ตอนที่พวกเขากำลังต่างคนต่างคิดอยู่นั้น
ทันใดนั้นในสนามรบก็มีฉากที่น่าอึดอัดใจปรากฎขึ้น เนื่องจากมันเป็นเวลาที่พวกเขากำลังครุ่นคิด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้สนใจการทะเลาะในครั้งนี้สักเท่าไหร่ หลังจากที่ฮงเหมยพูดกับอีกฝ่ายจบ อีกฝ่ายกลับไม่มีคนเถียงกลับมาสักคน ฮงเหมยเองก็ไม่ได้พูดอะไร ซ่งลุ่ยเองก็ยังคงมองอย่างจริงจัง
วินาทีนั้นในสนามรบก็เงียบลงอย่างน่าอัศจรรย์!
พวกเขาเงียบลงอย่างฉับพลัน ทำให้คนที่มองดูอยู่รอบๆต่างไม่เข้าใจ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมแต่ละคนถึงทำท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อกี้พวกเขายังทะเลาะกันเสียงดังอยู่เลย ตอนนี้กลับเงียบลงดื้อๆ เรื่องนี้ต้องมีสาเหตุซ่อนอยู่ แต่พวกเขาไม่รู้นะซิ
ดังนั้นหลังจากที่คนทั้งสามสงบลง คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่รอบๆจึงเริ่มพูดคุยกันอย่างเมามันส์
ผู้ชมโดยรอบรู้สึกงงมาก ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงกระซิบพูดคุยกับคนที่อยู่รอบตัวเอง ตอนแรกแค่คนสองคนคุยกันยังพอรับได้ เพราะผลกระทบที่ตามมามันไม่ใหญ่มาก แต่ ตอนนี้คนที่ดูสถานการณ์อยู่มีมากเป็นพิเศษ เมื่อคนที่มุงดูมองเห็นว่าพวกเขากำลังคุยกันพวกเขาเองก็เลยทำตามบ้าง
ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าผู้คนที่อยู่รอบๆต่างทำท่าทางกระซิบกระซาบกัน สิ่งนี้จึงนำไปสู่เสียงและผลลัพธ์ ที่ใหญ่หลวงมาก แต่พวกเขาไม่ได้คุยกันเสียงดังพวกเขาเพียงใช้เสียงเบาๆเท่านั้น เสียงของพวกเขาเหมือนกับแมลงวันที่บินหึ่งๆอยู่รอบๆ ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรง แต่ผลกระทบของเสียงนั้นก็น่าตื่นเต้นเลยทีเดียว!
ขณะที่คนทั้งสามกำลังสงบเงียบอยู่พวกเขากลับถูกเสียงดังหึ่งๆของผู้คนโดยรอบขัดจังหวะในการตัดสินใจของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาคิดว่าเหมือนมีแมลงวันมาบินรอบๆตัวเอง พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงงจะมีแมลงวันเยอะขนาดนี้มาบินอยู่รอบตัวได้ยังไง!
ขณะที่พวกเขากำลังคิด ก็หันไปมองรอบๆด้วยเช่นกัน และก็พบว่าผู้คนรอบต่างกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ นั่นถึงทำให้รู้ว่าเกิดเสียงอะไรขึ้น ในใจของพวกเขายังรู้สึกไม่อยากจะพูดอะไร แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็พบว่าคนทั้งสามกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และพวกเขายังหันมามองตัวเองด้วย ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ถูกเสียงของผู้คนที่อยู่รอบๆทำให้รู้สึกอับอาย ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆหยุดกระซิบลงทีละคนๆ
ดังนั้นปรากฏการณ์ประหลาดอีกอย่างหนึ่งจึงเกิดขึ้น ผู้คนที่อยู่รอบๆพร้อมใจกันเงียบลง จากนั้นแต่ละคนก็ต่างจับจ้องมาที่คนทั้งสามอย่างจริงจังดูว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อไป ขณะนี้คนทั้งสามที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกแปลกใจมาก แต่มันก็แค่แปลกใจเท่านั้น วินาทีนั้น เขาทั้งคิดในใจ และดึงสายตาของตัวเองกลับมายังสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
คราวนี้ คนทั้งสามต่างมองตาซึ่งกันและกัน!
ทันใดนั้นทั้งสามคนก็รู้ทันทีว่าทำไมคนรอบข้างถึงต้องกระซิบกัน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าควรคุยอะไรกันดี ดังนั้นทั้งสามคนจึงเงียบลงอีกครั้ง แต่การเงียบในครั้งนี้มันต่างออกไปจากเดิม เพราะครั้งที่แล้วพวกเขาทั้งเงียบไป มองหน้ากันไป และในใจยังคิดอย่างเงียบๆด้วย ครั้งนี้ พวกเขาต่างคนต่างไม่ได้คิด เพียงเงียบเฉยๆเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ต่างมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครยอมพูดออกมาสักคน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังมองแบบคุณมองฉัน ฉันก็มองคุณ หรือเรียกว่าใช้สายตาเพื่อสังหารกันอยู่นั้น
ทันใดนั้นประตูของห้องทำงานที่อยู่ข้างๆก็เปิดออก สายตาของทุกคนจึงหันไปมองประตูบานนั้น แต่มองไปแวบเดียวเท่านั้น ต่อมาพวกเขาก็กลับมาใช้สายตาห้ำหั่นกันต่อ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาขัดขวางอีกฝ่าย พวกเขาจึงหันมามองซ่งลุ่ยและฮงเหมยด้วยแววตาที่ดุร้าย
แต่ทางฝั่งของซ่งลุ่ยและฮงเหมยนั้นต่างออกไป หลังจากที่พวกเขาทั้งสองมองไปทางประตูสำนักงาน พวกเขาก็ดูท่าทางตกใจในทันที ทั่วทั้งร่างต่างหยุดนิ่ง! แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และมันก็หายวับไปทันที แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก พวกเขาแค่คิดว่าจะมาดูคนที่มาและกลุ่มคนเหล่านั้นก็เท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็หันหลังทันทีเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป จากนั้นก็หันมาจับตามองฝ่ายตรงข้าม หลังจากรอมานาน จู่ๆเขาก็ตอบสนอง
ห้องสำนักงานที่ถูกเปิดประตูออกมานั้นก็คือห้องทำงานของท่านประธานจาง ยิ่งกว่านั้นมันถูกเปิดจากด้านใน วินาทีนั้นทั้งสองคนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที และอีกนิดเดียวเท่านั้นพวกเขาก็เกือบร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจแล้ว!
เพราะพวกเขาทั้งสองคนรู้ดี เมื่อประตูของห้องประธานจางเปิดออก แสดงว่าประธานจางจะต้องทนอยู่ข้างในต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจะออกมาแสดงฝีมือเป็นแน่ ขอแค่ประธานจางยินดีที่จะออกโรง เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะไม่เป็นปัญหาอีก
เมื่อซ่งลุ่ยและฮงเหมยคิดถึงตรงนี้พวกเขาก็ไม่หันไปมองคนกลุ่มคนนั้นอีก พวกเขาแต่ละคนต่างหันไปมองประตูทางออกของห้องประธานจาง ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จะแสดงสีหน้าที่จริงจังและเคารพ จะเห็นได้ว่า อิทธิพลที่ประธานจางมีต่อพวกเขานั้นมีมากขนาดไหน แม้ว่าด้านนอกจะยังมีเรื่องวุ่นวายรออยู่
แต่ประธานจางก็เป็นคนที่มีอำนาจจริงๆ!
ตอนนี้กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นท่าทีของซ่งลุ่ยและฮงเหมยด้วยเช่นกัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้นพวกเขาก็แอบรู้สึก ว่ามีลางร้ายกำลังวิ่งเข้าหาพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงตัวเองก็ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่กำลังทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ปลอดภัย
ในเวลาเดียวกันนั้นพวกเขาก็หันไปมองซ่งลุ่ยและฮงเหมยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ยังไม่หันมาสบตามองอีก ดังนั้นตัวเองจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองประตูที่ถูกเปิดออก สายตาของคนในกลุ่มเองก็หันไปมองห้องทำงานตามตัวเองด้วย แม้จะพูดว่านั้นเป็นเพียงแค่ประตูห้องทำงานห้องหนึ่ง แต่ในสายตาของทั้งสามคน มันเหมือนกับกรงขังสัตว์ร้ายที่ถูกเปิดออก และมันกำลังเลือกคนที่ตัวมันจะกัดกิน!
มันจึงทำให้คนกลุ่มนี้เหมือนกับลูกนกที่กำลังกลัวจนตัวสั่น!
ขณะที่ผู้ชมกำลังมองการต่อสู้ของกลุ่มคนเหล่านั้นที่กำลังหันไปมองตรงกลาง ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกเบื่ออยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่ตัวเองอยากแบ่งปันความรู้สึกในเวลานี้กับคนรอบข้าง แต่ทันใดนั้นเขาก็ให้ความสนใจกับประธานจาง ในเมื่อตอนนี้ประตูก็ถูกเปิดออกแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ลังเล และไม่ได้คิดอะไร เ
มื่อเห็นฉากนี้ คำแรกที่ปรากฎขึ้นในสมองก็คือวิ่ง! รีบออกไปจากที่นี่! เพราะเรื่องก่อนหน้านั้น พวกเขาทั้งหมดยังจำได้ ประธานจางคนเดียวกับคนกลุ่มหนึ่ง เพียงแค่เสียงตะโกน พลังเสียงที่เปล่งออกมาก็เหมือนเสือที่ดุร้ายแล้ว! นอกจากนี้ตอนนี้ยังอยู่ในเวลาทำงาน ตัวเองไม่ได้กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วยังมาก่อเรื่องวุ่นให้ที่นี่อีก นี่มันไม่เท่ากับการรนหาที่ตายงั้นหรอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ คนที่มุงดู และกลุ่มคนก็อดไม่ได้ที่รู้สึกหนาวสั่น พวกเขาไม่ได้ลังเลมากนัก แต่ละคนต่างรีบวิ่งกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองทันที และรู้สึกว่าตนเองมีขาน้อยเกินไป(รู้สึกวิ่งช้าไป) พวกเขานั้นวิ่งเร็วได้มากกว่ากระต่ายก็เท่านั้น!
ทั้งสามคนถึงกับตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงโดยรอบ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบๆ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ซ่งลุ่ยและฮงเหมยคาดเดาไว้ ส่วนคนกลุ่มคนที่ขึ้นมากลับแสดงสีหน้ามึนงง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันมามองซ่งลุ่ยและฮงเหมย แต่พวกเขากลับพบว่าทั้งคู่กำลังทำท่าทางที่ว่ามันก็สมควรจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองคน ความรู้สึกแปลกใจของคนกลุ่มนี้ก็ยิ่งมากเข้าไปอีก พวกเขาอยากจะเปิดปากถาม แต่กลัวว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน และเสียศักดิ์ศรี ดังนั้นพวกเขาจึงทนความสงสัยที่อยู่ในใจตัวเองต่อไป กลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาลงไปในท้อง จากนั้นพวกเขาก็ยังหันมองไปรอบๆด้วยความสงสัย
ที่จริงอย่ามองว่าคนรอบๆนั้นมีเยอะ แต่ตอนที่เขาวิ่งนั้นมันเร็วมาก ผ่านไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น ผู้คนที่อยู่รอบๆก็ได้หายไปในพริบตาและในตอนนี้ดวงตาของซ่งลุ่ยและฮงเหมยเต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น รู้สึกกังวลเกี่ยวอนาคตของกลุ่มคนตรงหน้าจริงๆ
ในเวลาเดียวกันก็แอบคิดในใจอย่างเงียบๆ อีกเดี๋ยวประธานจางออกโรง หวังว่าจะไม่ลงมือหนักกับพวกเขาจนเกินไปนะ! ไม่อย่างนั้นด้วยจิตใจแบบนั้นของพวกเขาจะต้องรับมันไม่ไหวแน่ ในเวลาเดียวกันดวงตาของพวกเขาทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความสงสารและความเห็นอกเห็นใจ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว