ดอกฟ้าซาตาน

ขอบคุณ

เจตพลเคยขับรถบรรทุกแก็สและข้าวสารตะเวนส่งทั่วกรุงเทพ รถที่ขับเป็นรถกระบะ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้ขับรถเก๋งเกียร์ออโต้ ความแตกต่างอยู่ที่ระบบเกียร์ของรถ ส่วนทักษะการขับขี่อย่างอื่นเหมือนกัน

“นายขับรถนิ่มดีนะ” เขาขับไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็ว

“บ้านคุณอยู่ในซอยสุขุมวิท xx ใช่ไหม”

“นายรู้ได้ยังไง”

“ก็คืนนั้นคุณบอกให้ผมไปส่งที่นั่น แต่พอไปถึงหน้าปากซอย คุณกลับเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ถามอะไรก็ไม่ตอบ ผมไม่รู้จะทำอย่างไง ก็เลยตัดสินใจพาคุณกลับไปที่บ้านของผมก่อน”

“แฮ่ แฮ่ เรื่องคืนนั้น ฉันขอโทษนะนายเจ๋ง”

“ไม่เป็นไร” ประโยคเดิมๆ ที่เจตพลมักพูดอยู่ซ้ำๆ

“ใช่ บ้านของฉันอยู่ในซอยนั่นแหละ แต่คืนนี้เราจะไม่ไปที่นั่น”

“อ้าว ไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหน” เที่ยงคืนสี่สิบห้านาทีหน้าจอแอลอีดีบอกเขาเช่นนั้น

“คอนโด”


เจตพลกลับรถแล้วขับไปตามทาง คอนโดที่เธอบอกเป็นคอนโดที่เขาเคยขับผ่านอยู่บ่อยครั้ง ทำเลทอง สูงเสียดฟ้า มูลค่าคงมหาศาล

“นี่ครับกุญแจ” เขาส่งมันให้เจ้าของ

“นายจะขึ้นไปดื่มน้ำ ดื่มกาแฟให้สดชื่นก่อนก็ได้นะ ฉันตั้งใจจะทำแผลที่หน้าผากให้ด้วย” อินทุอรกระดี๋กระด๋าใหญ่

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเลยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มหันหลังกลับทันที ระหว่างเขากับเธอ ไม่มีความจำเป็นที่จะพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ของเธอ เจตพลทำหน้าที่ที่ควรกระทำสิ้นสุดลงแล้ว

“นายเจ๋ง นี่นาย เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยวก่อน” อินทุอรแหกปากร้อง แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อชายหนุ่มไม่หันกลับมา

“หืมมม” ทายาทหมื่นล้าน เจ้าของคอนโดมูลค่าหลายสิบล้านกระฟัดกระเฟียด อยู่ๆ เธอเกิดอารมณ์เสียขึ้นมาซะอย่างนั้น

“นายเจ๋ง นายชอบขัดใจฉันตลอดเลย” เขาขรึม นิ่ง เหมือนจะยอม แต่จริงๆแล้ว นายกวนประสาทนั่น ไม่เคยยอมเธอจริงๆสักครั้งเลย


เลิกเรียนก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นนี้เขาต้องวิ่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง เพราะเมื่อวานขาดรายได้ไปทั้งวัน

“ไอ้เจ๋ง ไอ้เจ๋งกลับมาแล้วเหรอ มาดูนี่เร็ว”

“อะไรพ่อ” เสียงของบิดาชวนตื่นเต้น จนเจตพลต้องคิ้วขมวด ยิ่งตอนที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน วัตถุสีเทาที่เด่นตระหง่าน

ยิ่งทำให้น่าแปลกใจ

“ตู้เย็น”

“สวยใช่ไหมล่ะลูก” นางปทุมเปิดเข้าเปิดออก ตั้งแต่ตอนเที่ยงถึงตอนเย็น นางเปิด-ปิดไม่ต่ำกว่า 30 รอบ

สวย ใหญ่ เย็น ดูดี ถูกใจนางมาก

“แม่ แม่เอาเงินจากไหนไปซื้อ มือขึ้นเหรอครับ” ไม่น่าจะใช่ ปกติมารดาของเขาได้เสียในบ่อนการพนันหลักร้อย สูงสุดไม่เคยถึง 2,000 บาท และส่วนใหญ่ที่เข้าไปเล่นการพนัน นางปทุมจะเสียมากกว่าได้ก็ตาม

“เขาเอามาส่ง พ่อกับแม่จะมีปัญญาซื้อได้ยังไงเล่า”

“ใครครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขนส่งเขายืนยันหนักแน่นว่าต้องส่งบ้านของเรา พ่อกับแม่เห็นว่าไม่ต้องเสียตังค์สักบาท ก็เลยเซ็นต์ๆ รับๆ มา” ถ้าเกิดส่งผิด ก็ไม่ใช่ความผิดของนางเหมือนกัน

“เย็นมากไอ้เจ๋ง ดูนี่สิ มีที่ทำน้ำแข็งด้วย พูดแล้วก็เปรี้ยวปาก ไปซื้อเบียร์มาแช่สักขวด สองขวดดีกว่า”

“พ่อมึง ซื้อมาเผื่อแม่สักขวดด้วยก็ดีนะ” นางปทุมอ้อน

“ได้สิจ๊ะ แม่ทูนหัวของผัว” นายประเสริฐขานรับ ผัวเมียวัยดึกหยอกล้อไม่เกรงใจใคร

เจตพลมองตู้เย็นขนาดใหญ่ตรงหน้า...เขาไม่สบายใจ เมื่อพอจะคาดเดาที่มาที่ไปของเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้ได้


กริ่ง กริ่ง กริ่ง

“ว่าไงจี๊ด” บ่ายวันหนึ่งเจตพลรับสายจากน้องสาว

“พี่เจ๋ง ขับวินอยู่หรือเปล่าพี่”

“อืม กำลังนั่งรอลูกค้าในคิว” วันนี้เขามีเรียนแค่ช่วงเช้า เที่ยงวันจึงเริ่มต้นหารายได้โดยไม่รีรอ

“พี่เจ๋ง ช่วยอะไรน้องหน่อยสิพี่”

“จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามาสิ” แน่นอนว่าเจตพลพร้อมช่วยเหลือจีราวรรณผู้เป็นน้องสาวทุกเมื่อ ไม่ว่างานหนัก งานเบา เขาพร้อมเสมอ

ก็มีกันแค่สองคนพี่น้องนี่ จะให้ทอดทิ้งได้ยังไง

“คืองี้พี่ เจ้านายจะให้จี๊ดกับเพื่อนย้ายบูทที่ทำงานจากชั้นสองลงไปชั้นจี ต้องย้ายภายในวันนี้วันเดียวด้วย จะได้ทันขายของวันพรุ่งนี้ต่อ พี่เจ๋งมาช่วยจี๊ดหน่อยนะพี่ เจ้านายมีค่าแรงให้ด้วย 4,000 พี่เจ๋ง จี๊ด เพื่อนจี๊ดและแฟนมันอีกคน แบ่งกันคนละพัน”

“ได้สิ จะให้พี่ไปตอนนี้เลยหรือเปล่า”

“มาถึงห้างตอน 2 ทุ่มตรงนะพี่ จะย้ายช่วง 2-4 ทุ่ม ช่วงนั้นคนเริ่มซา”

“อืม ตกลง”

“ขอบคุณมากนะพี่เจ๋ง พี่เจ๋งของจี๊ดน่ารักที่สุดเลย”

“ไม่เป็นไรน่า เรื่องเล็กแค่นี้เอง” เจตพลคุยโทรศัพท์พร้อมยิ้มอบอุ่น จีราวรรณเป็นน้องสาวที่ห่างกับเขาแค่ปีเดียว เราสนิทกันมาก เมื่อก่อนเธอเคยเรียนมหาลัยเดียวกับเขา แต่หลายเดือนก่อนมีเหตุให้ต้องลาออกจากมหาลัยกะทันหัน จีราวรรณจึงเริ่มต้นด้วยการสมัครงานเป็นพนักงานขายสินค้าประจำบูทเล็กๆ ในห้างดังและย้ายไปเช่าหอใกล้ๆที่ทำงาน

จะว่าไป...ห้างดังแห่งนั้น คือห้างเดียวกันกับพ่อแม่ของอินทุอรเป็นเจ้าของ


ถ้ารู้ว่าต้องเจอผู้ชายห่วยๆคนนี้ อินทุอรสัญญาเลยว่าจะไม่กลับเข้าบ้านเป็นอันขาด

“ยัยอิน ใกล้จะจบแล้วใช่ไหม”

“อีก 2-3 เดือนค่ะน้าเชอรี่” อินทุอรตอบคำถามลูกพี่ลูกน้องของมารดา ขณะที่นั่งรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมหน้าครอบครัว

“ดีจริง ถ้าอย่างนั้นเรียนจบก็ไปช่วยพ่อ ช่วยน้าที่ห้างของเราสิหรือว่าอยากเรียนต่อ”

“โธ่ น้าเชอคะ อินยังไม่อยากทำงาน ไม่อยากเรียนต่อนี่คะ ขอพักผ่อนสักปี 2 ปี ไม่ได้เหรอ”

“คุณพี่ทั้งสองว่ายังไงคะ” เชอรี่สอบถามพี่สาวและพี่เขยของตนเอง

“ก็ปล่อยไปก่อน คนมันยังไม่อยากทำงาน” เจ้าสัวภาคภูมิ ภักดีเลิศวัฒนา ประธานกรรมการบริหารห้างหรู ในฐานะบิดาของอินทุอรตอบอย่างเรียบง่าย

“พี่ลิลล่ะคะ”

“พี่ก็ตามใจลูกเหมือนกัน” มารดาเองก็เข้าข้างลูกสาว

“น้องอินโชคดีจังเลยนะครับ ที่คุณน้าทั้งสองใจดีแบบนี้” แขกของบ้านภักดีเลิศวัฒนาแสดงความคิดเห็นขึ้นมากลางโต๊ะ

“แต่เชอคิดว่า ถึงไม่ได้ก้าวไปทำงาน ก็ควรมีตำแหน่งรองรับยัยอินของเรานะคะ” ยังไงก็ต้องดึงทายาทรุ่นต่อไปเข้าไปแทรกซึมอยู่ในบอร์ดบริหารก่อน

“น้าเชอคะ แค่ปี 2 ปีเอง อินขออิสระนิดหน่อยไม่ได้เหรอคะ” อินทุอรนับถือและเกรงกลัวน้าสาวของตนมาก เนื่องด้วยถูกพ่อแม่ตามใจตั้งแต่เด็กจนเสียนิสัย แต่เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 7-8 ปีก่อน ตอนที่น้าเชอรี่กลับมาจากอเมริกามาอยู่เมืองไทยถาวร น้าเชอเข้ามาเข้มงวด อบรม สั่งสอน จนเธอหงอย

ความจริงแล้ว อินทุอรหงอยต่อหน้าคุณน้าแสนสวยเท่านั้นแหละ ลับหลังญาติผู้ใหญ่คนนี้ เธอยังแสบ ยังซ่าส์ และเอาแต่ใจเก่งเหมือนเดิม

“น้าก็ให้อิสระนะจ๊ะ แต่อินต้องมีชื่อเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร ประชุมวิสามัญช่วงปลายปี เดี๋ยวเชอจะเป็นผู้เสนอเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นเองนะคะพี่ภาค”

“อะ เออ เออ เอาสิ” ภาคภูมิแทบข้าวติดคอ เรื่องความเด็ดขาด ต้องยกให้เชอรี่ เจ้าของตำแหน่งผู้จัดการใหญ่คนนี้นี่แหละ

“อาเชอรี่ โหดเหมือนที่น้องอินบอกผมจริงๆนะครับ”

“ยัยอินพูดอย่างนั้นเหรอบ๊อบบี้”

“ไม่จริงนะคะคุณน้า” อินทุอรแย้งคำพูดของบดินทร์ภัทร เธอไปพูดกับเขาตอนไหน

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” บดินทร์ภัทรรีบแก้ตัว เขาส่งยิ้มกวนๆไปให้อินทุอร สลับกับเชอรี่ ผู้ที่มีศักดิ์เป็นญาติฝ่ายบิดาของเขาเช่นกัน

เชอรี่คนนี้แหละที่ช่วยผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างบดินทร์ภัทรและอินทุอร เนื่องจากเด็กๆทั้งสอง ต่างเคารพและรักหล่อนมาก

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว