อาซินรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นทันทีที่ออกจากห้องโถงรับแขก แต่ยังเดินไปไม่ถึงครึ่งทางก็ต้องตกใจกับข่าวที่ได้รับรู้ และต้องวิ่งกลับไปตามเส้นทางเดิมทันที…
“อะไรนะ!” ฮูหยินหวงเผลออุทานเสียงดังด้วยความตื่นตกใจ
อาการของนางทำให้บุรุษผู้มาเยือนพร้อมกับคนอื่นที่อยู่ในห้องพลอยกังขาไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับนางอย่างนั้นเหรอ” ไท่หลงคาดเดาเสียงราบเรียบ เขาจะแสดงความกังวลให้พวกนี้เห็นไม่ได้ แม้สังหรณ์ใจมากว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับนาง เพราะท่าทางของฮูหยินหวงนั้นฟ้องชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอฮูหยิน” หวงอี้จับมือภรรยาที่เอาแต่อึกๆ อักๆ ไม่ยอมตอบคำถามของอ๋องหนุ่ม
“เนตรเจ้าค่ะท่านพี่ นางวิ่งออกไปจากห้องแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำ ตอนนี้พวกบ่าวกำลังช่วยกันงมหานางอยู่เจ้าค่ะ”
หวงอี้ลุกพรวดจากที่นั่ง และอาการของเขานั้นเองที่ฉุดสติของไท่หลงให้ข่มจิตข่มใจ ทนวางท่าอย่างสงบ
“ข้าชักไม่อยากเชื่อคำพูดของฮูหยินแล้วสิ” ผู้ครองแคว้นไท่แสดงความไม่พอใจออกทางน้ำเสียงที่ห้วนกระด้างขึ้น มองสามีภรรยาผมสีดอกเลาด้วยแววตาลุ่มลึกไร้อารมณ์ “ถ้าข้าไม่ได้เจอนางในสภาพที่ยังมีลมหายใจ ท่านทั้งสองเตรียมตัวเป็นอริกับข้าได้เลย” ข้าเอาเจ้าตายคนแรกแน่หวงอี้ โทษที่เจ้ากล้าคิดฆ่าข้า และโทษที่เจ้าหักหาญน้ำใจนาง ข้าจะคิดทบต้นทบดอกคืนให้เจ้าอย่างสาสม
“ท่านอ๋อง”
“รีบไปดูนางจะดีกว่านะฮูหยิน” เขาเตือนสตรีสูงวัยที่ทำท่าจะอ้าปากพูด
“เจ้ารีบไปเถอะฮูหยิน ข้าจะอยู่ดูแลท่านอ๋องเอง” แม้อยากจะตามไปดูว่าที่เจ้าสาวให้เห็นกับตา แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะไล่ผู้ทรงอำนาจมากกว่าตนกลับไปก่อน หวงอี้จึงต้องจำใจอยู่รับรองแขกไปก่อนพร้อมกับใจที่ร้อนรนระคนสงสัย.. สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากพบนาง มันเรื่องอะไรกันแน่นะ
ปัง!
หวงอี้สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ แขกคนสำคัญก็ตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้น หน้าตาที่นิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์นั้นทำให้ยากต่อการคาดเดาว่าคิดอะไร
“ท่านอ๋อง”
“ข้าทนนั่งรออยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว”
“ท่าน ท่านอ๋องจะกลับแล้วเหรอขอรับ” หวงอี้ลองเดา
“รีบพาข้าไปพบนางเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่านางกระโดดน้ำฆ่าตัวตายจริงหรือเปล่า” เขาเป็นห่วงนางจนทนข่มอารมณ์ให้สุขุมต่อไปไม่ไหวแล้ว
หวงอี้มองหน้าคนพูดด้วยความโกรธอย่างลืมตัว แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองตอบโต้อย่างดุดันคู่นั้นบ้างก็รู้สึกตัว รีบหลบสายตาและทำใจให้เย็นลง
“ท่านอ๋องคิดว่าข้าโกหกเหรอขอรับ”
“ข้ามีสิทธิ์ที่จะคิดไม่ใช่เหรอท่านหวง” น้ำเสียงนิ่งเรียบเริ่มดุดันขึ้นบ้าง
คิ้วเรียวบางของฮวาลี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของเจ้านาย.. เป็นห่วงมากถึงเพียงนี้ คงมีความสำคัญต่อความรู้สึกของท่านมากกว่าแค่ผู้มีพระคุณแน่
นางครุ่นคิดขณะเดินตามหลังท่านออกไปจากห้อง
หลังคฤหาสน์ตระกูลหวง
ไท่หลงโล่งอกเมื่อมาถึงและพบว่าพวกเขาเจอนางแล้ว แต่ก็ยังไม่วางใจเพราะนางยังไม่ได้สติ
“นางจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“หมอกำลังฝังเข็มกระตุ้นเลือดลมอยู่เจ้าค่ะ”
“ข้าอยากรู้ว่านางจะฟื้นหรือไม่” เขาเผลอใส่อารมณ์กับคำตอบที่ไม่ได้ดั่งใจของฮูหยินหวง
“เรื่องนั้น” ฮูหยินหวงมองไปที่หมอ “หมอฉินว่าอย่างไร”
“ถ้านางตายเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตกลับไป” อ๋องหนุ่มข่มขู่โดยไม่รอฟังคำตอบ
“ข้า.. ข้าจะช่วยนางให้ได้ท่านอ๋อง แต่ชีพจรของนางเต้นเบานัก อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษานานหน่อย” หมอฉินปากคอสั่น ไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะช่วยนางได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ
แค่ฟังคำตอบเขาก็มั่นใจแล้วว่าหมอผู้นี้แค่ปลายแถว จึงหันไปหาฮวาลี่
“ส่งคนของเราไปตามหมอฉูเดี๋ยวนี้” เขาอยากจะพานางกลับไปด้วยเสียเดี๋ยวนี้ เพราะหมอฉูนั้นได้ชื่อว่าเป็นหมออันดับหนึ่งแห่งแคว้นไท่ ขอแค่มีลมหายใจเหลืออยู่ก็รักษาได้ทุกโรค แต่ไม่อยากทำให้แผนล่มเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงต้องข่มใจเอาไว้
“เจ้าค่ะ” ฮวาลี่รับคำแล้วรีบเดินไปส่งข่าวให้ผู้ติดตามที่รออยู่หน้าประตูคฤหาสน์
“ส่งนางมาให้ข้า” ไท่หลงผนึกลมปราณก่อนยื่นมือไปช้อนร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน ทนข่มความเจ็บปวดของบาดแผลบนร่างกายไว้อย่างแนบเนียน ขณะที่สบตาสายตาแดงก่ำของนางแล้วหรี่ตาส่งสัญญาณ
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว