ดอกฟ้าซาตาน

บทที่ 10


หลังจากที่ข่าวฉาวของเควินว่อนไปทั่วโซเชียล พระเอกหนุ่มออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันแต่หลักฐานโผล่มาไม่หยุดหย่อนแทบทุกวัน ความติ่งของวรีวาฏิกาก็เริ่มจะลดลงอย่างรวดเร็ว นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าความรักจืดจาง เพราะเดี๋ยวนี้มองหน้าเขาในอินสตาแกรม ดาราหนุ่มก็ไม่ได้หล่อเท่าที่เธอเคยเห็นอีกต่อไป พอมีคำสั่งจากนายใหญ่ให้ถอดเควินออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ เพราะไม่อยากให้แบรนด์เกี่ยวข้องกับดาราที่มีข่าวฉาว วรีวาฏิกาจึงไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด แม้จะเสียดายอยู่นิดๆ ก็ตาม

ช่วงนี้เป็นช่วงสร้างยอดก่อนปิดไตรมาส เพื่อให้เลขการเติบโตของยอดขายและกำไรเทียบกับปีที่แล้วเป็นตัวเขียว เธอเลยต้องทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า โดยมีพี่จุ๋มเป็นคนแบ่งงานและจัดการทุกแคมเปญ วรีวาฏิกาหัวหมุนกับการเดินตรวจบรรดาบูทส่งเสริมการขายในห้างโมเดิร์นเทรด รวมไปถึงการนั่งทำโพรโมชันลดแลกแจกแถม ก็แทบไม่มีเวลานอนแล้ว สภาพหญิงสาวตอนนี้นอกจากหน้าไม่แต่ง ยังมีถุงใต้ตาดำคล้ำอีกด้วย

ทนไว้วรีวาฏิกา อีกแค่สองวันงานส่วนเธอก็จะเสร็จ เหลืออีกทีก็ตอนรวบรวมยอดขายมาทำพรีเซนเตชันเสนอ CMO ตอนปลายเดือน

โชคดีที่หลังๆ มานี้ เธอไม่ต้องขับรถเอง สันต์อาสาเป็นคนขับไปรับไปส่งและเฝ้าอยู่หน้าบริษัททุกวันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ รวมถึงเช้าวันนี้...

หลังจากเธอก้าวขึ้นรถ ปิดประตู สันต์ก็ขับรถออกไป แต่ยังไม่ทันไรบอดี้การ์ดหนุ่มก็พบความผิดปกติ ก่อนจะพยายามชะลอรถเข้าข้างทางด้วยการผ่อนคันเร่ง โชคดีที่เขาไม่ได้ขับเร็วนักเพราะเพิ่งขับออกจากบ้าน เลยนำรถชะลอเข้าจอดได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง จากนั้นก็ลงไปตรวจสอบตัวรถอยู่สักครู่ บอดี้การ์ดหนุ่มก็กลับมาบอกเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า

“รถถูกตัดสายเบรกครับ”

คนฟังหน้าซีดเผือดทันที ถ้าวันนี้เธอเป็นคนขับ วรีวาฏิกาแทบไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นเช่นไร!

สันต์โทร.สั่งการเสร็จสรรพโดยเธอไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แว่วๆ ว่าจะต้องตรวจกล้องวงจรปิดที่บ้าน รวมไปถึงซื้อรถคันใหม่ที่มีความปลอดภัยมากกว่านี้และต้องติดกล้องหน้ารถ วรีวาฏิกาอาศัยช่วงที่เขายังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นในมือถือมารับไปทำงานแทน เพราะวันนี้มีประชุมที่แผนกแต่เช้า พอเธอลากบอดี้การ์ดหนุ่มขึ้นรถที่มารับ สันต์ก็โทร.ไปสั่งให้คนมาลากรถเธอไปอู่ด้วย ทั้งหมดนี้บอดี้การ์ดหนุ่มจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพจนเธออดทึ่งไม่ได้

พอมาถึงออฟฟิศวรีวาฏิกาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปประชุม ออกมาอีกทีก็เกือบเที่ยง กลับมาถึงโต๊ะ ไม่รู้ว่าภควัตน์รู้เรื่องรถเธอถูกตัดสายเบรกได้ยังไง เพราะพอเขาเห็นเธอเดินมาก็เรียกให้เข้าไปที่ห้องทันที พร้อมบอกว่า

“จนกว่าจะได้รถคันใหม่ที่คุณย่าคุณกำลังสั่งซื้อ ช่วงนี้คุณต้องไปกลับพร้อมผม”

โอย! ถ้าเมื่อเช้าเธอยังดวงซวยไม่พอ การต้องไปกลับกับเจ้านายสุดโหดอย่างเขานี่แหละที่จะทำให้เธอดวงซวยอย่างแท้จริง

แต่จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะภควัตน์ยืนกรานว่าคุณย่าต้องการให้เธอทำตามที่เขาบอก

เรื่องตัดสายเบรกที่คนร้ายหมายเอาชีวิต ทำให้วรีวาฏิกาต้องมานั่งคิดตลอดบ่ายว่า คุณย่าเขียนพินัยกรรมยกสมบัติให้เธอขนาดไหนกัน สองแม่ลูกนั่นถึงได้ทำกันขนาดนี้! ในเมื่อบิดาเธอก็พามารดาเลี้ยงออกงานออกหน้าออกตา แถมยังรักวิกานดาอย่างออกนอกหน้า สองคนนั้นได้ทุกอย่างในสิ่งที่เธอไม่เคยได้ ขนาดนี้แล้วยังต้องฆ่าเธอด้วยเหรอ ที่สำคัญเหตุการณ์ทั้งหมดที่สองแม่ลูกนั่นก่อขึ้นกำลังสร้างความลำบากให้เธออย่างใหญ่หลวง จนต้องขออาศัยรถของภควัตน์ซึ่งเป็นรถกันกระสุนไปรับไปส่งทุกวัน นี่มันโคตรน่าโมโหและเธอจะไม่ทน!

วันแรกที่ภควัตน์มารับ วรีวาฏิกาตื่นสาย!

คนอุตส่าห์ขับมารับโมโหถึงขนาดเกือบจะบุกห้องนอนเธออยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกมารดาเธอรั้งไว้เสียก่อน ด้วยการเชิญกินข้าวเช้าอย่างใจเย็นเพื่อที่เขาจะได้สงบสติอารมณ์ลง

นี่ขนาดแม่เธออยู่นะ ขืนแม่เธอไม่อยู่ คงโดนลากไปทำงานทั้งชุดนอนแน่ๆ

วรีวาฏิกาใช้ความเร็วปานสายฟ้าแลบ สระผมโดยไม่เป่าให้แห้ง ใส่เดรสตัวแรกที่คว้าได้ ไม่แม้แต่จะแต่งหน้า ทาแค่ครีมกันแดดก่อนจะคว้ากระเป๋าวิ่งมารายงานตัวที่ห้องกินข้าวในเวลาไม่ถึงสิบนาที กินเนสส์บุ๊กควรจดบันทึกสถิติใหม่ของเธอให้โลกได้รับรู้

แต่สถิติใหม่ก็สถิติใหม่เถอะ เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าภควัตน์ วรีวาฏิกาก็รู้สึกเหลือตัวลีบเล็กนิดเดียว เพราะชายหนุ่มเล่นแผ่รังสีอำมหิตพร้อมสังหารอย่างไม่บันยะบันยัง ก่อนจะบอกเธอว่า

“ไปเป่าผมให้แห้ง ถ้าอีกห้านาทียังไม่เสร็จ ผมไม่รอ”

วรีวาฏิกาอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าไม่เป่า ปล่อยให้มันแห้งๆ ไปเองเถอะ แต่พอหันไปสบตาคนที่ยืนรอ เธอก็รีบเทอร์โบขึ้นชั้นสองกลับไปเป่าผมทั้งขากะเผลกๆ แทบไม่ทัน เป่าได้เพียงหมาดๆ ก็รีบลงมาแบบทันห้านาทีอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะตามเขาไปขึ้นรถ

วรีวาฏิกานั่งรถมาอย่างเงียบกริบ จนอีกห้าร้อยเมตรก่อนถึงบริษัท เธอก็ขอให้ภควัตน์ช่วยจอดให้เธอลงก่อน เพราะขืนลงจากรถพร้อมเขาในตอนเช้าทั้งที่ผมยังหมาดๆ แบบนี้ คงโดนคนในบริษัทรุมนินทาแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่นอน

แต่พอบอกเสร็จ คนขอลงก่อนก็แทบสะอึก เมื่อคนขับจำเป็นหันมาบอกเธอว่า

“ไม่ได้ อันตรายเกินไป คุณก็ลงพร้อมผมนี่แหละ ใครจะนินทาก็ช่าง”

เขาก็ช่างได้น่ะสิ! บ้าเอ๊ยยยยยย

เมื่อขับมาถึง คุณลุงพนักงานที่ทำหน้าที่รับรถของผู้บริหารไปจอดยังที่จอดรถก็มายืนรอเรียบร้อย แต่หัวเด็ดตีนขาดวรีวาฏิกาก็ไม่ยอมลงพร้อมเขาเป็นอันขาด ไม่พอ หญิงยาวยังหลบอยู่ใต้เบาะตั้งแต่ภควัตน์ขับเข้ามาในบริษัท ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินออกไปยื่นกุญแจให้พนักงานไปจอดรถ คุณลุงที่ทำหน้าที่จอดรถให้ภควัตน์เป็นประจำถึงกับตาโตแทบถลนที่พอเปิดประตูมาก็เห็นเธอนั่งหลบอยู่ข้างเบาะ วรีวาฏิกาเลยทำไม้ทำมือบอกให้เงียบ และให้ลุงคนขับรถขับไปจอดที่ที่จอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นอกจากนี้ วรีวาฏิกายังใช้ให้คุณลุงเดินลงไปดูลาดเลา ก่อนจะส่งสัญญาณว่าปลอดคน เธอถึงกล้าเปิดประตูรถแล้วพุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็วเท่าที่ขากะเผลกๆ จะอำนวย ทิ้งช่วงรอเกือบห้านาที วรีวาฏิกาถึงค่อยก้าวเท้าเดินเข้าไปในบริษัท รอดไปอีกหนึ่งวัน!

นี่ถ้าทุกวันเธอต้องทำขนาดนี้ ครบสิบวันกว่ารถคันใหม่ที่คุณย่าซื้อให้จะส่งมา เธอไปฝึกเป็นนินจาได้สบายๆ!

ตอนขากลับนั้นค่อยยังชั่ว ด้วยทั้งภควัตน์และเธอทำงานกลับดึกทั้งคู่ กว่าจะลงมาจากออฟฟิศ ก็แทบไม่มีรถคันอื่นเหลืออยู่ในลานจอดแล้ว วรีวาฏิกาเลยไม่ต้องเดือดร้อน หลบๆ ซ่อนๆ เหมือนตอนเช้า

วันถัดๆ ไป หญิงสาวตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไม่ให้พลาดเหมือนที่ผ่านมา พอรถภควัตน์มาจอดหน้าประตูร้านปุ๊บ เธอก็วิ่งขึ้นรถปั๊บ ไม่แม้แต่จะให้ท่านรองประธานได้มีเวลาลงไปสวัสดีมารดาเธอด้วยซ้ำ วรีวาฏิกาหมายมาดไว้แล้วว่า อีกสิบกว่าวันที่เหลือที่เธอต้องอาศัยรถเขา เธอจะไม่สายอีกแม้แต่วันเดียว!


เข้าวันที่ห้าที่วรีวาฏิกาต้องอาศัยรถภควัตน์มารับมาส่ง ช่วงเย็นวันนั้นที่ออฟฟิศได้ต้อนรับแขกที่เจ้านายเธอไม่ได้เชิญ...ไมเคิล

ไมเคิลเป็นเพื่อนสนิทของภควัตน์ รูมเมตตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนประจำชายล้วนที่อังกฤษ มหาวิทยาลัยก็ยังเรียนคณะเดียวกัน แถมจบออกมายังร่วมหุ้นกันทำบริษัทสตาร์ตอัป ซึ่งวรีวาฏิกาก็รู้แค่นั้น เพิ่งมารู้ว่าพวกเขาขายบริษัทไปแล้วจนได้เงินก้อนโตก็จากมะลิที่เล่าให้ฟังในวันแรกที่เข้างานนั่นแหละ

แล้วเธอรู้ประวัติไมเคิลได้ยังไงน่ะเหรอ

ก็เธอเคยเจอเพื่อนซี้ภควัตน์คนนี้อยู่หลายครั้ง ตั้งแต่สมัยไปอาศัยอพาร์ตเมนต์ภควัตน์อยู่ที่ลอนดอนนะสิ เขาเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก

พอเห็นว่าเป็นไมค์หรือไมเคิลที่เคยรู้จัก วรีวาฏิกาก็ปรี่เข้าไปทักทายอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่ภควัตน์เปิดประตูห้องออกมา

“ไมค์! จำวาได้ไหมคะ ไม่ได้เจอตั้งสามปี เดี๋ยวนี้ไว้หนวดไว้เคราซะเท่เชียว”

คนถูกทักชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะบอก

“ให้ตาย! นี่วาเหรอ! ผมจำไม่ได้เลย ผอมไปตั้งเยอะนี่ ตอนเจอเมื่อก่อนตอนอวบๆ ก็น่ารักน่าฟัด เดี๋ยวนี้สวยน่ารักจนผมตายไปเลย”

พูดจบปุ๊บ ไมเคิลก็ได้รับสายตาเย็นชาจากภควัตน์เป็นของกำนัล ก่อนเขาจะเอ่ยเรียบๆ แต่กลิ่นอายสังหารเพียบอย่างบอกไม่ถูก

“น่าฟัดงั้นเหรอ อยากดั้งหักอีกรอบไหมไมค์”

โห ไอ้โหด! ไมเคิลรีบหุบมือที่จะเข้าไปกอดสาวน้อยตรงหน้าทันที

เขาลืมไปได้ไงว่าเมื่อสามปีก่อนตอนที่ได้เจอวรีวาฏิกาโดยบังเอิญที่ห้องภควัตน์ เขาและเพื่อนคนอื่นๆ ก็แอบตั้งฉายาให้ไอ้พาร์คว่า ‘คนหวงน้องแห่งปี’

คนบ้าอะไรวะ มีกฎห้ามมองน้องสาวร่วมโลกมันเกินสามวินาที!

เรื่องมันมีอยู่ว่า มีอยู่วันที่เขาแวะไปคุยเล่นกับภควัตน์ที่ห้องตามปกติ แต่วันนั้นเขาต้องกดออดอยู่นานมากกว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะออกมาเปิดประตูให้ แถมยังทำหน้าบอกบุญไม่รับ จะปิดประตูใส่หน้าเขาเฉย ถ้าไม่บังเอิญมีสาวน้อยในห้องกำลังจะออกไปทำธุระข้างนอกเลยเดินมาที่ประตูห้องพอดิบพอดี นั่นแหละภควัตน์เลยต้องแนะนำเขาให้วรีวาฏิการู้จัก โดยแนะนำแบบห้วนๆ ว่า

‘วา นี่ไมเคิล ไมค์ นี่วา แล้วแกไม่ต้องสะเออะถามเพิ่มว่าวาเป็นใคร ฉันไม่บอก จบนะ

พอเห็นว่าห้องเพื่อนมีสาวน้อยน่ารัก จากนั้นเป็นต้นมาไมเคิลก็เลยทำทีเป็นบังเอิ๊ญ บังเอิญ แวะไปที่ห้องอีกหลายรอบ จนรอบที่สามก็โดนไอ้เพื่อนจอมหวงของออกปากว่า อย่าให้มันเห็นเขาที่ห้องอีก แบบนี้ไม่ให้เรียกว่า หวง แล้วจะเรียกว่าอะไร!?

เวลานั้นการทำตัวหวงน้องของภควัตน์ถูกเล่าลือกันในหมู่เพื่อนฝูงอย่างรวดเร็ว จนคนอื่นๆ ชักอยากจะเห็นหน้าน้องสาวร่วมโลกที่ไมเคิลพูดถึงกันถ้วนหน้า บวกกับคำบรรยายที่ไมเคิลเที่ยวบอกเพื่อนไปทั่วตอนไปนั่งดื่มที่ผับว่า น่ารัก น่าฟัด เขาก็เลยได้รับหมัดจากภควัตน์เป็นรางวัลจนดั้งหัก ไอ้เวรนี่ ถึงขนาดต่อยเขาหนักๆ เพียงเพราะพูดคำว่า ‘น่าฟัด’ ออกไปคำเดียว

แต่พอปีถัดไป ไมเคิลและผองเพื่อนกลับเห็นภควัตน์อยู่ในสภาพดูไม่จืดแถมยังอารมณ์ร้าย พอรู้สาเหตุ เขาและบรรดาผองเพื่อนกลุ่มเดิมจึงตั้งฉายาให้เพื่อนตัวดีเสียใหม่ว่า ‘หนุ่มคลั่งรักแห่งปี’ และพอมาเจอเพื่อนในวันนี้ ไมเคิลคิดว่าไอ้พาร์คคงยังจะรั้งตำแหน่งนี้ไว้ได้อีกยืดยาวจนถึงหลายปีข้างหน้าได้อย่างสบายๆ ทีเดียว

เพราะฉะนั้นแค่ภควัตน์ขู่เท่านั้น ไมเคิลเลยหันไปตอบเพื่อนอย่างหวาดๆ ว่า

“ไม่อยาก และฉันยังไม่ได้จ้องเกินสามวินาที ฉะนั้นแกห้ามต่อยเว้ย อะไรวะ เพื่อนมาหาถึงเมืองไทย ไม่ต้อนรับขับสู้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ยังจะทำตัวไม่ดีตั้งแต่เจอหน้าวันแรกเลยหรือไง”

“ก็ถ้าจะทำ แล้วจะทำไม”

ภควัตน์พูดหาเรื่องเพื่อน คนยืนฟังอยู่นานอย่างวรีวาฏิกาทนไม่ได้รีบห้ามศึก ด้วยการชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไมค์มารอบนี้ จะอยู่เมืองไทยกี่วันคะ”

“หลายเดือนเลยครับ ผมว่าจะมานั่งๆ นอนๆ เล่นๆ สักหน่อย”

“โห นานขนาดนี้ แล้วไมค์ไม่ต้องทำงานเหรอคะ”

“ตั้งแต่ได้เงินจากที่ขายบริษัทกับไอ้พาร์ค ผมก็เอาไปลงทุน ซื้อหุ้นบริษัทสตาร์ตอัปไว้ที่หนึ่ง ใครจะคิดว่าดวงจะเฮง บริษัทนั่นโตเป็นดาวรุ่งยูนิคอร์น ผมเลยขายหุ้นตอนมันพีกเพราะไม่ชอบขี้หน้า CEO คนใหม่ที่มารับช่วงแทนผู้ก่อตั้ง นี่เลยได้เงินมาลอยชายอีกเยอะเลยครับ พอจะพาวาไปซื้อของชอปปิงได้หลายรอบเลย ไปไหม”

ไมเคิลชวนเธอตรงๆ แต่วรีวาฏิกายังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เจ้านายที่ยืนข้างๆ ก็เอ่ยเป็นประโยคคำสั่งว่า

“วา กลับบ้านได้แล้ว ไป!”

ก่อนจะเดินนำลิ่วๆ โดยมีเธอกับไมเคิลวิ่งตาม

“เฮ้ย! เพื่อนมาหา เดินหนีอย่างนี้เลยเหรอวะ ให้ฉันติดรถนายไปด้วยสิ”

“ไม่มีที่นั่ง” ภควัตน์ตอบเสียงห้วน

ไม่มีที่นั่งอะไร ตั้งแต่รถเธอโดนตัดสายเบรกสัปดาห์ก่อน ภควัตน์ก็ต้องเปลี่ยนเอารถกันกระสุนสี่ประตูมาใช้ ไม่ได้ใช้รถสปอร์ตซูเปอร์คาร์เหมือนเคย ฉะนั้นก็ต้องมีที่นั่งว่างสิ พอเอ่ยบอกเรื่องนี้ออกไปภควัตน์ก็สวนกลับทันควัน

“มี แต่ไม่ให้นั่ง”

ตอบอย่างนี้ก็ได้เหรอ!

จนแขกผู้มาเยือนอย่างไมเคิลตื๊อแล้วตื๊ออีก ภควัตน์ถึงใจอ่อนโยนคีย์การ์ดคอนโดฯ ให้เพื่อนแล้วบอกให้ไปรอที่คอนโดฯ เขาก่อน ส่วนวิธีไปนั้น ให้หาทางไปเอาเอง!




รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว