จำแลงรักชายาจิ้งจอก (นิยายแปลจีน) by ตำหนักไร้ต์รัก

ตอนที่ 6

บทที่ 47 ฉันเห็นเธอเป็นพี่น้อง แต่เธอกลับคิดจะมาเป็นพี่สะใภ้ (รีไรท์)


“อื้ม!”


เสิ่นทิงเหวินได้วิสาสะกับผู้หญิงน้อยครั้งมาก น้ำเสียงของเขาจึงทั้งไม่อบอุ่นและไม่เย็นชา


แต่เป็นเพราะเสิ่นชิงชิงเป็นผู้หญิงใจกว้าง ต่อให้ท่าทีของเสิ่นทิงเหวินไม่มีความกระตือรือร้นแม้แต่น้อย เธอก็ยังหน้าแดงขึ้นมาได้เพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา โดยมองข้ามเยี่ยเสิ่นเหยียนที่มีผ้าพันแผลเต็มตัวที่อยู่ข้าง ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง


เสิ่นทิงหงเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็พอดีได้เห็นฉากดังกล่าว ถ้าเธอไม่ได้รู้จักนิสัยของเสิ่นชิงชิงดีแล้วละก็ ต้องเชื่อแน่ว่าเสิ่นชิงชิงเป็นกุลสตรีนางหนึ่ง


“อะแฮ่ม! ชิงชิง พวกเราไปกันเถอะ!”


ในที่สุดเสิ่นชิงชิงก็เลิกทำท่าเขินอายจ้องไปที่เสิ่นทิงเหวิน เสิ่นทิงเหวินเองก็โล่งใจที่เห็นเธอละสายตาออกไป เด็กคนนี้เป็นอะไรไปเนี่ย


“ไปเถอะ ๆ” เสิ่นชิงชิงเดินมาหาเสิ่นทิงหงข้าง ๆ แล้วคว้าเข้าไปที่แขนของเสิ่นทิงหง


อู้ววว


เสิ่นทิงหงรู้สึกว่าแตงลูกนี้ทำตัวเป็นเด็กสาวช่างฝันอยู่เล็กน้อยนะเนี่ย


มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เสิ่นชิงชิงถึงไม่ถูกใจคู่หมายสักคน พอถามว่าเธอชอบคนแบบไหน เธอก็ตอบกลับมาว่าจะหาคนที่เหมือนกับเสิ่นทิงเหวิน


เธอต้องการหาคนที่เหมือนเสิ่นทิงเหวินที่ไหนกัน เห็นชัด ๆ ว่าถูกตาต้องใจพี่ใหญ่ของตัวเองเข้าให้แล้ว


ทั้งสองคนเดินห่างออกมาไกลมากแล้ว เสิ่นชิงชิงยังคอยหันกลับไปมองเสิ่นทิงเหวินที่อยู่ในลานบ้านอยู่เลย


เสิ่นทิงหง ‘…เจ้าหนูเอ๋ย~ ท่าทางแบบนี้มันไม่โจ่งแจ้งเกินไปหน่อยเรอะ’


“ชิงชิง”


“หืม… มีอะไรเหรอ” เสิ่นชิงชิงรีบหันหน้ากลับมาราวกับกลัวว่าเสิ่นทิงหงจะเห็นการกระทำเล็ก ๆ ของตัวเอง


เสิ่นทิงหง ‘ฉันเห็นแล้วจ้า…’


“เธอชอบพี่ใหญ่ฉันเหรอ” เสิ่นทิงหงยิงคำถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม


“ห๊ะ อะไร พูดอะไรของเธอน่ะ” เสิ่นชิงชิงยังตอบสนองไม่ทันในตอนแรก จากนั้นก็แกล้งทำเป็นโกรธแล้วตีไปที่เสิ่นทิงหง “พูดเหลวไหล!”


“ก็ถ้าหน้าเธอไม่แดงเป็นแก้มก้นลิงอ่ะนะ ฉันก็จะเชื่ออยู่หรอกว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรพี่ใหญ่ฉัน” เสิ่นทิงหงมองหน้าเสิ่นชิงชิงอย่างมีนัย


ใบหน้าของเสิ่นชิงชิงเปลี่ยนเป็นยิ่งแดงกว่าเดิม รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน “ฉันเปล่านะ ไม่ใช่ซะหน่อย อย่าพูดเหลวไหลซิ”


“ฮา ๆๆๆ… บอกฉันมาก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถึงเธอจะไม่ค่อยจริงใจซะเท่าไหร่ ฉันเห็นเธอเป็นพี่น้อง แต่เธอกลับคิดจะมาเป็นพี่สะใภ้ฉันซะงั้น แต่ฉันก็เป็นคนมีมนุษยธรรมน้า ไม่แน่ว่าจะช่วยเธอจีบพี่ชายฉันก็ได้”


เสิ่นทิงหงหัวเราะจนท้องเข็ดท้องแข็ง


เสิ่นชิงชิงกลับคิดทบทวนอย่างเป็นจริงเป็นจัง “เธอพูดจริงเหรอ”


จากนั้นพอได้เห็นสีหน้าล้อเลียนของเสิ่นทิงหง ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าถูกเสิ่นทิงหงหลอกถามเข้าให้แล้ว เลยโกรธจนแทบอยากตีเธอเข้าให้อีกครั้ง


“เฮ้ ๆ ฉันพูดจริงนะ จริง ๆ พี่ใหญ่ฉันน่ะเป็นพวกท่อนไม้ ถ้าเธอไม่เข้าไปจีบก่อน ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็ไม่มีทางรู้ตัวหรอก”


เสิ่นทิงหงหลบอย่างไว พร้อมกับบอกกลับไป


ความจริงแล้วถ้าเพื่อนสนิทของตัวเองได้ตกล่องปล่องชิ้นกับพี่ใหญ่ขึ้นมาก็ถือว่าดีมาก อย่างน้อยต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับพี่สะใภ้


เสิ่นชิงชิงเงียบลง ขณะเดินไปก็คิดทบทวนความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ไปด้วย


เสิ่นทิงหงก็ไม่คิดไปรบกวน เพียงแต่ส่ายหัวในใจ รู้สึกเหม็นความรักก็เท่านั้น


“เธอยินดีจะให้ฉันเป็นพี่สะใภ้เธอจริงเหรอ”


ทั้งคู่เดินมาจนใกล้จะถึงตัวเมืองแล้ว อยู่ ๆ เสิ่นชิงชิงก็ถามขึ้น


เสิ่นทิงหงพยักหน้า แน่นอนอยู่แล้ว ถึงแม้เสิ่นชิงชิงกับเสิ่นทิงหงจะแซ่เสิ่นเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวอะไรเลย


เพียงแต่แซ่เสิ่นเป็นแซ่ใหญ่ในหมู่บ้านถวนเจี๋ย นับว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร


อีกอย่าง นิสัยของเสิ่นชิงชิงก็ดีมาก หลิวเยว่กับเสิ่นต้าเฉียงเองก็ชอบเธอมาก


แน่นอนว่า ถึงเธอจะช่วยส่งเสริม แต่เรื่องนี้สำคัญที่ตัวของพี่ใหญ่เขาเอง ถ้าเขามีใจให้เสิ่นชิงชิงเหมือนกันก็ยิ่งดี แต่ถ้าเขาไม่ได้ชอบพอเสิ่นชิงชิงเด็กน้อยคนนี้ เธอก็หมดปัญญา


“ได้ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จได้ด้วยดี ฉันจะให้อั่งเปาซองใหญ่เธอเลย” เสิ่นชิงชิงตบอกตัวเองด้วยท่าทีภูมิใจ


เสิ่นทิงหงก็เลียนแบบท่าทางของเธอ แล้วตบอกตัวเอง “ตกลง ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย”


และแล้วทั้งคู่ก็เดินมาถึงตัวตำบลกันอย่างมีความสุข ก่อนหน้านี้เสิ่นทิงหงออกจากหมู่บ้านแล้วก็ตรงเข้าไปที่อำเภอเลย ยังไม่เคยได้เดินเที่ยวในตัวตำบลอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน


ความจริงแล้วพอมองดูดี ๆ ตัวตำบลก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าในหมู่บ้านสักเท่าไหร่ ก็แค่มีบ้านปูนมากกว่านิดหน่อย แต่จริง ๆ แล้วด้านในก็มีจำนวนไม่น้อยที่ยังเป็นบ้านดิน


สิ่งเดียวที่ไม่ค่อยเหมือนกับชนบทก็คงเป็นเรื่องที่ในตัวตำบลนั้นมีถนน


สองฝั่งถนนยังมีร้านค้าเรียงราย แต่ทั้งหมดล้วนเป็นร้านของรัฐ อย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่อนุญาตให้มีการค้าขายกันเอง


ร้านค้าที่เห็นตามทางล้วนแขวนป้ายไว้ด้านหน้าว่าเป็นร้านของรัฐ


มีร้านขายของจุกจิก ร้านอาหาร และสตูดิโอถ่ายรูปจำพวกนี้ และแน่นอนต้องมีพวกร้านตัดเสื้อพวกนั้นด้วย แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงอะไร คนในตัวตำบลเองก็มีไม่มาก


“พวกเราไปเดินเล่นที่ร้านสหกรณ์กันไหม” เสิ่นชิงชิงชวน


ที่นี่ยังไม่มีห้างสรรพสินค้า แต่ในตัวอำเภอกลับมีอยู่ห้างหนึ่ง


เสิ่นทิงหงรู้สึกสนใจมากเช่นกัน ดังนั้นจึงเดินไปที่ร้านสหกรณ์พร้อมกับเสิ่นชิงชิง


เธอมีความคุ้นเคยกับตัวตำบลดี นั่นก็เพราะเจ้าของร่างเดิมเคยมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แต่การเห็นจากความทรงจำกับการได้เห็นด้วยตาตัวเองนั้นมันคนละเรื่องกันเลย


ร้านสหกรณ์ถือว่าไม่เล็กทีเดียว มีด้วยกันอยู่สองชั้น ซึ่งเป็นตึกที่มีให้เห็นได้ไม่มากในระดับตำบล


อาคารโดยรอบก็ถือว่าไม่แย่นัก โดยเฉพาะตึกของร้านสหกรณ์ที่ดูจะเก่ามาก แต่ก็ดูออกว่าเคยเป็นบ้านของคหบดีสักคนมาก่อน


รูปแบบอาคารเป็นสไตล์ตะวันตก เมื่อมาอยู่ในตัวตำบลจึงดูไม่ค่อยเข้ากันเล็กน้อย


เป็นการยึดมาเป็นของรัฐได้หลังจากที่ระบบทุนนิยมถูกปราบปรามลง


ด้านนอกเป็นกำแพงสีขาวที่มีลวดลายวาดไว้ มีทั้งที่เป็นธงห้าดาวสีแดง และมีที่เป็นภาพเหมือนบุคคล


ในบรรดาภาพทั้งหมดมีอยู่ภาพหนึ่งที่ดูมีชีวิตชีวามาก เป็นภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดชนชั้นแรงงานและหมวกเหลยเฟิง มือข้างหนึ่งกำหมัดไว้แล้วชูออกไปในระดับอก ขาข้างหนึ่งก้าวออกไปด้านหน้าด้วยท่าทางเหมือนเตรียมพุ่งตัวออกไป ดูเปี่ยมไปด้วยพลังไม่น้อย


ด้านข้างยังมีประโยคที่เขียนกำกับไว้ว่า ‘เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดีอย่างเหลยเฟิง*[1]’


มีความโดดเด่นมากจริง ๆ


หลังจากเดินเข้าไปด้านในของร้านสหกรณ์ก็จะพบกับสินค้าละลานตา แต่ละแผงจะมีพนักงานขายยืนประจำอยู่หนึ่งคน แต่พนักงานขายแทบทุกคนกลับมีสายตาที่ดูเย่อหยิ่ง


อย่างไรในยุคสมัยนี้การได้มีงานทำที่มั่นคง แล้วยังเป็นงานสบาย ๆ ได้เงินดีในสหกรณ์แบบนี้อีก เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกลำพอง และไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา


ที่ขายหมูป่าไปก่อนหน้านี้ หลิวเยว่ให้เงินเธอมาครึ่งหนึ่ง ที่เปลี่ยนไปเป็นตั๋วแลกซื้อก็ไม่น้อย ดังนั้นทั้งคู่จึงเดินเล่นซื้อของกันได้อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระอะไร


เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูไม่แย่ อย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับชาวชนบทส่วนใหญ่ที่สวมเสื้อที่มีรอยปะชุนเต็มไปหมด ดังนั้นท่าทีของพนักงานขายถึงจะพูดไม่ได้ว่าดี แต่ก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก


เดินเลือกซื้อกันไปจนถึงร้านเครื่องประดับผม เสิ่นชิงชิงก็ถูกดึงดูดไว้ด้วยที่รัดผมสีแดงกับที่ติดผมจำนวนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อครู่เพิ่งได้หารือกับเสิ่นทิงหงว่าจะกล้าเป็นฝ่ายเริ่มตามจีบชายในดวงใจของตัวเองก่อน นี่ถือเป็นการเริ่มอยากสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูน่าประทับใจ



[1] เหลยเฟิง เป็นทหารในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อและภาพลักษณ์ของเหลยเฟิง ถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนนำมาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อ ในฐานะประชาชนจีนตัวอย่าง ผู้สมถะ ทุ่มเท และอุทิศตนให้กับแนวทางของเหมาเจ๋อตง



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว