GENTLE MONSTER บุรุษอันธพาล-GENTLE MONSTER บุรุษอันธพาล|03 - 4

โดย  SUNISAYOK

GENTLE MONSTER บุรุษอันธพาล

GENTLE MONSTER บุรุษอันธพาล|03 - 4

บทที่ยี่สิบสอง

หมิงเยว่ให้ชงไฉ่ตามน้าหลิงไปชดใช้หนี้พร้อมทั้งช่วยเก็บสิ่งของ เมื่อเสร็จแล้วให้ไปพบกันที่ร้านน้ำเต้าหู้ ส่วนหมิงเยว่และท่านพ่อเดินไปซื้อเสื้อผ้าและผ้าห่มให้แก่สามคนแม่ลูก จากนั้นทั้งหมดจึงนั่งเกวียนกลับบ้าน

หมิงเยว่ให้น้าหลิง อยู่บ้านหลังเก่ากับพวกชงไฉ่ไปก่อน ป้าอิงจึงช่วยจัดแจงให้ครอบครัวน้าหลิงอยู่หนึ่งห้อง ชงไฉ่อยู่กับชงจื้อ และป้าอิงอยู่กลับชงเมิ่ง หมิงเยว่จึงคิดว่าคงต้องสร้างที่พักใหม่ให้คนงานแล้ว


สามีของน้าหลิงตายเนื่องจากไปเก็บสมุนไพรบนเขา แล้วตกหน้าผา ครอบครัวของสามีกล่าวหาว่าน้าหลิงเป็นตัวกาลกิณี ทั้งยังมีแต่ลูกสาวไม่มีลูกชาย จึงทอดทิ้งไม่ดูแล ‘ลูกสาวแล้วไง! ไม่ใช่คนเหรอ พูดแล้วของขึ้น’

น้าหลิงชื่อ ซุนเหม่ยหลิง อายุ 29ปี

ลูกสาวคนโตชื่อ หานเพ่ยเฟิน อายุ 10ปี

ลูกสาวคนเล็กชื่อ หานเพ่ยฟาง อายุ 6เดือน


วันรุ่งขึ้นท่านพ่อติดต่อนายช่างหลวนให้สร้างบ้านพักคนงาน โดยสร้างบนที่ดินเดิมสี่หมู่ ใกล้ๆบ้านพักของพวกเรา สร้างเป็นห้องพักสิบห้อง ห้องน้ำสองห้อง ห้องครัวและห้องกินข้าวอย่างละหนึ่งห้อง ด้านหน้าเป็นลานกว้างไว้นั่งเล่น ตัวบ้านสร้างด้วยอิฐเพื่อความแข็งแรงและคงทน

นายช่างหลวนคิดราคาที่สี่ร้อยตำลึง เพราะเล็กกว่าบ้านของพวกเรา วันมะรืนจึงเริ่มก่อสร้างใช้เวลาไม่เกินสิบห้าวัน

นายช่างหลวนเริ่มสร้างบ้านพักคนงานในวันนี้ และเป็นวันที่เก็บผักกวางตุ้งและผักคะน้ารุ่นที่สอง วันนี้น้าหลิงมาช่วยเก็บผักด้วย เพ่ยฟางนอนอยู่ในเปลโดยมีน้องเล็กกับเพ่ยเฟินช่วยดูน้องและวิ่งเล่นอยู่ข้างๆ

ใช้เวลาเก็บผักห้าวันจึงแล้วเสร็จได้เงินมาสองร้อยตำลึง วันที่หกจึงเริ่มปลูกเมล็ดผักกวางตุ้งและผักคะน้ารุ่นที่สาม


สามวันถัดมาคือวันที่ 1 เดือน10 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบห้าปีของพี่เฟยจู โดยจะมีพิธีปักปิ่น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหญิงสาวชาวบ้านจะไม่จัดพิธีนี้ แค่กินข้าวฉลองทั่วไป จะมีแต่หญิงสาวสูงศักดิ์หรือหญิงสาวในเมืองใหญ่เท่านั้นที่จะจัดพิธีนี้

ท่านป้าสะใภ้รองได้เชิญท่านตาและท่านยายของพี่เฟยจูจากหมู่บ้านข้างๆมาร่วมงานด้วย และแน่นอนครอบครัวของหมิงเยว่ย่อมต้องไปร่วมงานและต้องนำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีด้วย โดยครอบครัวของหมิงเยว่ได้ร่วมกันซื้อปิ่นปักผมราคาห้าตำลึง กิ๊บติดผมสามตำลึง และต่างหูสองตำลึง ‘เงินส่วนกลางนั่นแหละ’

ตั้งแต่ครอบครัวของหมิงเยว่เดินเข้ามาในบ้านท่านตา ท่านยายของพี่เฟยจู ท่านป้าสะใภ้รอง มองเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ครอบครัวของหมิงเยว่ใส่ด้วยความอิจฉา

พิธีการได้ผ่านพ้นไป จนกระทั่งถึงเวลาที่ครอบครัวของหมิงเยว่มอบของขวัญให้แก่พี่เฟยจู จึงได้ยินเสียงท่านยายของพี่เฟยจูกล่าวว่า

“ข้าได้ยินมาว่า อาหรูมอบของขวัญเป็นปิ่นปักผมทองแก่แม่ของตัวเอง วันนี้ย่อมต้องให้ของขวัญมีราคากับหลานตัวเองอย่างแน่นอน”

“ใช่เจ้าค่ะ ครอบครัวอาหรูมีกิจการร้านค้า มีบ้านใหญ่โต ย่อมต้องไม่ตระหนี่ถี่เหนียวกับหลานตัวเองหรอกเจ้าค่ะ” ป้าสะใภ้รองรีบกล่าวรับคำแม่ของตัวเอง

“เยว่เอ๋อร์ สวมใส่เครื่องประดับมีราคาหลายชิ้น ท่านอาย่อมต้องซื้อให้ข้าเช่นกันอยู่แล้วเจ้าค่ะ” เป็นเสียงของเฟยจู

หมิงเยว่คิดในใจว่า ‘ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ แต่ที่แน่ๆต้องดูให้ถึงยายเจ้าค่ะ’

หมิงเยว่ซึ่งเป็นคนถือของขวัญอยู่ จึงกล่าวว่า

“ต่างหู และกิ๊บติดผม นี่เป็นของขวัญให้พี่เฟยจูเจ้าค่ะ”

จากนั้นจึงหันไปหาพี่เฟยเจิน แล้วบอกว่า

“ส่วนนี่คือปิ่นปักผม ที่ท่านแม่มอบให้เป็นของขวัญย้อนหลังในวันปักปิ่นของพี่เฟยเจิน หลานของท่านแม่เช่นกันเจ้าค่ะ”

‘เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โลภมาก ลาภจะหายเจ้าค่ะ’


หลังจากวันครบรอบวันเกิดพี่เฟยจูสามวัน บ้านพักคนงานจึงแล้วเสร็จ ท่านพ่อจึงได้ตรวจรับบ้านและจ่ายเงิน หมิงเยว่จึงขอให้นายช่างหลวนสร้างบ้านหลังเล็กอีกสองหลัง สร้างด้วยอิฐเช่นกัน โดยแต่ละหลังมีหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องน้ำ สร้างบริเวณที่ดินห้าสิบหมู่ที่ซื้อใหม่

หมิงเยว่คิดว่า ต้องจ้างคนงานมาเฝ้ายาม จึงสร้างบ้านไว้รอบนอกของที่ดิน ป้องกันคนเข้ามาขโมยของ นายช่างหลวนคิดราคาหนึ่งร้อยตำลึงใช้เวลาไม่เกินสิบวัน


วันรุ่งขึ้นครอบครัวของชงไฉ่ และน้าหลิงย้ายเข้าบ้านคนงานหลังใหม่ หมิงเยว่จึงมาดูแลพวกเขาย้ายเข้าบ้านใหม่ และดูว่ายังขาดเหลืออะไรรึไม่

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว