โซ่สวาทจอมมาร-บทที่ 1 สายใยที่ยังเหลืออยู่ EP.3

โดย  aksaramanee

โซ่สวาทจอมมาร

บทที่ 1 สายใยที่ยังเหลืออยู่ EP.3

ทันทีที่หมอวรเทพทรุดนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน หลังเวลาเปิดทำการคลินิกเล็กน้อย หมอวรเทพเป็นแพทย์ชำนาญศัลยกรรมโรคหัวใจ เขาทำงานประจำในโรงพยาบาลใหญ่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เสียงมือถือดังขึ้น นายแพทย์หนุ่มยกขึ้นดูเลขหมายที่โทร.เข้ามาก็จำได้ เขากดปุ่มรับสายพลางถามน้ำเสียงเป็นกันเองไปก่อนว่า..

“ว่าไงศร.. มีอะไรให้เรารับใช้เพื่อน”

“มี.. นายมาถึงคลินิกหรือยัง”

“มาถึงเพิ่งหย่อนก้นนั่ง นายก็โทร.เข้ามานี่แหละ มีอะไรหรือ”

นายแพทย์หนุ่มถามกลับไปด้วยระดับเสียงคุ้นเคยเช่นกัน

“ฉันจะพาคนไข้ไปให้นายตรวจเช็คหน่อย”

“คุณแม่ของนายหรือ”

“ไม่ใช่...!” ศรสินชะงักคำไปครู่หนึ่ง เขาจะบอกหมอคนเป็นเพื่อนเช่นไร ไม่ทันจะตอบคำ หมอวรเทพคนเป็นเพื่อนสวนมาว่า...

“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ ใช่มั้ยล่ะ”

จบลงพร้อมเสียงหัวเราะผสานกันไปตามสาย

“ยังงั้นก็ได้ กำลังคิดจะ... นี่ฉันกำลังออกจากบริษัทไปรับคนไข้ อีกสักครึ่งชั่วโมงจะไปถึงคลินิกของนาย เท่านี้นะค่อยเจอกัน...”

นายแพทย์หนุ่มกดปุ่มปิดสาย พยาบาลผู้ช่วยส่งระเบียนประวัติผู้ป่วยมาวางอยู่ก่อนแล้วในห้องตรวจโรค นายแพทย์วรเทพเดินเข้าห้องตรวจ เขาเรียกคนไข้ที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วเข้าพบตามลำดับคิว ซึ่งก็เป็นคนไข้เก่าที่เคยมาตรวจรักษาก่อนแล้ว..

ศรสินโทร.บอกนวลปรางค์ให้เตรียมตัวไว้รอ เมื่อมาถึงหน้าห้องเช่าของสองแม่ลูก ศรสินก็บอกให้นวลปรางค์พยุงมารดาขึ้นนั่งตอนท้ายที่เขาเปิดประตูรถรออยู่...

“คุณปรางค์นั่งดูแลคุณแม่”

“ค่ะ...ปรางค์รู้สึกเกรงใจคุณศรสินจัง”

นวลปรางค์รับคำ ขณะก้าวเข้าไปนั่งตอนท้ายรถกับมารดา หล่อนรู้สึกเกรงใจศรสินที่ต้องมาลำบากด้วย ศรสินดูจะรู้ใจหล่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่ต้องเกรงใจครับ เอาล่ะเรียบร้อยแล้วนะ”

ศรสินพูดเสียงอบอุ่นพลางปิดประตูรถ แล้วตัวเองจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูก้าวขึ้นนั่งทำหน้าที่คนขับ

“คุณปรางค์ หลังจากนั้นแล้วคุณแม่มีอาการอีกมั้ยครับ”

ศรสินถามมาจากตอนหน้า

“ไม่ค่ะ แม่ก็แข็งแรงลุกเก็บข้าวของได้เป็นปกติ” นวลปรางค์ตอบ

“คุณแม่มีอาการอย่างนี้บ่อยหรือเปล่าครับ”

“ช่วงนี้ก็บ่อยเหมือนกัน เวลาทำงานเหน็ดเหนื่อยหรืออากาศร้อนอบอ้าว แม่จะมีอาการหน้ามืดเป็นลม”

“ไปให้หมอตรวจนี้ก็รู้ว่า คุณแม่จะมีอาการโรคหัวใจรึเปล่า”

ศรสินพูดขณะมองไปข้างหน้า เพราะยังอยู่ในช่วงเร่งด่วน ผู้คนเลิกงานยวดยานบนท้องถนนค่อนข้างคับคั่ง..

นางสุทินนั่งฟังหนุ่ม – สาวคุยกันโดยไม่เอ่ยคำใด นางพอรู้เจ้าหนุ่มคนผู้มีน้ำใจ เป็นเพื่อนของชัยพลจากที่ลูกสาวเล่าให้ฟัง แม้นางจะเคยเห็นหน้าเขาบ้างครั้งสองครั้งช่วงเกิดคดีความ เวลาผ่านมาถึงสองปี ความจำของนางไม่ดีนัก เมื่อนวลปรางค์ย้อนทบทวนความจำ นางก็พอนึกได้

“ปรางค์เอาลูกกุญแจเข้าบ้านไว้ที่เดิมหรือเปล่า”

นางสุทินนั่งเงียบมาตลอด ด้วยความเป็นห่วงพงษ์เพชรลูกชายคนเล็ก เลิกงานมาถึงบ้าน แล้วเข้าบ้านไม่ได้..

“ไว้แม่... ปรางค์ซ่อนไว้ที่เก่านั่นแหละจ้ะ แม่กลัวเพชรเข้าบ้านไม่ได้หรือ”

สามแม่ลูกในครอบครัว มีที่ซุกลูกกุญแจเป็นที่รู้กัน หากไม่มีใครอยู่บ้าน ก็สามารถเอาลูกกุญแจเปิดเข้าบ้านได้

“แม่กลัว.. เจ้าเพชรอดข้าวเย็น ถ้าเข้าบ้านไม่ได้ กว่าหมอจะตรวจเสร็จได้กลับบ้านก็คงมืดค่ำ” นางสุทินพูด แล้วก็เงียบไปจนรถเก๋งคันงามของศรสินชะลอความเร็วเข้าจอดชิดถนน ซึ่งเป็นรันเวย์จอดรถได้ทางเดียว...

ลงจากรถกันแล้ว นวลปรางค์พยุงแม่นั่งเก้าอี้ที่จัดเรียงไว้ด้านหน้าเคาน์เตอร์ แล้วเดินเข้าไปแจ้งประวัติผู้ป่วย พร้อมบอกอาการคร่าวๆที่ต้องบันทึกไว้ก่อนพบแพทย์ตรวจอีกที

“คนไข้เพิ่งมาพบแพทย์ครั้งแรกใช่มั้ยค่ะ”

หญิงสาวซึ่งเป็นพยาบาลนอกเครื่องแบบถาม

“ค่ะ” นวลปรางค์ตอบสั้นๆ

ขณะนั้นศรสินเดินเข้ามา หญิงสาวชะงักปากกาพลางยกมือไหว้ และทักไปก่อน..

“สวัสดีค่ะ คุณศรสิน”

ศรสินเดินเข้ามายืนเคียงข้างนวลปรางค์ กล่าวทักทายพยาบาลสาวอย่างคนคุ้นเคย และรู้จักสนิทสนมกัน..

“สวัสดีครับ คุณวารี เจ้าหมอวรเทพกำลังตรวจคนไข้หรือครับ”

“ค่ะ...ตรวจคนนี้เสร็จ แล้วมีคิวต่ออีกคนก็ถึงคนป่วยของคุณศรสินที่โทร.แจ้งไว้ เชิญนั่งคอยก่อนนะคะ”

หมอวรเทพเป็นหมอมีชื่อเสียงด้านโรคหัวใจ ตอนเย็นเปิดคลินิกจะมีคนป่วยวัยสูงอายุมาเข้าคิวรับการตรวจตามหมอนัด หรือบางคนก็มาคอยรับยา คนไข้ที่มีอาการหนักหมอก็นัดให้ไปพบที่โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือทันสมัยครบครันบริการ

“คืนนี้หมอเข้าเวรรึเปล่า”

“หมอ...เข้าเวรดึกค่ะ” นางพยาบาลตอบ

ศรสินถามน้ำเสียงแสดงความคุ้นเคยสนิทสนม ดวงตาคู่คมจับจ้องอยู่บนบอร์ด ซึ่งทำเป็นฉากกั้นแบ่งพื้นที่เคาน์เตอร์สำหรับเจ้าหน้าที่รับคนไข้ กับห้องตรวจโรคของหมอ บนบอร์ดจึงมีภาพแสดงการทำงานของหัวใจปิดไว้สำหรับผู้มาใช้บริการศึกษาไปในตัว แต่ส่วนมากก็มองแค่ผ่านๆ เพราะดูแล้วไม่เข้าใจระบบการทำงานของหัวใจ หากวันไหน.. หมอว่างช่วยอธิบายให้ฟังก็พอจะรู้เรื่องบ้าง...

เมื่อถึงคิวของนางสุทิน หมอวรเทพในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว มีเครื่องฟังคล้องอยู่ที่คอเดินออกมาจากห้องตรวจ.. พอมองเห็นคนเป็นเพื่อนร้องทักขึ้นว่า...

“มาถึงแล้วเหรอ...” หมอวรเทพยิ้มพลางกวาดตามองทุกคน

“คุณนวลปรางค์และคุณแม่ของเธอ”

ศรสินเอ่ยเป็นเชิงแนะนำ นางสุทิน และนวลปรางค์ยกมือไหว้

หมอวรเทพยกมือรับไหว้ พลางถาม

“คนจะมาตรวจคงเป็นคุณป้าแน่ หนุ่ม – สาวนี่คงไม่ใช่”

หมอวรเทพพูดเป็นเชิงหยอกเย้า พลางนึกชมอยู่ในใจ

‘เจ้าศร... มีแฟนสวยจริงๆแฮะ’

ขณะพยาบาลสาวหน้าเคาน์เตอร์ที่ชื่อวารีวรรณ หรือเรียกสั้นๆว่า “วารี” ก็แอบมองหลายครั้ง..

‘หญิงสาวคนนี้สวย นี่ขนาดแต่งตัวเรียบๆ หน้าตาไม่ได้แต่งแต้มยังสวยสะดุดตาถึงเพียงนี้ อายุคงยี่สิบต้นๆ’

เสียงหมอวรเทพถามดังขึ้นว่า...

“มีอาการเป็นอะไรครับ คุณป้า”

“เป็นลมบ่อยๆค่ะ” นางสุทินตอบเสียงแหบแห้ง

“เหรอครับ... ถ้างั้นเชิญข้างในเลย เดินไหวรึเปล่า”

น้ำเสียงอย่างคนเป็นหมอใจดีฟังอบอุ่น

หมอวรเทพพูดแล้วก็ผลุบหายเข้าไปในห้องตรวจ

นวลปรางค์พยุงคนเป็นมารดาลุกขึ้น

“แม่เดินเองก็ได้...”

นวลปรางค์ไม่ยอมปล่อยมือ พยุงร่างบางค่อนข้างซูบซีด พาเข้าไปพบหมอในห้องตรวจ ขณะศรสินพลิกหนังสือนิตยสารอ่านฆ่าเวลา หากมีเวลาว่างเขาจะอ่านหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร เพราะปกติเป็นคนมีนิสัยรักการอ่าน

ผลการตรวจอาการ หมอวรเทพแจ้งผลต่อหน้าคนป่วย และนวลปรางค์ผู้เป็นลูกสาวว่า

“คนไข้มีอาการหายใจอ่อนทำให้โลหิตสูบฉีดเลี้ยงสมองได้ต่ำในบางโอกาส ความดันโลหิตต่ำ การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ และมีอาการโรคโลหิตจาง และปอดเป็นจุด...”

นวลปรางค์รับฟังอาการมารดาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก ขณะนั้นศรสินก็เข้าไปรับฟังผลการวินิจฉัยโรคของหมอวรเทพด้วย ชายหนุ่มถือวิสาสะบีบหัวไหล่หญิงสาวเบาๆเป็นเชิงปลอบ และเอ่ยถามหมอผู้เป็นเพื่อนเชิงปรึกษา

“มีวิธีใดจะรักษาได้บ้างหมอ”

“ผม... ขอนัดตรวจที่โรงพยาบาลอีกที ต้องตรวจวัดคลื่นหัวใจ เอ็กซ์เรย์และเอคโคหัวใจ จะรู้อาการแน่นอน ผมจะนัดไปพบที่โรงพยาบาลอีกที สำหรับวันนี้หมอจะจัดยาบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ยาเพิ่มความดันโลหิตให้ปกติไปทานก่อน...”

หมอวรเทพอธิบาย มือก็เขียนตัวหนังสือภาษาอังกฤษหยุกหยิก จนดูไม่ออกว่าเป็นอักษรตัวใด พร้อมทั้งเขียนบอกวันนัดให้ไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล...

“วันนี้เอายาไปทานก่อนนะครับคุณป้า ไปรอรับยานะครับ”

หมอวรเทพบอกพลางยื่นใบสั่งยาให้พยาบาลผู้ช่วยที่เดินเข้ามารับแล้วรีบเดินออกไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อจัดยาตามใบสั่งของหมอ และเขียนบอกวิธีใช้ยาแต่ละซองอย่างละเอียด

“ศร.. อย่าลืมพาคนไข้ไปพบตามนัดนะ”

หมอหันมาบอกกับศรสินก่อนที่จะเดินออกจากห้องคนสุดท้าย ขณะนวลปรางค์กับแม่ไปนั่งรอรับยาที่หน้าเคาน์เตอร์...

“ตกลง ไปพบแกแน่ ถ้างั้นฉันกลับเลยนะหมอ...”

น้ำเสียงศรสินเย้าเพื่อนอยู่ในที หมอวรเทพก็ใช่ย่อยเย้าคนเป็นเพื่อนว่า

“ศร... แฟนนายสวยเช้ง..เลยว่ะ

พยายามพูดเบาๆ ได้ยินกันเพียงสองคน

“ก้อ.. หาให้ได้สมเป็นโสดมานานแหละหมอ”

ทั้งสองหัวเราะเบาๆ

พอศรสินก้าวพ้นห้อง หมอวรเทพก็ขานชื่อคนไข้ที่จะเข้ารับตรวจรายต่อไป..

นวลปรางค์รู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของศรสิน เขาช่วยเหลือหล่อนและแม่อย่างจริงใจ แม้แต่ค่าหยูกยาเขาก็รับอาสาออกเอง และวันหมอนัดตรวจเช็คที่โรงพยาบาลเขาก็ขันอาสา..

“วันจันทร์หน้า ผมจะเอารถมารับคุณแม่ไปโรงพยาบาล”

เขาเอ่ยขณะทำหน้าที่ขับรถตามเส้นทางเดิม

“ปรางค์รู้สึกเกรงใจคุณศรสินมากเลย...”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ความทุกข์ของคุณปรางค์ก็เป็นความทุกข์ของผม ระหว่างนี้คุณแม่ก็หยุดขายกล้วยทอดไว้ก่อน หมอต้องการให้พักผ่อนมากๆ”

นางสุทินขยับตัวเอ่ยกับชายหนุ่มว่า

“แม่.. ก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน แต่รายได้ที่จำเป็นต้องหานั่นสิ...”

นางสุทินพูดทิ้งไว้เท่านั้นก็หยุดกลืนน้ำลายลงคอ

เมื่อพยุงร่างมารดาเข้าบ้านแล้ว นวลปรางค์ก็กลับมาหาศรสินที่ลงจากรถมานั่งคอยที่แคร่ไม้แผงลอยที่แม่ขายกล้วยแขก

ชายหนุ่มพาสองแม่ลูกแวะทานอาหารเย็น ร้านอาหารมีชื่อก่อนจะขับรถพามาส่งที่บ้าน

หญิงสาวทรุดกายลงนั่งเคียงข้างเขา เวลานั้นสามทุ่มกว่าแล้ว ยวดยานบนท้องถนนเคลื่อนที่ได้คล่องขึ้น แสงไฟตามร้านรวง และเสาไฟฟากฝั่งถนนให้ความสว่างมาจนถึงบริเวณที่หนุ่มสาวทั้งสองนั่งอยู่...

“แม่ว่า ทำไมไม่ชวนคุณศรเข้าบ้าน” นวลปรางค์เอ่ยขึ้น

“แล้วปรางค์บอกแม่ว่าไง”

เขาจ้องหน้าหญิงสาว แสงไฟข้างถนนจับเสี้ยวหน้า ทำให้ใบหน้าของหล่อนสวยงามเหมือนภาพวาด..

“ปรางค์บอกว่า คุณศรสินอยากให้แม่พักผ่อนสบายๆ ไม่ต้องกังวลจะต้องมานั่งต้อนรับ เพราะแม่นั่งรถมาก็เหนื่อยแล้ว”

“ดีแล้วล่ะที่คุณปรางค์บอกอย่างนั้น แม่จะได้พักผ่อนสบายๆไม่ต้องพะวง”

ความซาบซึ้งในน้ำใจของเขา อดที่หญิงสาวจะเอ่ยคำออกมา...

“ปรางค์ขอบคุณที่ช่วยพาแม่ไปตรวจ เวลาแม่เป็นลมปรางค์ช่วยแม่ได้ก็เพียงละลายยาลมให้กินเท่านั้น ปรางค์อยากพาไปหาหมอ แม่ก็ไม่ยอมไป บอกแต่ว่าไม่มีเงินค่าหมอ ค่าหยูกยาบ้างล่ะ หรือก็ว่าถ้าไปหาหมอเงินที่พอเก็บไว้ก็จะไม่พอค่าเช่าห้องบ้างล่ะ ปรางค์กราบขอบคุณอีกครั้งค่ะ”

นวลปรางค์กราบลงที่ตักของเขา

ศรสินวางแขนโอบข้างหลังหล่อนแผ่วเบา เขายังวางมืออยู่อย่างนั้น แม้นวลปรางค์กลับร่างนั่งตัวตรง เขาผ่านลมหายใจลุ่มลึกแล้วค่อยผ่อนคลาย อยากโอบกอดให้แนบแน่น หากเกรงความรู้สึกของหล่อน ว่าถือโอกาส ครั้นเห็นนวลปรางค์เบียดร่างอุ่นๆเข้าแนบอก ทั้งหัวใจเขาและหล่อนเต้นแรง ต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน

ศรสินตัดสินใจกระชับวงแขนให้ร่างละมุนเบียดอยู่กลางซอกอก แล้วก้มลงจุมพิตบดเบียดพวงแก้มหอมละมุน เขารู้สึกถึงการกอดรัดรอบร่างแกร่งแนบแน่น ต่างแนบไออุ่นรักต่อกัน ณ เวลานั้นราวกับหยุดนิ่งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพียงแค่นั้น หากมีเพียงสองประคองกอดแนบอุ่นไอรักสู่กันสองเราแนบแน่น..

ต่อเมื่อเสียงเบรกรถและจอดกึกลงใกล้ๆ สองหนุ่มสาวจึงผวาออกจากัน พลันกระจกอัตโนมัติค่อยเคลื่อนลงต่ำ ผู้ที่ยื่นหน้ามองด้วยสายตาที่คนทั้งสองอ่านไม่ออก พร้อมด้วยถ้อยคำหยามหยันออกมา...

“ปากซอยนี่ ก็มีหนังสดให้ดูแฮะ”

ตามด้วยเสียงแหลมปี๊ดของหญิงสาวที่นั่งเคียงข้าง...

“หนังสดหน้าซอย ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ แถวนี้ไม่มีโรงแรมหรือรีสอร์ทรึไง”

เสียงอิงอรนั่นเอง แววตาคมที่แฝงอาการหยามหยันไหวระริกเชือดเฉือนหัวใจฝ่ายตรงข้าม

นวลปรางค์รู้สึกโกรธ และละอายการกระทำของตัวเองที่ผ่านมาเมื่อครู่ ให้คนทั้งสองประจักษ์จนไม่อาจปฏิเสธได้ หล่อนไม่เอ่ยคำใดยันกายลุกรีบวิ่งออกจากที่นั่น แต่กระนั้นมิวายจะได้ยินน้ำเสียงอิงอรดูแคลนไล่หลังมา...

“ขอบใจพี่พลที่ไปรับให้มาเห็นหนังสดกลางแปลง อย่างเพิ่งไปสิจะให้เงินค่าโรงแรม อารมณ์จะได้ไม่ค้างเติ่ง” กล่าวจบกรีดเสียงหัวเราะไล่ตาม

สุดที่ศรสินจะทนได้ ชายหนุ่มขยับตัวลุกเดินเข้าไปชิดเก๋งคันงามของชัยพล พลางผ่านเสียงออกมา..

“หยุดเดี๋ยวนี้นะอิง คุณกล่าวร้ายผู้อื่นเกินไปแล้วนะ”

ศรสินรู้จักอิงอรตั้งแต่หล่อนเริ่มคบหากับชัยพล

“เห็นจนจะ..จะตายังจะหาว่าใส่ร้ายหรือ” อิงอรย้อนคำทันควัน

“ยังไงก็แล้วแต่ คุณควรให้เกียรติผู้อื่นบ้าง มิใช่เรื่องที่จะหยามหมิ่นผู้อื่นได้สบายๆอย่างนี้ บอกให้รู้ด้วยคุณไม่มีสิทธิ์จะโพนทะนาผู้อื่น...”

อิงอรเชิดหน้าคนอย่างหล่อนไม่เคยยอมใคร...

“ไม่นึกว่า คุณศรจะมาหากินแถวนี้ พี่พลก็พามาเร็วเกินไป ทำลายโอกาสดีๆของพวกเขา...”

“ก็เหมือนคุณนั่นแหละ มาหาเล็มหาเลียแถวนี้”

ศรสินไม่ยอมแพ้คนอย่างอิงอรเหมือนกัน

อิงอรกรีดร้อง หล่อนดิ้นเร้าๆอยู่ในที่นั่งอันจำกัด คำตอบโต้อีกฝ่ายแทงใจดำอย่างจัง

ชัยพลไม่กล้าแสดงออกถึงความหึงหวงจากภาพที่เห็นกับตาเมื่อครู่ เขาฉลาดพอที่จะไม่ทำให้อิงอรจับได้ว่า...

การกระทำของศรสินกับนวลปรางค์ เมื่อครู่เขาหึงหวง ทว่าเขาก็อดจะโพล่งออกมาไม่ได้ว่า..

“ศร... นายทำเกินบทที่ฉัน.........”

เขาได้สติหยุดไว้เพียงเท่านั้น ขณะอิงอรหันควับมาจ้องตาเขาอย่างคาดคั้น

ศรสินไม่อยากต่อปากต่อคำ รีบผละออกก้าวตรงไปยังรถเก๋งของตน แล้วขับออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว

(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป)


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว