ทรายกะรัตเพชร-12/3.

โดย  Klakawii

ทรายกะรัตเพชร

12/3.

“ริน ให้ผมช่วยไหม” พอสบโอกาส ธนากรก็รีบเข้ามาหาหญิงสาวที่ตัวเองหมายตา

“ไม่เป็นไรค่ะใกล้เสร็จแล้ว” หญิงสาวตอบพร้อมกับเหลือบตามองดูเวลาอีกห้านาทีเที่ยงตรง เธอเร่งรีบเตรียมอาหารขึ้นรถเข็นวันนี้เธอช้าอีกแล้วเพราะมีกรุ๊ปทัวร์เข้าสองวันติดกันจะให้เธอรอทำแต่อาหารสำหรับคนๆเดียวก็ไม่ใช่นิสัยสำหรับคนมีน้ำใจอย่างเธอ หญิงสาวต้องทำอาหารช่วยเพื่อนๆที่วุ่นวายโกลาหลแม้หัวหน้าจะสั่งให้ทำแต่อาหารให้เจ้านายก็เถอะกว่าจะซาก็สิบเอ็ดนาฬิกากว่าแล้ว

“ให้ผมขึ้นไปเป็นเพื่อนไหม” ชายหนุ่มยังเซ้าซี้

“ธนากร... ตัวเองมีหน้าที่ก็ไปทำเลยไป”ผู้เป็นหัวหน้าพูดเสียงเข้มกับลูกน้องที่ค่อนข้างเจ้าชู้ประจำแผนก

“”โอ๊ย...ยยย อิจฉาคนบางคนเหลือเกิ๊น... อยู่ครัวก็มีหนุ่มคอยเอาใจ แต่ละวันได้ขึ้นห้องบริการเจ้านายไม่รู้เจ้านายติดใจรสชาติอาหารหรือรส....กันแน่ทั้งที่อาหารที่นำไปเสิร์ฟก็พื้นๆตลาดๆทั้งนั้น” อรนุชเอ่ยเสียงดังแดกดันเพื่อนร่วมงานที่เป็นมารหัวใจด้วยความริษยา

นิวารินคร้านที่จะใส่ใจจึงไม่ตอบโต้ลำพังแค่คิดถึงคนที่อยู่บนยอดตึกก็ปวดหัวจะแย่แล้วไร้สาระจะมาฟังเสียงนกเสียงกา เธอรีบเข็นรถอาหารไปยังลิฟต์และเตรียมพร้อมที่จะรับสงครามประสาท เธอไม่เข้าใจจุดประสงค์ของชายหนุ่มว่าเขาทำแบบนี้ทำไมเกือบสองสัปดาห์แล้วที่เธอจะต้องทำอาหารขึ้นไปบริการทุกครั้งที่เขาเข้ามาที่โรงแรมแล้วเมนูแต่ละอย่างก็เป็นเมนูที่เธอเคยทำให้เขากินในช่วงที่อยู่กับเธอทั้งนั้นอย่างวันนี้ก็แกงจืดสาหร่ายหมูสับกับไข่เจียว

นิวารินยกถาดอาหารที่ทำมาเผื่อให้กับบรรดาลูกน้องของเขาซึ่งช่วงหลังรู้สึกว่าจะพากันติดใจฝีมือหญิงสาวจนไม่พากันลงไปกินข้างล่าง ก่อนจะเข็นรถเข้าไปในห้องส่วนตัวของชายหนุ่ม

“ช้าสิบนาที””เสียงห้วนดุดังมาจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

หญิงสาวไม่แก้ตัวว่ากระไรหากแต่รีบจัดสำรับตรงชุดรับแขกเหมือนเดิม

“อาหารพร้อมแล้ว เชิญท่านรองประทานค่ะ” เธอพูดตามเดิมอย่างไม่แสดงความรู้สึกยืนรอจนชายหนุ่มมานั่งลงก่อนจะนั่งที่เดิมเหมือนอย่างเคยโดยไม่ปริปากพูดอะไร

“เมื่อวันก่อนก็ช้า ยังไม่ได้ลงโทษ วันนี้ก็ช้าอีกจะให้ฉันลงโทษเธออย่างไรดี” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงขุ่น หมดความอดทนกับท่าทีเมินเฉยห่างเหินของสาวน้อยตรงหน้า

“แล้วแต่ท่านรองประธานจะเห็นสมควร” หญิงสาวสบตาชายหนุ่มแวบหนึ่งก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น

ชายหนุ่มหรี่ตามองกริยาถือดีของสาวน้อยไม่ใช่สิสาวเต็มตัวเลยล่ะ ดี...แล้วแต่อย่างนั้นเหรอ

“โอเค...ถ้าอย่างนั้นมานั่งตรงนี้” ชายหนุ่มกัดฟันพูดพร้อมกับใช้มือตบที่นั่งข้างตัวเอง หญิงสาวทำหน้าเหรอเมื่อได้ยินคำสั่ง

“บอกว่าให้มานั่งตรงนี้ ไม่ได้ยินรึไง” ตวาดเสียงดัง

หญิงสาวรู้สึกตกใจจนผวากับน้ำเสียงดุดันจึงรีบลุกเดินไปนั่งลงข้างๆชายหนุ่ม รู้สึกน้อยใจที่ดูเหมือนว่าเขาจะจงใจแกล้งเธอทุกอย่าง

“ป้อน” เสียงสั่งห้วนๆสั้นๆ

หญิงสาวกระพริบตาปริบๆมองหน้าถมึงทึงของชายหนุ่ม

“นี่มันเกินหน้าที่นะคะ” เธอแย้งเสียงแผ่ว

“นี่คือการลงโทษ ที่เธอมาส่งอาหารช้า หรือเธออยากให้ฉันทำอย่างอื่น”ชายหนุ่มพูดเสียงเบาลงหากแต่เป็นลักษณะคุกคามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เขาหลุบสายตาจ้องไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีเรื่อที่เฝ้าถวิลหาทุกวันคืน ไล่ลงมาตามลำคอขาวผ่องน่าซุกไซร้จนถึงอกอวบตึงที่ดันชุดเชฟสีขาวออกมา

หญิงสาวรู้สึกตระหนกตกใจกับกริยาของชายหนุ่มก่อนจะละล่ำละลัก “ปะ...ปะ...ป้อนก็ป้อนค่ะ” รีบจับช้อนตักข้าวกับอาหารจ่อไปที่ปากของชายหนุ่ม

จิรัสย์สบตากับหญิงสาวก่อนจะอ้าปากรับอาหารตรงหน้าแล้วเคี้ยวกินยังกับอร่อยนักหนา นิวารินตักข้าวป้อนชายหนุ่มไปเรื่อยๆพร้อมกับหลีกเลี่ยงการสบตา ก่อนจะชะงักเมื่อชายหนุ่มแย่งช้อนจากมือ

“อิ่มแล้วหรือคะ”

“ยัง กินคนเดียวไม่อร่อย” ชายหนุ่มตักข้าวมาจ่อตรงปากหญิงสาวซึ่งตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก นิวารินเม้มปากแน่นมองสบสายตาเชิงบังคับก่อนจะยอมอ้าปากรับอาหารจากผู้ชายเจ้าเล่ห์แถมเจ้าอารมณ์

ชายหนุ่มป้อนหญิงสาวสลับกับตักป้อนตัวเองจนอาหารเกือบหมดหญิงสาวก็ส่ายหน้าบอกว่าอิ่ม จิรัสย์วางช้อนแล้วหันมาจ้องหน้าหญิงสาว

“ข้าวเลอะปาก” เขาบอก เธอจึงรีบดึงกระดาษทิชชูเพื่อนำมาเช็ดพร้อมกับอาการเคอะเขินหากแต่ยังไม่ได้เช็ด ชายหนุ่มก็ดึงมือเธอไว้ ใบหน้าคร้ามคมเข้มก้มเข้าใกล้ใบหน้านวลใสก่อนจะแตะปากตัวเองกับริมฝีปากนุ่มแล้วใช้ลิ้นตวัดเลียเอาเมล็ดข้าวออกจากมุมปากหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

นิวารินนั่งตัวแข็งแม้จะเคยเสียจูบให้เขาเมื่อนานมาแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำตัวใกล้ชิดกับเธออีก

“ท่านรองอิ่มแล้วใช่ไหมคะดิฉันจะได้เก็บ” หญิงสาวเฉไฉแก้เขิน หน้าแดงมือสั่นรีบเก็บจานช้อน

“ฉันยังไม่ได้กินผลไม้เลย...อยากกินองุ่น ป้อนด้วย” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับบุ้ยปากไปยังจานองุ่น

“เอ่อ...ค่ะ” ตอนนี้หญิงสาวเหมือนจะคิดหรือพูดอะไรไม่ออก เธอเด็ดลูกองุ่นจากขั้วก่อนจะส่งเข้าปากชายหนุ่มแต่เขากลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เอา ไม่ป้อนแบบนี้” ชายหนุ่มดึงองุ่นจากมือหญิงสาวขณะที่เธอทำหน้างงๆจนชายหนุ่มเอาองุ่นลูกนั้นยัดใส่ไว้ระหว่างกลีบปากเธอ

“ทีนี้ก็ป้อนได้” บอกเชิงบังคับ หญิงสาวหน้าแดงยิ่งขึ้นเมื่อถึงบางอ้อ

หญิงสาวชั่งใจอยู่ชั่วครู่แต่เมื่อมองสายตาคุกคามเธอจึงยื่นหน้าเข้าไปจนชิดแล้วจึงส่งลูกองุ่นเข้าปากชายหนุ่มซึ่งเขาก็อ้าปากรอรับ เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเพียงนิดความรู้สึกวูบวาบเหมือนมีกระไฟก็แล่นไปทั่วร่างกาย หญิงสาวคาบองุ่นป้อนเขาจนถึงลูกที่ห้าชายหนุ่มก็ประคองใบหน้าเธอไว้

“ลูกนี้กินด้วยกัน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงพร่าเขายื่นปากไปคาบเอาองุ่นจากปากเต็มอิ่มแล้วกัดจนลูกองุ่นแตกแต่ไม่ได้กลืนเขากลับใช้ลิ้นดันมันคืนสู่ปากอิ่มเรื่อนั้น

หญิงสาวจำต้องเผยอปากรับเนื้อองุ่นจากลิ้นอุ่นพร้อมกับริมฝีปากกระด้างที่บดเบียดตามมา ชายหนุ่มบดเคล้าปากอิ่มอย่างโหยหา ทั้งดูดดึงริมฝีปากบนล่าง ลิ้นหนาอุ่นซอกซอนโพรงปากหอมหวานกระหวัดเกี่ยวรัดลิ้นเล็กนุ่มอย่างเอาแต่ใจ จากความตกใจช่วงแรกกลายเป็นความวาบหวามจากอาการแข็งขืนต่อต้านกลับอ่อนระทวย มือเรียวเล็กที่เคยยันอกแกร่งตอนนี้กลับเคลื่อนไปกอดแผ่นหลังหนา ความรักความคิดถึงที่ซุกซ่อนอยู่ในใจทำให้เธอปล่อยไจไปกับสัมผัสของชายหนุ่ม อ้อมแขนแข็งแรงตระกองกอดร่างเล็กแต่หากอวบนุ่มนิ่มริมฝีปากหนาและจมูกโด่งเคลื่อนซุกไซร้ลงมายังซอกคอขาวหอมกรุ่นแป้งเด็กและกลิ่นสาบสาว ฝ่ามือหนาแข็งแรงเคลื่อนวนมายังด้านหน้าร่างอวบอิ่มก่อนจะเกาะกุมทรวงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เขารู้สึกขัดใจชุดแม่ครัวอันมิดชิดนี่เหลือเกินเพราะมันทำให้เขาไม่สามารถสัมผัสตัวเธอได้อย่างใจปรารถนา

แต่แล้วอารมณ์ตื่นเพริดของทั้งคู่ก็ต้องสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากข้างนอกห้อง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว