เทพมังกรสงครามอหังการ (龙纹战神)-บทที่ 9 นายน้อยต้องการปรุงยา? หยุดล้อเล่นได้แล้ว

โดย  BS Project

เทพมังกรสงครามอหังการ (龙纹战神)

บทที่ 9 นายน้อยต้องการปรุงยา? หยุดล้อเล่นได้แล้ว

"ท่านพ่อดูเป็นกังวล เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?"


เจียงเฉินถามขึ้น


"มาสิ พวกเราจะไปพูดกันด้านใน"


เจียงเจิ้นไห่กล่าวขณะที่ก้าวเข้าห้องเจียงเฉิน


ภายในห้อง พ่อและลูกนั่งหันหน้าเข้าหากัน


"เฉินเอ๋อร์เอ๋ย เจ้าควรจะรู้นะ แม้ว่ากิจการของตระกูลเจียงจะมีมากมาย แต่สิ่งที่ทำเงินได้มากที่สุดในเมืองเทียนเซียงได้นั่นคือร้านขายโอสถ"


เจียงเจิ้นไห่กล่าวออกมาขณะที่มองไปยังเจียงเฉิน


"ลูกทราบดี"


เจียงเฉินผงกหัว สำหรับผู้ฝึกตน ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าเม็ดยา ภายในเมืองเทียนเซียงแห่งนี้ มีเพียงตระกูลเจียงและตระกูลมู่หรงที่ประกอบกิจการค้าโอสถทำให้มีรายได้เข้ามามากมาย


"กิจการค้าโอสถของพวกเราโดนตระกูลมู่หรงเล่นงานอย่างหนัก ในตอนนี้อยู่ในภาวะคับขัน"


เจียงเจิ้นไห่ขมวดคิ้ว


"ท่านพ่อ มันเกิดอะไรขึ้น?"


เจียงเฉินถามขึ้น


"ตระกูลมู่หรงไม่รู้ว่าไปเชิญนักปรุงยามาจากที่ไหน สามารถปรุงยามนุษย์หยวนที่มีความบริสุทธิ์ถึงเจ็ดส่วน แต่กิจการค้ายาของพวกเราทำได้เพียงแค่หกส่วน ในเมื่อตระกูลมู่หรงเริ่มขายยาที่มีความบริสุทธิ์ถึงเจ็ดส่วนได้นั้น ทำให้พวกเราสูญเสียรายได้อย่างมาก หากว่าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงต้องปิดกิจการเป็นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นตระกูลมู่หรงจะได้ครอบครองตลาดโอสถแด่เพียงผู้เดียวในเมืองเทียนเซียง ตระกูลเจียงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก"


เจียงเจิ้นไห่กล่าว


"มันเป็นแบบนี้นี่เอง"


เจียงเฉินเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพ่อของเขาถึงดูเป็นกังวลนัก กิจการค้าโอสถกำลังมีปัญหานั่นเอง! อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อย เขากระทั่งรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ เพราะครั้งหนึ่งเขาเป็นถึงนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า ไม่เพียงแค่เขาเป็นยอดนักสู้ ทักษะการปรุงยาของเขายังอยู่ในระดับสูงมากอีกด้วย ในมือของเขายามนั้น มีโอสถระดับเซียนอยู่ถึงเก้าส่วน เขาสามารถปรุงยาที่มีความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนได้อย่างง่ายดาย การที่จะจัดการกับกิจการขายโอสถของตระกูลมู่หรงนั้น เป็นเรื่องง่ายดายนัก


"ท่านพ่อ ไม่ต้องเป็นกังวลไป พรุ่งนี้ข้าจะไปเยือนร้านขายโอสถเสียหน่อย"


เจียงเฉินกล่าว


"อืม"


เจียงเจิ้นไห่ผงกหัว แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเจียงเฉินจะไปยังร้านขายโอสถเพื่ออะไร แต่ตอนนี้เจียงเฉินมิใช่คุณชายเจ้าสำราญอีกต่อไป การที่สามารถไปช่วยร้านขายโอสถได้ เป็นเรื่องที่เจียงเจิ้นไห่ต้องการเห็นอย่างยิ่ง


"ท่านพ่อ ท่านนำทักษะบ่มเพาะนี่ไปดูสิ มันเหมาะสมกับท่านที่จำไปฝึกฝนนะ"


เจียงเฉินกล่าวขณะที่นำแผ่นกระดาษสีทองออกมามอบให้แก่เจียงเจิ้นไห่


"ทักษะบ่มเพาะ?"


เจียงเจิ้นไห่จ้องมองมัน รับกระดาษนั่นไว้ มันดูเก่าแก่พอสมควร


"มันคือทักษะบ่มเพาะซวนหยวนขอรับ"


เขาได้อ่านทุกอักขระที่บันทึกอยู่ในกระดาษ ดวงตาของเจียงเจิ้นไห่ยิ่งเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่อ่านไปได้บางส่วน ใบหน้าของเจียงเจิ้นไห่ปกคลุมด้วยความตื่นเต้น มือของเขาสั่นสะท้านหลังจากที่อ่านจบ ราวกับกระดาษที่อยู่ตรงหน้าดั่งทองคำพันชั่ง


"เป็นทักษะบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมนัก ยอดเยี่ยมจริงๆ เฉินเอ๋อร์ เจ้าได้รับทักษะบ่มเพาะปาฎิหารย์นี่มาจากที่ใดกัน?"


เจียงเจิ้นไห่ตื่นเต้นมาก แม้ว่าแผ่นตำรานี้จะไม่ได้บอกถึงระดับของทักษะบ่มเพาะนี้ก็ตาม แต่เขามิได้โง่ เขาสามารถบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่าทักษะบ่มเพาะนี้ทรงพลังยิ่งกว่าทักษะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่ตั้งไม่รู้กี่เท่า ทักษะบ่มเพาะนี่ ไม่ต้องพูดถึงทั่วทั้งเมืองเทียนเซียง ถึงแม้ว่าจะเป็นขุมกำลังขนาดใหญ่ของแคว้นฉีก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีทักษะระดับนี้


แผ่นตำรานี้เจียงเฉินเป็นผู้เขียนมันขึ้นมาด้วยตนเอง ในชีวิตที่แล้วของเขาเขาได้ก้าวสู่ขอบเขตยอดนักบุญด้วยทักษะซวนหยวน ในตอนนี้เขาบ่มเพาะทักษะร่างแปลงมังกรดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะซวนหยวนอีกต่อไป การมอบให้แก่เจียงเจิ้นไห่เป็นเรื่องที่ดี


"ท่านพ่อ เมื่อตอนที่ลูกพบกับท่านจอมยุทธ ท่านได้มอบทักษะบ่มเพาะนี้ไว้ด้วย หากท่านพ่อชอบ ก็นำไปทำการบ่มเพาะได้เลย"


เจียงเฉินกล่าว หากว่าเจียงเจิ้นไห่เริ่มทำการบ่มเพาะทักษะซวนหยวนเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาที่จะทะลวงสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ภายในสองเดือน


คำอธิบายของเจียงเฉินทำให้เจียงเจิ้นไห่ไม่สงสัยเขา เจียงเฉินได้เล่าให้เขาฟังว่ามีจอมยุทธผู้หนึ่งได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของร่างกายของเขา และได้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ทักษะนี้มันทรงพลังอำนาจเกินกว่าที่เจียงเฉินจะมีมันเองได้


แน่นอนว่า หากเจียงเจิ้นไห่รู้ว่าทักษะที่เขากำลังถืออยู่เป็นทักษะระดับเซียน ถึงตอนนั้นเขาคงสำลักความสุขตายเป็นแน่ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเจียงเฉินจึงไม่ใส่ระดับของทักษะเข้าไปในกระดาษตำรานั่น


เจียงเจิ้นไห่ในตอนนี้ กำลังจมอยู่กับทักษะซวนหยวน เขาถูกแผ่นตำราปาฎิหารย์นี้ดึงดูดจนถอนตัวออกมาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คิ้วของเขาคงขมวดแน่น ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ ดูราวกับว่าเขากำลังจะเป็นลม ทั้งหมดนี่เป็นผลมาจากการที่เขาศึกษาทักษะนี่ในเวลาไม่ถึงนาที


"ท่านพ่อ"


เจียงเฉินส่ายหัวและเรียกเจียงเจิ้นไห่อย่างนุ่มนวล เจียงเฉินปลุกเจียงเจิ้นไห่ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความคิด เจียงเจิ้นไห่อยู่เพียงขอบเขตฉีไห่ขั้นสูงสุดเท่านั้น และมีพรสวรรค์จำกัด มันเร็วเกินไปที่จะให้เขาฝึกฝนทักษะเซียน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จในคราเดียว


ฮ่าห์!


เจียงเจิ้นไห่ตะโกนออกมาหลังจากนั้นผ่อนลมหายใจ เจียงเจิ้นไห่หยุดฝึกฝนและพบว่าตัวเขาเหนื่อยอ่อน


"เฉินเอ๋อร์ ทักษะบ่มเพาะนี่มันลึกซึ้งจริงๆ พรสวรรค์ของข้ามีขีดจำกัดดังนั้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะหยุดฝึกฝนมัน"


เจียงเจิ้นไห่ใช้มือปาดเหงื่อบนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาเผยถึงความตกตะลึงโดยสิ้นเชิง


"ท่านพ่อ ทักษะบ่มเพาะนี้ทำการฝึกฝนมันง่ายมาก ท่านจะต้องค่อยๆศึกษามัน เมื่อท่านกลับไปแล้ว อย่าได้ฝืนเป็นอันขาด"


เจียงเฉินเตือนบิดาของเขาด้วยท่าทางจริงจังถึงที่สุด


"เฉินเอ๋อร์ เจ้าพูดถูก จิตใจของเจ้าจะเข้มแข็งกว่าข้าซึ่งอยู่ในขอบเขตฉีไห่เสียอีก ดูเหมือนว่าบุตรชายข้าเติบโตขึ้นแล้ว เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จในอนาคตแน่ ฮ่าฮ่าๆๆ"


เจียงเจิ้นไห่หัวเราะออกมาด้วยความยินดี เขามองไปยังเจียงเฉินในตอนนี้ ยิ่งมองยิ่งโปรดปราน ยิ่งมองยิ่งยินดี


หลังจากที่ส่งเจียงเจิ้นไห่ที่เปี่ยมสุขกลับ เจียงเฉินก็เริ่มทำการบ่มเพาะทักษะร่างแปลงมังกรอีกครั้ง ทักษะนี้ลึกซึ้งยิ่งเสียกว่าทักษะซวนหยวน หากไม่ใช่เพราะว่าเขามีประสบการณ์ในตอนที่เป็นยอดนักบุญ เช่นนั้นเขาคงไม่อาจประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ถึงแม้ว่าเขามีทักษะร่างแปลงมังกรก็ตาม


เช้าตรู่วันถัดมา เจียงเฉินได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดขาวสะอาด เดินออกจากคฤหาสน์เจ้าเมือง ในมือของเขาถือพัดกระดาษไว้ ทำให้ดูงามสง่า มุมปากของเขายกขึ้น เผยรอยยิ้มอันหล่อเหลา ดวงตาเฉียบคมสองข้าเผยประกายวิบวับ


ร้านขายโอสถ เป็นกิจการที่สำคัญที่สุดของตระกูลเจียง มันตั้งไม่ห่างจากคฤหาสน์เจ้าเมืองมากนัก เจียงเฉินเดินไปอย่างช้าๆและหลังจากผ่านไปสิบห้านาที เขาได้มาถึงประตูหน้าของร้านขายโอสถ


ประตูหน้าและตัวอาคารตกแต่งอย่างเรียบง่าย นี่เป็นสัญลักษณ์ของร้านขายโอสถ มีกลิ่นสมุนไพรแรงกล้าแตะจมูกโชยออกมา มันสามารถจินตนาการได้ว่าหากทำการบ่มเพาะที่ร้านขายโอสถ สามารถดูดซับกลิ่นของเม็ดยาได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะยิ่งนัก


"นายน้อย ท่านมาแล้ว"


"โอ้ นายน้อยทั้งหล่อเหลาและมากพรสวรรค์ ท่านดูสง่าผ่าเผยนัก ดูราวกับไม่ใช่มนุษย์ ราวกับเทพที่จุติลงมาบนโลก"


เมื่อยามแห่งร้านขายโอสถสองคนพบเจียงเฉิน ได้คารวะต่อเขาและประจบอย่างบ้าคลั่ง


ในอดีต พวกเขาทั้งสองก็ทักทายนายน้อยแบบนี้เหมือนกัน เว้นแต่ว่าภายในดวงตาของพวกเขาฉายแววรังเกียจออกมา


แต่ด้วยนายน้อยได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาได้กลายเป็นคนละคน เขาได้โต้เถียงและต่อสู้กับตระกูลมู่หรง และจัดการมู่หรงหยิงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญฉีจิงระดับแปดด้วยการตบเพียงครั้งเดียว ความโดดเด่นของเขาทำให้กรามของทุกคนร่วงสู่พื้น


'นายน้อยได้ซ่อนตัวตนที่แท้จริงมาโดยตลอดนี่เอง เดิมแล้วนายน้อยเป็นอัจฉริยะ!'


นี่เป็นมุมมองของคนรับใช้และยามทั้งหมดที่มีต่อเจียงเฉินในตอนนี้


"อืม ประจบได้ไม่เลวนัก... พวกเจ้าจงไปรับสิบเหรียญเงินที่ฝ่ายการคลังภายหลัง แต่จงจำไว้ ภายหลังไม่ต้องประจบข้าอีก"


เจียงเฉินเดินเข้าไปยังร้านขายโอสถโดยมือหนึ่งถือพัดอีกมือหนึ่งไขว้หลัง


"นายน้อยจงเจริญ"


ยามทั้งสองตะโกนออกมาขณะที่มองไปยังเจียงเฉินด้วยสายตาเคารพ


แค่เพียงประจบก็ได้รับเงินแล้ว นายน้อยนี่ช่างใจกว้างจริงๆ


แม้ว่ากิจการขายโอสถตระกูลเจียงจะกว้างขวาง แต่ไม่ได้มียามรักษาการณ์มากนัก ประการแรก ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นการบริหารของโจวเป่ยเฉิน ผู้ที่ไม่ได้เป็นเพียงนักปรุงยา เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นกลางอีกด้วย


ประการที่สอง ตัวร้านขายโอสถตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากคฤหาสน์เจ้าเมืองมากนัก หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทางคฤหาสน์เจ้าเมืองจะส่งกำลังหนุนมาได้ทันท่วงที


ภายในห้องโถงประชุม มีชายแก่สามคนนั่งอยู่ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียด ไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้


ทั้งสามดูอายุราวห้าสิบกลางๆ พวกเขาทั้งสามสวมชุดคลุมสีเทา พวกเขาอยู่ในขอบเขตฉีไห่ขั้นต้น ชายที่อยู่ตรงกลาง มีรูปร่างสมส่วนและไว้เคราแพะ เป็นผู้ดูแลร้านขายโอสถแห่งนี้ โจวเป่ยเฉินนั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นกลางและเป็นสหายที่ดีที่สุดของเจียงเจิ้นไห่ สามารถบอกได้ถึงความสัมพันธ์อันดีกับเจียงเจิ้นไห่ได้เพราะเขาได้รับมอบหมายให้มาดูแลร้านขายโอสถนี้


"ท่านลุงโจว ใบหน้าตึงเครียดเช่นนี้ไม่เหมาะกับท่านเลย"


เจียงเฉินเดินเข้ามายังห้องประชุม ทั้งสามต่างยืนขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นเจียงเฉินเข้ามา


"นายน้อย เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ได้?"


โจวเป่ยเฉินกล่าวพร้อมยิ้มให้ หากว่าเป็นเมื่อก่อน ด้วยสถานะนักปรุงยาของพวกเขา พวกเขาจะไม่พูดคุยกับเจียงเฉินแม้เพียงคำเดียว แต่การเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้พวกเขาได้เห็นเมื่อสามวันก่อน ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิด


"ท่านลุงโจว ท่านพ่อบอกข้าว่าตระกูลมู่หรงได้เชิญนักปรุงยาที่สามารถปรุงยามนุษย์หยวนที่มีความบริสุทธิ์เจ็ดส่วนได้ ทำให้ได้เปรียบในการตลาดอย่างมากอย่างนั้นหรือ?"


เจียงเฉินมองหาเก้าอี้และนั่งลงด้วยท่าทีสบายๆ มองไปยังโจวเป่ยเฉินและอาวุโสอีกสองคนพร้อมรอยยิ้ม


"นายน้อยเองก็ได้ยินด้วยหรือ ในสองวันมานี้โอสถของพวกเราแทบขายไม่ออก น่าเศร้าที่ทักษะปรุงยาของพวกเรามีขีดจำกัด ไม่สามารถที่จะปรุงยามนุษย์หยวนที่มีประสิทธิภาพเจ็ดส่วนขึ้นมาได้"


โจวเป่ยเฉินยิ้มอย่างขมขื่น


"ท่านลุงโจวอย่าเพิ่งยอมแพ้ ข้าจะแนะนำนักปรุงยาให้พวกท่าน เขาสามารถปรุงยาที่มีประสิทธิภาพเกินเจ็ดส่วนได้อย่างแน่นอน"


เจียงเฉินกล่าว


"อะไรนะ? นายน้อยรู้จักนักปรุงยาแบบนั้นด้วยรึ?"


โจวเป่ยเฉินรู้สึกมีความสุขในทันใด


"คนผู้นั้นอยู่ไหนหรือ? หากว่ามีนักปรุงยาผู้นั้นมาช่วย พวกเราจะไม่แสดงท่าทีเสียมารยาทอย่างแน่นอน"


ชายร่างท้วมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


"คนผู้นี้ดูราวกับอยู่ห่างไกล แต่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าพวกท่าน"


เจียงเฉินหุบพัด และลุกขึ้นยืน


"อะไรนะ? นายน้อย เมื่อครู่ท่านบอกว่าเป็นตัวท่านเองงั้นหรือ?"


ชายร่างท้วมรู้สึกประหลาดใจขณะที่จ้องมองเจียงเฉิน อีกสองคนเองก็มีปฎิกิริยาเช่นเดียวกัน


"ใช่แล้ว นักปรุงยาผู้นั้นคือข้าเอง"


เจียงเฉินผงกหัว


ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ


สิ้นสุดคำพูดของเขา ทั้งสามระเบิดหัวเราะออกมาทันที


เจ้าเด็กนี่มาเล่นมุกเพื่อทำให้พวกเขาร่าเริงขึ้นจากที่พวกเขาอยู่ในภาวะหดหู่ นายน้อยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริโภคโอสถ จำนวนโอสถที่ท่านเจ้าเมืองมอบให้เขา มันมายมากนัก แม้ว่าเจียงเฉินในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่จะบอกว่าเขาสามารถปรุงยาได้นี่ มันน่าขันยิ่งนัก


"นายน้อยต้องการจะปรุงยา? โปรดอย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้เลย ท่านเป็นยอดเรื่องการกลืนเม็ดยา แต่เรื่องการปรุงยานั่น อย่าได้ฝัน"


โจวเป่ยเฉินกล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อ


"ท่านลุงโจว ท่านอย่าได้ดูถูกข้านัก มีคำกล่าวอยู่ว่า 'คนผู้หนึ่งสามารถเป็นหมอได้หลังจากที่ได้เจ็บป่วย' สำหรับข้าแล้วมันแตกต่างออกไป' คนผู้หนึ่งจะเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจได้เมื่อกลืนเม็ดยาไปเป็นจำนวนมาก'"


เจียงเฉินกล่าวออกมาด้วยท่าทีจริงจัง


คำพูดของเจียงเฉินทำให้ทั้งสามหัวเราะออกมาอีกครั้ง


"หากว่ากลืนเม็ดยาสามารถทำให้คนกลายเป็นนักปรุงยาได้เช่นนั้นทุกคนในโลกต้นกำเนิดเซียนคงเป็นนักปรุงยากันหมด ทางที่ดีท่านควรกลับไปเสียดีกว่า อย่าได้มากวนพวกข้าในการหาวิธีการแก้ไขปัญหา"


"ดูเหมือนว่าพวกท่าจะไม่เชื่อข้าเว้นแต่ว่าข้าแสดงความสามารถของข้าให้เป็นประจักษ์สินะ ย่อมได้ พาข้าไปยังห้องปรุงยาซะ"


เจียงเฉินพับแขนเสื้อขึ้น ราวกับเขาจะทำเรื่องใหญ่บางอย่าง


ทั้งสามมองไปยังเจียงเฉิน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ล้อเล่น นี่เขากลายเป็นนักปรุงยาหลังจากที่ได้กลืนเม็ดยาไปเป็นจำนวนมากจริงๆรึ?


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว