจะต้องมีเงินมากเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดใช้ห้องนี้ได้

“วิชัยมีอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงดูแปลกๆ ไปนะ”

เลอสรรถามออกไปอย่างคนชักสังเกต

“คือ...คือผมอยากถามคุณเลอสรรว่าคุณมีรูปภาพของคนที่ให้ผมไปรับมาเมื่อวานหรือเปล่าครับ ผมอยากจะดูรูปของลูกหนี้รายนี้สักหน่อย อ้อ ชื่อด้วยครับ เธอชื่ออะไร”

“อ้าว ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะหันร่างสูงใหญ่กลับมา

“ผม...ผมคิดว่าเอาตัวมาผิดน่ะครับ” วิชัยบอกออกไปในที่สุด

“เฮ้ย! จริงเหรอ ไม่มั้ง น้องสาวของนายพีรยุทธน่ะสวยเฉี่ยวเชียวนะ แล้วเขาก็มีน้องสาวคนเดียวด้วย หึหึ ไม่ผิดหรอกน่าที่นายไปรับมาน่ะ”

เลอสรรพูดน้ำเสียงตกใจในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำกับสิ่งที่ได้ยิ่ง แต่นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำให้วิชัยแน่ใจมากขึ้นไปอีกว่าเขาพาลูกหนี้กลับมาผิดตัว ซ้ำตอนนี้ก็คงจะโดนเจ้านายเผด็จสวาทไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ

“นั่นละครับที่ผมเป็นห่วง ยิ่งคุณเลอสรรพูดแบบนี้ผมยิ่งแน่ใจมากขึ้นไปอีกว่าผมพามาผิดตัว”

“ผิดตัวแน่หรือวิชัย”

เลอสรรไม่วายถามย้ำ ก่อนจะได้คำตอบเป็นการพยักหน้าแทน

“แน่ครับ ผมถึงอยากรู้ชื่อกับเห็นรูปของลูกหนี้รายนี้ว่ามีไหมยังไงล่ะครับ”

“เวร! บรรลัยแล้วไหมล่ะ”

เลอสรรถึงกับสบถออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างคนที่ใช้ความคิด

“ครับ บรรลัยแน่ครับ”

“แล้วนายพามาทำไมกัน” เลอสรรโวยวายขึ้นทันที ซวยซ้ำสองจริงๆ

“ผมเองก็เพิ่งรู้ก็ตอนที่อยู่ในเรือแล้วเหมือนกันนี่ครับ”

วิชัยเสียงอ่อย “แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับคุณเลอสรร”

“ฉันเองก็ลืมถามชื่อ รูปน่ะฉันไม่มี แต่จะย้อนกล้องดูให้ เพราะวันที่นายพีรยุทธมาขอกู้เงินกับเราเพื่อจะเสี่ยงโชคต่อน่ะ เขาชี้ให้ฉันดูว่าน้องสาวตัวเองกำลังเล่นอยู่ด้วย เดี๋ยวฉันจะดูให้เดี๋ยวนี้เลย”

พูดจบก็รีบจัดการดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังทันที

ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับการหาภาพของบุคคลที่ชายหนุ่มต้องการ เพียงไม่ถึง 15 นาที เขาก็ได้ภาพของคนที่วิชัยต้องการ ก่อนจะสั่งปริ๊นซ์ออกมาในทันที แล้วยื่นส่งให้กับวิชัยที่นั่งรออยู่ตรงหน้าชายหนุ่มอยู่แล้ว

“นี่ไงวิชัย ภาพของน้องสาวนายพีรยุทธ ใช้คนที่นายไปรับหรือเปล่า”

วิชัยรับภาพที่เลอสรรส่งให้มาไว้ในมือ หนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์จ้องมองภาพในมือเขม็ง ก่อนจะหลับตาลงนิ่งๆ แล้วลืมตาขึ้นมองสบกับชายหนุ่มหุ้นส่วนเจ้านายตรงหน้า พูดว่า

“ชัดเลยครับคุณเลอสรร”

“ถูกหรือผิดล่ะวิชัย ฉันรอฟังอยู่”

เลอสรรน้ำเสียงเร่งเร้าอยู่ในที เขาอยากรู้เช่นกันว่าใช่ลูกหนี้สาวที่พามาหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่จะได้จัดการต่อไปถูก

“ไม่ใช่ครับ” วิชัยบอกเสียงเข้ม

“งานเข้าแล้วไหมล่ะคราวนี้ เฮ้อ!”

เลอสรรถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในสิ่งที่เกิดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นเราจะต้องรีบส่งตัวผู้หญิงคนนั้นกลับไปโดยเร็ว แล้วทำไมนายพีรยุทธถึงส่งน้องสาวคนนี้มา ทำไมไม่ส่งคนที่พามาเล่นด้วยมาให้ คิดอยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม แล้วเราจะได้เจอกัน แล้วนายรู้จักชื่อคนที่พามาหรือยังล่ะ”

“ครับ เนื้อแพรแนะนำตัวกับผมแล้วครับ”

วิชัยบอกชื่อของลูกหนี้ที่พามาที่เกาะผิดตัวให้กับชายหนุ่มฟัง ทำให้นึกถึงใบหน้าสวยหวาน นัยน์ตากลมโต ที่เรียกชื่อเขาอย่างอ่อนหวานและนอบน้อมอย่างคนที่ได้รับการอบรมมาดี

“พูดถึงชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วถึงกับอมยิ้มอย่างนี้ สงสัยเจ้าหล่อนคงมีอะไรดีหรือเปล่า” เลอสรรไม่วายหยอกเย้า

“ไม่ครับ ไม่ได้มีอะไรเลย เพียงแต่รู้สึกสงสารก็เท่านั้นเอง”

วิชัยเอ่ยบอกน้ำเสียงจริงจัง แล้วพูดต่อเมื่อเห็นเลอสรรยังจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างไม่วางตาว่า “คุณเลอสรรไม่ต้องมองหน้าผมแบบนั้นเลย ผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ผมแค่สงสาร เพราะถ้าหากว่าผมมีลูกสาว แล้วลูกผมต้องมาเจอแบบนี้ผมคงรู้สึกไม่ดีเอามากๆ และคงหาวิธีที่จะช่วยเหลือ แต่นี่ไม่ใช่ เพราะเนื้อแพรไม่ใช่ลูกผม”

“ฮะ ฮะ ฮะ โห วิชัย พูดซะยาวเชียว ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยสักคำ ก็แค่สงสัย เพราะว่าไม่เคยเห็นนายเป็นอย่างนี้เลยตั้งแต่ที่รู้จักกันมา”

เลอสรรพูดไปหัวเราะไป ด้วยไม่คิดว่าวิชัยจะพูดเอ่ยความรู้สึกของตนเองว่าคิดอย่างไรกับเจ้าหนี้ของนายตนออกมาให้หุ้นส่วนอย่างเขารู้

“ผมเองก็อยากแสดงความบริสุทธิ์ใจครับว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ ผมก็แค่สงสาร มันก็เท่านั้น และก็ห่วงคุณอัศนีด้วย ถ้าหากว่าทางนั้นเกิดแบล็กเมล์เราขึ้นมาหาว่าเราลักพาตัวน้องสาวมันมาเรื่องมันจะไม่ไปกันใหญ่หรอกเหรอครับ”

วิชัยเอ่ยอย่างกังวลทั้งสีหน้าและแววตา ซึ่งเลอสรรเองก็รับรู้ได้เช่นกันกับความกังวลของวิชัย ก่อนจะเอื้อมมือไปตบที่แขนของวิชัยเบาๆ

“อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลยน่าวิชัย ฉันว่าเรารีบไปหาเจ้าอัศนีมันดีกว่า ไปวิชัย”

พูดจบก็คว้าข้อมือของวิชัยแล้วรีบลากแขนเดินนำหน้า แต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมามองหน้าคนที่ตนเองลาก

“ทำไมไม่เดินล่ะ”

“ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ป่านนี้ข้าวสารมันคงกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว เผลอๆ เราสองคนอาจจะซวยด้วย เพราะดันเข้าไปขัดจังหวะความสุขของคุณอัศนีเข้า ผมว่ารอให้คุณอัศนีมาหาพวกเราเองดีกว่าครับคุณเลอสรร” วิชัยพูดบอกไปตามที่ตนเองคิด

“เอาตามที่นายบอกก็ได้ เพราะถ้าหากว่าตอนนี้อัศนีมันอยู่กับลูกหนี้ของมันละก็ เราคงไปช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เฮ้ออออ ถ้างั้นวิชัยก็ไปพักเถอะเดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเอง”

เลอสรรพูดบอกด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา หากแต่วิชัยนั้นรู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้นั่นกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความคิดที่จะหาวิธีรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นมาในเมื่อไหร่ก็ได้

“คุณเลอสรรเองก็อย่าเครียดให้มากนักนะครับ”

วิชัยเอ่ยบอกก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เลอสรรได้แต่หัวเราะให้กับความรู้ทันในสิ่งที่เขากังวลของลูกน้องมือ ก่อนจะหันหลังให้กับประตูห้องที่ปิดลงและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อพุ่งความสนใจไปที่นักแสวงโชคแทน


เสียงเกลียวคลื่นของท้องทะเลที่สาดซัดเข้าหาฝั่งอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้โสตประสาทการรับรู้ของเนื้อแพรเริ่มตื่นตัวขึ้น หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นขยี้ตาอย่างคนที่ยังมีอาการง่วงงุนอยู่ ก่อนจะขยับตัวไปมาอย่างเมื่อยขบไปทั้งตัว แล้วก็ต้องร้องครางออกมาในทันทีเมื่อความปวดแปลบแล่นปราบขึ้นมาย้ำเตือนกับสิ่งที่ได้เจอเมื่อคืน

เนื้อแพรได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ร่างบอบบางหลับตาลงเพื่อกลืนก้อนสะอื้นที่ตอนนี้ต่างแย่งกันตีตื้นขึ้นมาเพื่อจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ให้เจ้าของร่างบางได้รับรู้ว่าหัวใจภายในนั้นเจ็บปวดกับการสูญเสียในครั้งนี้มากมายขนาดไหน

เนื้อแพรนอนหลับตาสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น แล้วก็ต้องลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดที่ข้างแก้มนวล พร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยถามออกมา

“ยังเจ็บอยู่ใช่ไหม ถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้” อัศนีถามอย่างเป็นห่วง

“ค่ะ ยังเจ็บอยู่ เอ่อ...ช่วยขยับออกไปห่างๆ ก่อนได้ไหมคะ”

เนื้อแพรเอ่ยบอกเสียงอุบอิบ พลางก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับชายหนุ่ม ก่อนจะรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างจนถึงคอ โดยหารู้ไม่ว่ากริยาที่หญิงสาวทำเช่นนี้สร้างความพึงพอใจให้กับอัศนีเป็นอย่างมากถึงกับหัวเราะหึๆ ออกมาให้เธอได้ยิน

“คุณหัวเราะอะไรคะ”

“ก็หัวเราะเธอน่ะสิ ไม่ต้องห่มหรอกผ้านั่นน่ะ เมื่อคืนฉันเห็นมันหมดแล้วล่ะ ของสวยๆ งามๆ อย่างนี้เธอจะปิดมันไว้ทำไม อีกอย่างคนที่เห็นก็คือฉัน...เธอเป็นของฉัน เนื้อแพร”

อัศนีย้ำเสียงหนักกับคำว่า ‘เธอเป็นของฉัน’ ยิ่งทำให้แก้มนวลเนียนของหญิงสาวนั้นแดงปลั่งขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพลิกกายลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่อัศนีนั้นไวกว่า ชายหนุ่มคว้าร่างบอบบางของหญิงสาวเอาไว้ได้ทันก่อนร่างนั้นจะพ้นไปจากเตียง

“ว้ายยยย คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”

หญิงสาวหวีดร้องขึ้นอย่างตกใจ ดวงตากลมโตตวัดมองใบหน้าอัศนีอย่างตื่นตระหนก กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอเหมือนอย่างเมื่อคืน ริมฝีปากอวบอิ่มรีบเอ่ยขอร้องออกมาทันที

“อย่าทำอะไรฉันเลยคุณอัศนี”

มือเรียวใหญ่ค่อยๆ คลายอ้อมกอดจากเอวคอดของเนื้อแพรออกช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงร่างบอบบางที่กำลังสั่นอยู่ในขณะนี้ อัศนีไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้าต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใดในยามที่อยู่กับเขา

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ก็แค่จะถามว่าจะรีบไปไหน เห็นนอนอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็เด้งดึ๋งขึ้นมาแล้วก็รีบลงจากเตียงน่ะ แล้วก็ช่วยเรียกฉันใหม่ด้วย เมื่อคืนเราคุยกันไว้ว่ายังไง หวังว่าจะจำได้นะ เนื้อแพร”

อัศนีเอ่ยบอกอย่างต้องการเตือนความจำของหญิงสาว

“ค่ะ คุณอัศนี” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงแผ่ว

“ค่ะ แล้วยังไงอีก ที่ฉันถามน่ะเธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะว่าจะรีบไปไหน” อัศนีไม่วายถามซ้ำ

“คือ...ฉันจะไปห้องน้ำค่ะ ไปได้ไหมคะ”

“ฮะ ฮะ ฮะ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มะ เดี๋ยวฉันพาไปส่ง”

อัศนีหัวเราะสั่นออกมาทันที พร้อมกับลุกทำท่าจะพาเดินไปส่งที่ห้องน้ำ

เนื้อแพรรีบโบกไม้โบกมือให้เป็นพัลวัน แค่นี้หญิงสาวก็รู้สึกอายมากพอแล้ว

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง เชิญคุณอัศนีตามสบายค่ะ ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

พูดจบก็รีบตะครุบผ้าห่มเอาไว้ให้มั่นพร้อมกับเดินไปที่ห้องน้ำทันที

อัศนีได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นคว้าเอาผ้าขนหนูสีขาวมาพันรอบเอวแล้วเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อออกไปสูดอากาศยามเช้า แต่จะว่าไปนี่คงไม่เช้าสำหรับใครหลายคนบนเกาะแห่งนี้ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วมันเช้ามาก เพราะเวลานี้ส่วนใหญ่ของเขานั้นถ้าไม่หลับก็จะอยู่ภายในออฟฟิศ หรือแม้แต่อยู่ที่นี่ก็จะยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่บนเตียงกับลูกหนี้สาวคนอื่นๆ ที่พากันมาใช้หนี้ร่างกายให้เขาได้เชยชมแทนการใช้เงินคืนที่กู้ยืมไป

ชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่อย่างนั้นเงียบๆ เขาหลับตาลงแล้วปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป พลางคิดไปว่าหากเขาต้องการคู่ชีวิตที่จะใช้ชีวิตด้วยเขาจะเลือกผู้หญิงแบบไหนกันนะ อยู่ๆ ใบหน้าของเนื้อแพรก็ลอยเข้ามาในความคิด

อัศนีลืมตาตื่นขึ้นในทันที ใบหน้าคมเข้มหันขวับมองกลับเข้าไปภายในห้อง ดวงตาสีสนิมจ้องเขม็งไปที่ห้องน้ำที่หญิงสาวยังคงอยู่ข้างใน ก่อนจะหันกลับไปมองเกลียวคลื่นของท้องทะเลพร้อมกับเปรยกับตนเองเบาๆ

“แค่คืนเดียวหน้าเธอยังลอยเข้ามาในความคิดของฉันได้ แล้วนี่ถ้าเธอต้องอยู่ที่นี่นานเป็นปีๆ ฉันจะทำยังไง”

พูดจบก็เดินกลับเข้าไปภายในห้อง เดินตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมกับยกมือเคาะเรียกเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหายเข้าไปภายในห้องน้ำนานแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นี่...เสร็จหรือยัง ฉันก็อยากเข้าห้องน้ำบ้างเหมือนกันนะ”

เนื้อแพรที่อาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จแล้วและกำลังสวมใส่เสื้อผ้าพลางคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็สะดุ้งอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะตั้งสติแล้วตอบกลับไปเสียงตะกุกตะกัก

“สะ...เสร็จแล้วค่ะ ดะ...เดี๋ยวนะคะ”

พูดจบก็รีบหวีผมยาวสลวยอย่างเร่งรีบและรวบมัดไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะหมุนบิดแล้วเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ลืมผ้าห่มที่ใช้พันร่างบางเอาออกมาด้วย

“เสร็จแล้วค่ะคุณอัศนี”

หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนเดินเลี่ยงไปยืนอยู่อีกมุมของห้องเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวอันตราย

“นึกว่าเธอจะเข้าไปนอนในห้องน้ำซะอีก แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรฉันให้มากนักหรอก เธอเป็นของฉันแล้ว ต้องอยู่ดูแลปรนนิบัติฉันทุกอย่าง แล้วถ้ามัวเอาแต่กลัวอยู่อย่างนี้เธอจะดูแลฉันได้ดีได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่หนี้มันจะหมด เฮ้อ คิดเอาเองนะ ฉันขี้เกียจจะพูด อาบน้ำดีกว่า”

พูดจบก็เดินเลี่ยงเพื่อเดินเข้าห้องน้ำ แต่ไม่วายชำเลืองมองมาทางหญิงสาว อัศนีไม่ได้คิดที่จะตอกย้ำเรื่องหนี้สินที่เธอไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่ต้องมารับใช้หนี้แทน แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากให้ผู้หญิงตรงหน้าต้องมีท่าทีที่หวาดกลัวเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวอันตราย ใช่! เขาจะอันตรายกับเฉพาะคนอื่นที่คิดร้ายกับเขาก่อน แต่กับเธอนั้นไม่ใช่ ก่อนจะหายลับเข้าไปภายในห้องน้ำพร้อมกับเสียงก้องที่ร้องบอกออกมาให้เนื้อแพรได้ยิน

“เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันก่อนแล้วฉันจะพาเธอไปดูงานที่จะทำบนเกาะนี้ โอเคไหมเนื้อแพร”

เงียบไม่มีเสียงตอบ

“โอเคคคคคคไหมมมมมม”

อัศนีไม่วายลากเสียงยาวเพื่อไม่ให้หญิงสาวเครียดจนเกินไป และนั่นก็ทำให้เนื้อแพรยิ้มออกมาได้ และขานรับกับเสียงเอ่ยถามของชายหนุ่ม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่คิดไว้วางใจเขาเท่าใดนัก

“รับทราบค่ะคุณอัศนี”

“ก็แค่นั้น”

อัศนียิ้มนิดๆ บนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงหวานเอ่ยตอบกลับมา ก่อนจะรีบชำระล้างร่างกายของตนต่อไปพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี


หลังจากที่อัศนีพาเนื้อแพรไปทานอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขาทั้งสองเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาที่ห้องทำงานในส่วนของฝ่ายบัญชี ซึ่งชายหนุ่มคิดว่าน่าจะเหมาะสมกับหญิงสาวที่สุด เพราะระหว่างที่ทานอาหารนั้นเขาได้ซักถามข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาว จึงได้รู้ว่าเนื้อแพรนั้นกำลังศึกษาอยู่ปี 3 ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อของรัฐแห่งหนึ่งและเอกบัญชีการเงิน แถมยังสอบชิงทุนปีสุดท้ายได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะว่าถูกส่งให้มาใช้หนี้ให้แก่เขาแทน

“ที่นี่คือฝ่ายบัญชี นั่นคุณเกสร เป็นคนดูแลในส่วนนี้ และจะเป็นคนที่จะสอนงานเธอด้วย”

อัศนีเอ่ยแนะนำให้หญิงสาวได้รู้จักกับหญิงสูงวัยที่ยืนขึ้นทันทีที่เห็นชายหนุ่ม เนื้อแพรพนมมือไหว้หญิงตรงหน้าอย่างสวยงามสร้างความประทับใจให้กับเกสรเป็นอย่างมาก

เกสรรับไหว้พร้อมกับกระดกแว่นตากรอบหนาขึ้นนิดนึง พร้อมกับกวาดมองไปทั่วใบหน้าแลเลยไปทั่วเรือนร่างบอบบางของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยชมออกมาตรงๆ

“สวย สวยจริงๆ แน่ใจหรือคะคุณอัศนีว่าจะให้แม่หนูคนนี้มาช่วยงานบัญชีจริงๆ น่ะค่ะ งานบัญชีน่าเบื่อนะคะ” เกสรเอ่ยอย่างหยอกเย้า

“จริงสิครับคุณเกสร เนื้อแพรเขาจะมาช่วยงานบัญชีของที่เกาะนี้อีกแรงนึง คุณเกสรจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง เขาเรียนมาทางนี้ฉันคิดว่าเขาเหมาะกับงานนี้ครับ”

“ถ้าคุณอัศนีต้องการแบบนั้นใครจะกล้าขัดล่ะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าดิฉันน่ะดุนะ ถ้าสอนแล้วไม่จำหรือว่าทำไม่ได้ฉันไล่ตะเพิดเลยนะคะ”

เกสรพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่น้ำเสียงจริงจัง ดวงตาที่จ้องมองมายังหญิงสาวตรงหน้ามีแววเอื้อเอ็นดู พลางคิดในใจว่า ‘รูปร่างหน้าตายังดูเด็กอยู่เลย ทำไมถึงกล้ามาเล่นเสี่ยงโชคที่นี่ได้นะ หรือว่าเป็นเด็กเลี้ยงของใครหรือเปล่านะ’

เนื้อแพรเองที่ถูกมองจากอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยนก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากอิ่มเอื้อนเอ่ยฝากเนื้อฝากตัวออกมาทันที

“ช่วยสอนงานให้แพรด้วยนะคะ แพรจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เลยค่ะ ถ้าหากแพรทำผิดพลาดคุณเกสรว่ากล่าวตักเตือนแพรได้เลยนะคะ”

“อุ๊ยตาย รู้จักพูดด้วยนะเราน่ะ ฉันน่ะว่าใครไม่เป็นหรอกจ้ะ ถ้าทำผิดน่ะฉันให้คุณอัศนีเขาจัดการเลย แต่จะทำได้หรือเปล่าน่ะเดี๋ยวก็รู้ ไม่เกินอาทิตย์หรอก”

เกสรแกล้งขู่ออกไปด้วยอยากรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่เท่าที่เห็นก็มีเพียงใบหน้าเรียวสวยที่มองสบตาเธอกลับมา แววตามีความมุ่งมั่นในสิ่งที่พูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เห็นแล้วก็ให้นึกถึงตนเองในวัยสาว

“เอาเป็นว่าฉันฝากเนื้อแพรด้วยแล้วกันนะ ว่าจะไปตรวจงานที่ด้านหน้าสักหน่อย เดี๋ยวเจ้าเลอสรรมันจะมาว่าฉันได้ว่าอู้งานกินแรงมัน”

อัศนีพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องนั้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกมือเรียวของหญิงสาวคว้าต้นแขนแข็งแกร่งของเขาเอาไว้เสียก่อน

“ดะ...เดี๋ยวสิคุณอัศนี แล้วเรื่องเงินเดือนของฉันล่ะ”

หญิงสาวกระซิบถามทันทีที่ลากแขนชายหนุ่มออกมาห่างจากบริเวณที่คุณเกสรยืนอยู่ โดยมีเพียงรอยยิ้มบางๆ ของผู้สูงวัยที่ส่งมาให้อย่างเอื้อเอ็นดู

“นี่แม่คุณ งานน่ะยังไม่ได้เริ่มเลยนะ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอน่ะทำงานดีหรือไม่ดี มันก็ต้องรอดูผลการทำงานของเธอก่อนสิฉันถึงจะประเมินได้ว่าเธอน่ะควรจะได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่ เข้าใจไหม”

อัศนีไม่พูดเปล่า มือเรียวใหญ่ของชายหนุ่มยกขึ้นบีบเน้นที่คางสวยของหญิงสาวเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ ดวงตาสีสนิมที่ทอดมองมานั้นกรุ้มกริ่มยิ่งนัก

‘นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคุณเกสรอยู่ในห้องนี้ด้วยละก็เขาจะจูบทำโทษหญิงสาวตรงหน้านี่ให้หนำใจไปเลยทีเดียว’ อัศนีคิดเช่นนั้น และดูเหมือนว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคิดนั้นมันได้ส่งผลพุ่งชนมาที่หัวใจของเนื้อแพรเข้าอย่างจัง แก้มนวลของหญิงสาวแดงก่ำขึ้นมาในทันที ดวงตาสวยหวานสะเทิ้นอายอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มที่แสดงออกมา หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบออกมายืนอยู่ห่างๆ เขาเป็นวา ก่อนจะตอบชายหนุ่มกลับไปว่า

“ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุดค่ะ เพื่อที่คุณอัศนีจะได้ประเมินเงินเดือนของฉันได้ถูกต้อง”

เนื้อแพรเอ่ยเน้นเสียงหนักคำว่า ‘เงินเดือน’ ทำให้คุณเกสรที่ยืนอมยิ้มอยู่บริเวณนั้นถึงกับขยับแว่นด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วเอื้อมมือคว้าแขนให้เดินตามมานั่งที่โต๊ะทำงานที่ว่างอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง พลางพูดให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานตามที่ตัวเองได้เอ่ยออกมาเมื่อครู่

“คุณอัศนีไม่ต้องห่วงเนื้อแพรไปหรอกค่ะ ทางนี้เดี๋ยวดิฉันจัดการเอง เชิญคุณอัศนีตรวจงานที่ด้านหน้าต่อเลยค่ะ”

เกสรพูดจบก็หันมาสนใจกับหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งมองนางตาแป๋วอย่างพร้อมที่จะเรียนรู้งานอย่างเต็มที่ ยิ่งเห็นเช่นนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกดีกับเนื้อแพรยิ่งนัก ก่อนจะเริ่มหยิบแฟ้มสมุดรายวันทั่วไปซึ่งเป็นงบรายจ่ายของเกาะมาหยาแห่งนี้ออกมาให้หญิงสาวได้ลองทำดูเป็นการวัดพื้นฐานของการทำบัญชีให้นางได้ประเมินว่าหญิงสาวที่เจ้าของเกาะมาหยาแห่งนี้พามาฝากทำงานด้วยจะสามารถทำงานเกี่ยวกับตัวเลขได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่า

อัศนีเองเมื่อเห็นว่าสองสาวต่างวัยตรงหน้าไม่คิดที่จะให้ความสนใจกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องเลย เขาจึงเดินออกมาจากห้องนั้นเสีย และเดินมุ่งตรงไปยังส่วนของห้องทำงานของเขาและเพื่อนสนิท พลางนึกในใจว่า ‘คราวนี้ต้องโดนเจ้าเลอสรรมันล้อแน่ๆ ว่าบ่มิไก๊ ทุกทีพอได้สาวๆ มาอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 3 วัน เขาถึงจะออกมาจากบ้านไม้ธาราได้ แต่นี่แค่คืนเดียวเขาก็กลับมาทำงานตามเดิมซะแล้ว เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้ม จะตอบมันยังไงดีนะถ้าหากว่ามันถามขึ้นมา แต่เอ๊ะ จะสนใจไปทำไมล่ะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเรานี่หว่า’ ก่อนจะหัวเราะหึหึในลำคอให้กับความคิดของตน แล้วผ่อนความเร็วของการก้าวเดินให้ช้าลงจนกลายเป็นเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์เข้ามาแทน


เพียงไม่นานข่าวเรื่องลูกหนี้ของอัศนีที่เดินทางเข้ามาใช้หนี้ให้แก่เขาเพียงแค่วันเดียวก็ได้ขึ้นแท่นไปนั่งทำงานที่ฝ่ายบัญชีก็แพร่สะพัดไปทั่ว และพวกที่อยากรู้ส่วนมากก็คือพวกผู้หญิงที่แอบวาดวิมานในอากาศอยากจะเป็นเจ้าสาวของอัศนี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อุ่นเรือน หญิงสาวหน้าตาคมขำ รูปร่างเนื้อนมไข่ จริตจะก้านแพรวพราว จนผู้เป็นแม่อย่างนางอิ่มต้องคอยปรามอยู่เสมอ

“กรี๊ดดดด! ฉันไม่เชื่อ! พวกแกโกหก! อย่ามาหลอกนังอุ่นเรือนคนนี้ซะให้ยากเลย คุณอัศนีไม่มีวันจะเอาผู้หญิงพรรค์นั้นมายกย่องเชิดชูออกหน้าออกตาหรอก นังนั่นน่ะอย่างเก่งก็เป็นได้แค่นางบำเรอของคุณอัศนีเท่านั้นแหละ จำเอาไว้ด้วย”

อุ่นเรือนพูดอย่างใส่อารมณ์ พลางยกมือขึ้นชี้หน้าเพื่อนสาวพนักงานที่นั่งหั่นผักเป็นลูกมือให้กับนางอิ่มอยู่ด้วยกันอย่างเอาเรื่อง

“อ้าวอีนี่ พูดจาไม่เข้ารูหูเลย ก็พวกพนักงานข้างบนเขาเล่ากันมาแบบนี้ คุณอัศนีน่ะพาคุณผู้หญิงคนนั้นไปกินข้าวที่ห้องอาหาร พวกข้างบนเขาเห็นกันเขาก็พากันพูดไปทั่วทั้งตึก ฉันจะไปโกหกแกหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะ แกพูดให้ดีๆ นะนังอุ่นเรือน ไม่อย่างนั้นวันนี้แกจะไม่ได้กินน้ำพริกตอนเย็นแน่ๆ”

ชบาแว้ดขึ้นอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“ไม่รู้ล่ะ ก็แกเป็นคนฟังเขามาเล่าอีกต่อนึง มันอาจจะมีเสริมมีแต่งขึ้นมามากกว่าที่เป็นจริงก็ได้นี่”

อุ่นเรือนยังคงต่อว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด

“นี่แกเอาปากหรือเอาอะไรพูดออกมาวะเนี่ยนังอุ่น ฉันจะไปเสริมไปแต่งทำไม ก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นน่ะเขาสวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ ผิวพรรณก็นวลเนียนอย่างกับไข่ปอก ไม่ได้กระดำกระด่างหน้าตาบ้านๆ อย่างกับใครบางคนแถวๆ นี้นี่หว่า ช่างไม่ได้เจียมตัวเองเล๊ย จริงไหมพวกเรา ฮะ ฮะ ฮะ”

พูดจบชบาก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน สาวๆ ที่นั่งฟังทั้งสองเถียงกันก็พลอยขำไปกับคำพูดของชบาไปด้วย

และนั่นยิ่งทำให้อุ่นเรือนใบหน้าถมึงทึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกเสียหน้าถูกเพื่อนรุ่นพี่ว่าแหนบเอาให้ ก่อนจะคว้าถาดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะเหวี่ยงขว้างใส่เฉียดร่างของชบาที่นั่งหั่นผักอยู่ไปไม่ถึงคืบ ชบาถึงกับร้องเรียกชื่ออุ่นเรือนเสียงหลงขึ้นมาอย่างตกใจ

“นังอุ่นเรือน!”

“ทำไม! มึงเรียกชื่อกูทำไมห๊ะนังชบา”

“ถึงขนาดขึ้นมึงขึ้นกูเลยเหรอนังอุ่นเรือน ได้! ถ้าอย่างนั้นกูก็จะจัดให้ มา! มึงเข้ามาเลย”

พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวกวักมือเรียกให้อุ่นเรือนเข้ามาหาอย่างเอาเรื่องเต็มที่

ฝ่ายอุ่นเรือนเมื่อเห็นชบาท้าทายเช่นนั้นก็รีบปรี่เข้าไปหาหมายจะตบปากของเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่าตนเองเพียงไม่กี่ปี กระดูกไม่ต่างกันเท่าไหร่ ยังไงซะคนอย่างอุ่นเรือนสู้ได้สบายอยู่แล้ว ก่อนที่ทั้งคู่จะตบตีกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร ดึงทึ้งผมกันจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย

พวกเชียร์ก็เชียร์ไป พวกที่รีบวิ่งกลับเข้าไปภายในครัวด้านหลังที่นางอิ่มกำลังปรุงอาหารอยู่นั้นก็รีบเข้าไปตามให้มาช่วยห้ามทัพ จากกลุ่มเล็กๆ ก็เริ่มขยายวงใหญ่มากขึ้น และแน่นอนในไม่ช้าเสียงเชียร์ก็จะต้องดังไปให้คนบนตึกได้ยินอย่างแน่นอน

“กรี๊ดดดด! มึงปล่อยผมกูนะอีชบา ปล่อยยย!!”

“กูไม่ปล่อย! มึงอยากหาเรื่องกูก่อนทำไมล่ะ ตบนี้ให้กับความปากดีของมึงอีอุ่นเรือน”

เพี๊ยะ!

“โอ๊ย! มึงกล้าตบกูเหรออีชบา! กรี๊ดดดด กูไม่ยอม มึง! ตายยยยย!”

พูดจบอุ่นเรือนที่เพิ่งถูกชบาตบจนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ดีดตัวเด้งดึ๋งขึ้นมาอย่างเร็วแล้วพุ่งเข้าใส่ร่างของชบาอย่างไม่ทันตั้งตัว จนทั้งคู่ล้มลงไปที่พื้นพร้อมๆ กัน แล้วอุ่นเรือนก็อาศัยจังหวะที่ตัวเองนั้นอยู่บนร่างของชบาตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

เพี๊ยะ!

อุ่นเรือนตบหน้าของชบาได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนที่ชบาจะกระชากแขนของอีกฝ่ายให้มาอยู่ใต้ร่าง แล้วขึ้นคร่อมร่างเนื้อนมไข่ของอุ่นเรือนเอาไว้

“เมื่อกี้มึงตบหน้ากู คราวนี้กูขอเอาคืนบ้างก็แล้วกันนะ”

พูดจบฝ่ามือของชบาก็ฟาดลงไปที่ใบหน้าของอุ่นเรือนทั้งซ้ายทั้งขวาอย่างไม่ยั้ง

“อ้าวเฮ้ยพวกเอ็ง ทำไมไม่ห้ามพวกมันไว้ รีบเข้าไปแย่งพวกมันออกจากกันสิโว้ย เจ้าชด เจ้านวย เร็วสิรีบจับนังสองคนนี่มันแยกออกจากกันเร็วๆ ป่านนี้คงมีใครไปรายงานคุณอัศนีแล้วมั้งนี่”

นางอิ่มที่ถูกตามให้ช่วยออกมาห้ามศึกร้องตะโกนโหวกเหวกขึ้น และประโยคที่เอ่ยชื่อของเจ้าของเกาะก็ทำให้สองสาวที่กำลังตบดีกันอย่างเมามันส์ก็มีอันต้องหยุดชะงักลงทันทีโดยที่เจ้าชดและเจ้านวยยังไม่ทันได้เข้าไปห้ามทัพเลย

“ปล่อย! ไม่ต้องมาจับ”

อุ่นเรือนยังไม่วายแว้ดใส่เจ้าชดที่เข้ามาช่วยพยุงให้หญิงสาวลุกขึ้น

“เออ ไม่จับก็ได้วะ คนมีน้ำใจจะช่วยดันมาว๊ากใส่กันซะนี่”

เจ้าชดต่อว่าออกไปตรงๆ ก่อนจะเดินออกไปนั่งมองอยู่ห่างๆ ปล่อยให้อุ่นเรือนลุกขึ้นมาจากพื้นเอง ผิดกับชบาที่มีอำนวยเข้าไปช่วยพยุงร่างให้ลุกขึ้น

“ขอบใจจ้ะพี่นวย ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่หมาบ้ามันกัดเท่านั้นเองจ้ะ”

ชบาพูดขอบใจอำนวยที่เข้ามาช่วยพยุงร่างให้ลุกขึ้น พร้อมกับช่วยปัดฝุ่นตามเนื้อตัวให้อีกด้วย

“แกว่าฉันเป็นหมาเหรอนังชบา แก!!!”

อุ่นเรือนพูดพร้อมกับปรี่เข้าไปหาชบาอีกครั้ง แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงด่าที่ดังสวนขึ้นมาทันที

“เก่งนักนะเอ็งนังอุ่นเรือน เก่งๆ แบบนี้เดี๋ยวข้าจะได้ไปรายงานกับคุณอัศนีให้ไล่เอ็งออกไปให้พ้นๆ จากเกาะนี้ซะเลย”

“แม่!!! นี่ฉันลูกแม่นะ แม่ต้องเข้าข้างฉันสิ ฉันโดนนังชบามันตบก่อนนะ แทนที่แม่จะช่วยฉันเอาเรื่องไปฟ้องคุณอัศนีให้ไล่นังชบามันออก แม่กลับจะไปบอกให้คุณอัศนีมาไล่ฉันออกไปจากเกาะแทนซะนี่ นี่แม่เห็นฉันเป็นลูกอยู่หรือเปล่านี่”

อุ่นเรือนตัดพ้อนางอิ่มออกมาทันทีที่เห็นแม่ตัวเองไม่เคยเข้าข้างลูกคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ข้ารักความยุติธรรมโว้ย ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น และเพราะว่าเห็นเอ็งเป็นลูกน่ะสิถึงได้พยายามห้ามปรามอยู่นี่ไงเล่า คุณอัศนีน่ะเขาเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของเกาะที่นี่ พวกเราทุกคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็มาทำงานกินเงินเดือนของคุณอัศนีเขาใช่ไหม แล้วทำไมจะต้องมานั่งทะเลาะกับไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ด้วยล่ะวะ”

“ฉันก็ไม่ได้อยากมีเรื่องหรอกนะป้าอิ่ม แต่นังอุ่นเรือนน่ะมันบ้า มันยังฝันละเมอเพ้อพกอยู่ตลอดว่าคุณอัศนีน่ะเขาจะเอามาทำเมีย ทั้งๆ ที่เขาน่ะไม่เคยชายตาแลมันเลยสักนิดเดียวน่ะ” ชบาไม่วายพูดแขวะ

“อ๊ายยย นังชบา! แก”

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะนังอุ่นเรือน ฉันบอกให้แกหยุด”

อุ่นเรือนทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาชบา แต่ก็ถูกเสียงของนางอิ่มห้ามไว้ เจ้าตัวได้แต่ฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะเสียงของนางอิ่มที่ร้องห้ามนั้นดังและเข้ม แถมใบหน้ายังจ้องมองเขม็งมาที่ตนนั้นก็ทำให้เสียวสันหลังวาบได้เป็นอย่างดี ถ้าหากทำให้แม่โกรธขึ้นมาละก็มีหวังถูกจับส่งขึ้นฝั่งไปอยู่กับพ่อกับยายแน่ๆ อุ่นเรือนจริงจำต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่อยากเข้าไปตบหน้าของชบาที่ยังพูดปากดีอยู่ใจแทบขาด

“ก็ได้ หยุดก็ได้ นี่เป็นเพราะแม่ขอหรอกนะฉันถึงยอมน่ะ”

นางอิ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมา สุดแสนจะระอากับพฤติกรรมของลูกสาว เรื่องงานการที่ได้รับมอบหมายอะไรมาอุ่นเรือนทำไมมีขาดตกบกพร่อง จะเสียอยู่ก็แต่เรื่องของคุณอัศนี ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนเข้าใกล้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปห้ามคุณอัศนีได้ แต่ก็ยังไม่วายทำตัวจุ้นจ้าน นี่ดีนะที่คุณอัศนีไม่เอาเรื่องเอาความเพราะเห็นอุ่นเรือนมาตั้งแต่ 10 ขวบ คิดเห็นเป็นลูกเป็นหลาน นางเองบอกสอนเท่าไหร่อุ่นเรือนก็ไม่ยอมจำ เฮ้อ! เมื่อไหร่มันจะเลิกหวังสักทีนะ นางอิ่มได้แต่คิดในใจ

“ไปๆ เอ็งสองคนไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวซะไป จะได้หาหยูกหายาทาแขนทาขากันซะ แล้วก็เลิกแล้วต่อกันซะด้วยล่ะ กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ ไปๆ ถือซะว่าป้าขอก็แล้วกันนะชบา”

“ฉันก็ไม่ได้คิดจะติดใจเอาความอะไรหรอกจ้ะป้าอิ่ม ยังไงป้าก็ช่วยๆ ปรามมันด้วยก็แล้วกัน อย่าให้มันฝันสูงนัก ตกลงมาน่ะมันเจ็บ”

พูดจบชบาก็เดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นทันที ก่อนจะหันกลับมายิ้มเย้ยให้กับอุ่นเรือนได้เจ็บใจเล่นอีกครั้ง

“หืม! นังชบา! ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ถ้ากูได้เป็นเมียคุณอัศนีเมื่อไหร่ละก็กูจะไล่มึงออกจากเกาะมาหยานี่ทันทีเลยเชียว มึงคอยดู!”

อุ่นเรือนกล่าวอาฆาต ก่อนจะสะบัดร่างเดินกลับไปที่ห้องของตนเหมือนกันบ้าง

นางอิ่มที่มองตามร่างของลูกสาวไปจนลับตาแล้วได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างหนักใจในตัวอุ่นเรือน ก่อนสลัดความหนักใจทั้งหมดนั้นทิ้งไป แล้วสั่งให้ลูกมือที่หั่นผักหั่นหมูอยู่ให้เร่งมือกันเพราะใกล้เวลาที่จะเปลี่ยนกะที่สองเข้ามาทุกทีแล้ว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว