นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)-ตอนที่๑๐ จดหมายจากพระราชวัง

โดย  หลี่หง

นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)

ตอนที่๑๐ จดหมายจากพระราชวัง

บทนำ

ก่อนเริ่มต้นเขียนบันทึก ข้าพเจ้าขอเกริ่นก่อนว่า...


เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นวันนั้น ที่ข้างทะเลสาบซีหรู ทะเลสาบที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง...


'หม่าลี่จู! นังจิ้งจอกแพศยา! อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้เห็นอันใดเลย ข้ารู้นะว่าเจ้ายั่วยวนองค์รัชทายาทลับหลังข้าบ่อยครั้ง! กระทำต่ำช้าเช่นนี้หมายเเย่งชิงตำแหน่งไท่จื่อเฟยของข้าใช่หรือไม่!'


'ข้าหาได้กระทำเช่นที่เจ้าปรักปรำ เจ้าอย่าได้เที่ยวระรานผู้อื่นโดยไร้ซึ่งหลักฐานใดๆเช่นนี้ไป๋ฮวา ประเดี๋ยวชาวบ้านจะนินทาเอาได้ว่าบุตรีท่านแม่ทัพนั้นไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมารยาทเช่นที่บุตรีขุนนางพึงจะมี'


'เจ้า!!'


'เฮ้อ... สตรีสองนางที่กำลังถกเถียงกันอยู่ตรงนั้นเป็นผู้ใดกันหรือหรงหรง'


นางอดจะหันไปมองไม่ได้จริงๆ นานๆครั้งพวกท่านพ่อจะยอมให้นางออกมาเที่ยวเล่นตามลำพังกับสาวใช้ เเต่การจิบน้ำชาชมทะเลสาบของนางกลับถูกทำลายเพราะสตรีสองนางนั้นเสียได้


'สตรีสวมชุดชมพูฟ้าคือหม่าลี่จู่ บุตรีอัครมหาเสนาบดีกับอนุ ส่วนสตรีสวมชุดขาวแดงคือไป๋ฮวา บุตรีท่านเเม่ทัพใหญ่กับฮูหยินเอกเจ้าค่ะคุณหนูซูเซียน ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรับรู้กันว่าคุณหนูไป๋ฮวาคือพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาท เเต่พักหลังๆมานี้มีชาวบ้านหลายคนเห็นองค์รัชทายาทและคุณหนูหม่าลี่จู่อยู่ด้วยกันบ่อยครั้งเจ้าค่ะ จึงไม่แปลกที่คุณหนูทั้งสองจะไม่ถูกชะตากัน'


อะไรกัน ยามนี้ยังมีกันเเค่ 'สองสตรี หนึ่งบุรุษ' ก็ทะเลาะกันเเทบเป็นเเทบตายเสียเเล้ว เเล้วยามที่องค์รัชทายาทขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรเป็นฮ่องเต้พระองค์ถัดไป สตรีผีบ้าสองนางนี้จะไปรับมือกับสตรีนับพันนับหมื่นซึ่งจะถูกคัดเลือกเข้ามาในวังหลังในอนาคตได้อย่างไร


ในฐานะประชาชนคนหนึ่งของแคว้น นางผิดหวังมากจริงๆ เพราะหนึ่งในนั้นอาจกลายเป็นผู้ปกครองวังหลังในอนาคต แต่กลับกระทำตัวกันเช่นนี้


'พวกเราไปที่อื่นกันเถิดหรงหรง' ซูเซียนตัดสินใจลุกขึ้นจากม้านั่งริมทะเลสาบ ยามหันไปเห็นว่าหม่าลี่จูเเละไป๋ฮวาเริ่มลงไม้ลงมือใส่กันเเล้ว เเละม้านั่งที่นางนั่งอยู่ก็เสี่ยงต่อการถูกลูกหลงมากเสียด้วย หากพลาดขึ้นมาก็อันตราย เพราะทั้งนางเเละสาวใช้ต่างว่ายน้ำไม่เป็น


'ค...คุณหนูเจ้าคะ ระวังเจ้าค่ะ!!' ไม่คาดว่าเรื่องที่ระแวงจะเกิดขึ้นจริง หม่าลี่จูและไป๋ฮวาตบตีกันจนหนึ่งในนั้นถอยไปชนเสาขึงม่านมุ้งสำหรับกันแดดกันลมให้ที่นั่งริมทะเลสาบ จนล้มเอนมาทางนางและสาวใช้


'หรงหรง หลบไป!' นางรีบผลักสาวใช้ให้กระเด็นออกไปจนพ้นทาง เพราะหากตกทะลสาบด้วยกันทั้งคู่ นางจะถูกช่วยอย่างรวดเร็ว ผิดกับหรงหรงซึ่งเป็นเพียงสาวใช้ที่อาจไม่มีผู้ใดเหลียวแล


พลั่ก! ตูมมมม!!


เสาประดับสำหรับขึงม่านมุ้งกันลมแดดซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากล้มเอนมาทางนาง และแม้จะไม่โดนเต็มๆ แต่ก็ทำให้นางกระเด็นตกลงไปในทะเลสาบจากการพยายามฝืนหลบให้พ้น


สาวใช้ตัวน้อยซึ่งถูกช่วยชีวิตเอาไว้ลุกขึ้นมาหลังจากที่ถูกผลักกระเด็นจนล้มกลิ้งไปบนพื้นหญ้า ก่อนเบิกตากว้างมองภาพคุณหนูคนงามกระเด็นตกทะเลสาบราวกับกำลังมองภาพฝันร้ายที่กลับกลายเป็นความจริง


'ไม่นะคุณหนูซูเซียน!! ผู้ใดก็ได้ช่วยคุณหนูซูเซียนด้วยเจ้าค่ะ!!'


เเค่ก ไม่นะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ข้า...ข้ายังไม่อยากตาย!


ข้ายังอยากมีชีวิต ยังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากมาย ตายไปอย่างไร้ค่าแบบนี้ไม่เอานะ!


.


พรึบ!!


ดวงตากลมโตดุจลูกกวางลืมขึ้นกะทันหัน ทำให้หรงหรงซึ่งกำลังพึมพำบางอย่างด้วยท่าทางเซื่องซึมขณะเช็ดตัวให้ฉันอยู่พลอยสะดุ้งตามไปด้วย ก่อนตั้งสติได้เเละวิ่งออกไปข้างนอกพลางร้องตะโกนโวยวายเหมือนคนบ้า


"คุณหนูซูเซียนฟื้นเเล้ว! คุณหนูซูเซียนฟื้นเเล้วเจ้าค่ะ!! ขอบคุณสวรรค์!! คุณหนูซูเซียนฟื้นเเล้วเจ้าค่ะ!!!"


ฉันค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งพิงหมอนใบโต ก่อนยกปลายนิ้วเรียวยาวเเตะหน้าผาก


ความทรงจำล่าสุดของฉันในร่างนี้คือความทรมานยามน้ำในทะเลสาบทะลักเข้ามาทางจมูกเเละปากพร้อมกันจนลำคอเเละจมูกเเสบร้อนราวกับถูกแผดเผา ไม่รู้ว่าฉันหลับไปนานเท่าไหร่ เเต่ความฝัน...หรือไม่ก็อดีตชาติของฉันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหลับไปยาวนานมากๆจริงๆ


สถานการณ์เป็นตายที่ต้องเผชิญทำให้ฉันระลึกอดีตชาติของตัวเองได้ เเละในชาติที่เเล้วฉันเป็นสาวเทื้อ(ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน)สุดสตรองที่สามารถยืนได้ด้วยลำเเข้งตัวเองจนกระทั่งแก่ตายอย่างสงบเมื่ออายุได้80กว่าปี อ่า! น่าเบื่อ...น่าเบื่อสิ้นดี!


ฉันยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ก่อนลูบผิวพรรณเต่งตึงของตัวเองยามเป็นเด็กสาวเเรกรุ่นด้วยความรู้สึกทั้งปลื้มใจเเละเสียดาย เพราะวันหนึ่งผิวพรรณขาวเนียนนี้จะเหี่ยวย่นตามกาลเวลา เฉกเช่นตัวฉันที่แก่ชราลงเเละตายอย่างสงบในชาติภพที่เเล้ว


ตายโดยมีหนังสือนิยายเรื่อง 'ลำนำรักนางหงส์' ที่มีตัวละครคล้ายกับผู้คนในชาติภพนี้ของฉันวางอยู่บนอก...


หรือก่อนตายในชาติภพนั้นฉันจะเผลออธิษฐานขอให้ได้มาใช้ชีวิตในโลกที่คล้ายนิยายเล่มนั้นกันนะ?


เอาเถอะ โชคดีเเล้วที่ฉันไม่ต้องมาเกิดเป็นนางเอกหรือนางร้ายเหมือนในนิยายเเนวพีเรียด(นิยายเเนวย้อนยุค)เรื่องอื่นๆ เเต่ได้มาเกิดเป็น 'ซูเซียน' ซึ่งไม่ต้องมีบทบาทในนิยายรักหลายเศร้านี้ เพราะไม่ว่าจะนางเอกหรือนางร้าย กระทั่งนางรอง อ่านเเล้วอ่านอีกฉันก็ไม่ชอบฝ่ายไหนเลยอยู่ดี


เพราะจะนางเอกหรือนางร้ายก็ตอแหลพอๆกัน!


ตึงๆๆๆๆ!


ไม่นาน เสียงเหมือนผู้คนมากมายกำลังเเข่งกันวิ่งมาทางห้องของฉันก็ดังขึ้นมาเเต่ไกล จนฉันเผลอหดกายกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยความกลัว เเละเเล้วชายหญิงมากมายก็กรูกันเข้ามาในห้องนอนของฉัน


"เซียนเอ๋อร์!!" คนเเรกที่เข้าถึงตัวฉันเเละสวมกอดฉันเอาไว้เเน่นราวกับฉันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขาก็คือบิดาของฉันในชาตินี้ที่เป็นถึงราชครูที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเเละเป็นพระอาจารย์ที่องค์รัชทายาทเคารพ ซูเจี้ยน


ตามด้วยมารดาของฉันซึ่งเป็นฮูหยินเอกของจวน เจียวซิน


ต่อด้วยเเม่รอง เเม่สาม ท่านอา เเละอาสะใภ้ของฉัน


เมื่อได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของการมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตามากมาย ความเหงาเเละความโดดเดี่ยวเดียวดายยามต้องแก่ชราเพียงลำพังในชาติภพก่อนที่ระลึกได้ก็ย้อนกลับมา จนฉันเผลอเบะปากเเละร้องไห้โยเยเสียงดัง จนท่านอาเเเละท่านอาสะใภ้ต้องเข้ามาร่วมวงปลอบโยนฉันด้วย


การมีครอบครัวนี่มันดีจริงๆ ครอบครัวนี่แหละสำคัญที่สุด!


ข้อดีของตระกูลซูคือสมาชิกในตระกูลรักใคร่สามัคคีกันดี โดยเฉพาะฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง เเละฮูหยินสาม ที่รักเเละสามัคคีกันดุจพี่น้อง


หลังจากให้ท่านหมอประจำตระกูลตรวจอย่างถีถ้วน เเละถูกคนในครอบครัวผลัดกันซักฟอกอาการจนหมดเปลือก ในที่สุดฉันก็ถูกสั่งให้พักผ่อนจนกว่าร่างกายจะกลับมาเเข็งเเรงดังเดิม


"น้องหญิงทั้งสาม เซียนเอ๋อร์ของเราหลับไปเกือบสามเดือน ยามนี้ร่างกายอ่อนแอราวกับเด็กทารกแรกเกิด ดังนั้นเรื่องอาหารเเละยาบำรุงของเซียนเอ๋อร์ข้าคงต้องรบกวนพวกเจ้าเเล้ว เห็นเซียนเอ๋อร์ตื่นเเล้วไม่มีอาการน่าเป็นห่วงเช่นนี้ข้าก็ค่อยเข้าวังอย่างสบายใจ แต่จากนี้คงยุ่งไม่น้อย"


ความหมายของท่านพ่อก็คือตลอดมาเขาเข้าวังเเต่ไม่มีกระจิตกระใจทำงาน เเละตอนนี้สามารถไปทำงานได้อย่างเต็มที่เเล้ว เเต่คงไม่มีเวลามาดูเเลฉันเท่าไหร่


อ๊า ท่านพ่อ ท่านช่างน่ารักเเละใส่ใจอะไรเช่นนี้ สำหรับยุคสมัยนี้ที่พ่อส่วนใหญ่เห็นลูกสาวเป็นเหมือนสินค้าไม่ก็สิ่งของ ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นลูกสาวของบุรุษผู้นี้ที่เปรียบดั่งคุณพ่อระดับเเรร์ไอเทม!


คิดเเล้วฉันก็เผลอเอาแก้มถูไถอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเต่งตึงของบิดาอย่างรักใคร่ แหม คนเป็นราชครูเนี่ยกล้ามต้องเเน่นเบอร์นี้เลยเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย ฮุฮิ


"ท่านพี่โปรดวางใจ น้องจะดูเเลเซียนเอ๋อร์อย่างดีที่สุดเจ้าค่ะ" เจียวซินกล่าวอย่างหนักแน่น เเละเอาเข้าจริงถึงท่านพ่อของฉันไม่บอก ท่านเเม่ของฉันก็คงไม่มีทางปล่อยให้ฉันเป็นอะไรไปเด็ดขาด ก็ฉันเป็นลูกเเท้ๆของเธอนี่นา


"พี่หญิง ข้าเเละน้องฮวาจะช่วยท่านอีกแรงนะเจ้าคะ" ฮูหยินรองหมิงอิงเสนอตัว เเละมีฮูหยินสามมี่ฮวาพยักหน้ารับอย่างเเข็งขันอยู่ข้างๆ ก่อนทั้งสองจะก้มหน้ายิ้มเอ็นดูส่งมาให้ฉันอย่างจริงใจ


ถึงทั้งสองจะเป็นเมียน้อยของพ่อฉัน เเต่ว่าแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ... ฉันยิ้มแผละตอบกลับไปอย่างน่าเอ็นดู ทำให้สองสาวใหญ่พร้อมใจกันกุมแก้มที่เเดงระเรื่อน้อยๆของตัวเอง ก่อนเข้ามาหยิกแก้มยุ้ยๆของฉันเบาๆด้วยความเอ็นดูที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


เมื่อพวกผู้ใหญ่ทยอยกันออกไปหมดเเล้ว ดวงตากลมโตหวานซึ้งที่หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อยดุจลูกกวางก็ลืมขึ้น


ฉันหันไปทางสาวใช้คนสนิทเเละถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "หรงหรง พี่ชายเเละพี่สาวของข้าเล่า"


"เอ่อ ยามที่คุณหนูฟื้น คุณชายใหญ่เเละคุณหนูรองกำลังจะออกไปรับยาให้คุณหนูที่ตลาดพอดิบพอดีเจ้าค่ะ เกรงว่าจะคลาดกับสาวใช้ที่ไปส่งข่าว ว้าย คุณหนู!!"


หรงหรงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคุณหนูคนงามปีนลงจากเตียงเเละล้มลงทันที ก่อนพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นระริกราวกับเด็กทารกหัดเดิน


"ข้าจะไปหาท่านพี่ทั้งสอง ถ้าไปตอนนี้ต้องทันเเน่นอน!" ฉันกล่าวอย่างมุ่งมั่นก่อนลุกขึ้นรวบชายกระโปรงเเละวิ่งไปตามทางเดินทอดยาว สวนกับท่านเเม่ทั้งสามที่เดินมาพร้อมสาวใช้ซึ่งถือถาดข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยเอาไว้ในมือ


"ซ...เซียนเอ๋อร์!? นั่นลูกจะไปไหน!!" ฮูหยินใหญ่ยกมือทาบอก ไม่คิดว่าคนที่วิ่งผ่านสีข้างไปเมื่อครู่จะเป็นบุตรีของนางที่เพิ่งฟื้นจากอาการหลับใหลยาวนาน


"ลูกจะไปหาพี่ใหญ่กับพี่รองเจ้าค่ะ!!"


ฮูหยินใหญ่รู้ว่าบุตรีติดพี่ๆมาก หลับไปตั้งนานพอตื่นมาไม่เห็นหน้าย่อมไม่แปลกที่จะคิดถึง เเต่ว่าก็อดจะตำหนิไม่ได้ เป็นถึงบุตรีราชครู ควรจะสำรวมในทุกสถานการณ์สิถึงจะถูก "ถึงอย่างนั้นก็เดินไปดีๆสิลูก ค่อยๆก้าวทีละก้าว มือประสานไว้ที่หน้าขา เเละ..."


"ลูกไม่ได้จะเดินจงกลมนะเจ้าคะท่านเเม่! เชิญท่านเเม่เดินเเบบสโลไลต์เเข่งกับเต่าไปคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ!!"


เดินแบบนั้นชาติหน้าตอนบ่ายๆเถอะกว่าจะถึงประตูจวน!


ฮูหยินใหญ่อ้าปากค้าง ก่อนยืนโซเซเหมือนกำลังจะเป็นลม เเม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด เเต่พอรับรู้ว่าเมื่อครู่ลูกสาวกำลัง 'ต่อต้าน' นาง


"ก...เกิดอันใดขึ้นกับกวางน้อยเเสนเชื่องของพวกเราเนี่ยหมิงอิง" ฮูหยินใหญ่หันไปถามฮูหยินรองที่เข้ามาประคองด้วยท่าทางตกตะลึงไม่แพ้กัน


"ใจเย็นๆนะเจ้าคะพี่สาว! โบราณว่ายามผ่านเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายคนเรามักกล้าหาญขึ้น! มิเเน่ว่ากวางน้อยของพวกเราอาจจะกำลังเติบโตเป็นกวางที่สง่างามก็เป็นได้เจ้าค่ะ!"


มิรู้ว่าฮูหยินรองกล่าวประโยคนี้เพื่อปลอบใจผู้ใด ฮูหยินใหญ่หรือตัวเอง


ทางด้านซูเซียน


ฉันวิ่ง วิ่ง เเละก็วิ่ง วิ่งโดยไม่สนใจพวกบ่าวไพร่ที่เห็นฉันเเล้วเป็นต้องทำของในมือตกแตกกันทุกคนมาตลอดทาง เเต่เมื่อฉันวิ่งมาถึงเรือนใหญ่ที่เป็นทางผ่านไปประตูทางเข้าออกจวน ฉันกลับสะดุดล้มลงเอาเสียดื้อๆ เกรงว่าการที่หลับไปนาน สังขารคงพาฉันมาได้เเต่เพียงเท่านี้


"โธ่เอ๊ย อีกนิดเดียวเเท้ๆ ท่านพี่!!!"


ท่านพี่ทั้งสองอย่าไปนะเจ้าคะ!


"เซียนเอ๋อร์?" เสียงหล่อเหลาดังขึ้นทางหนึ่ง ฉันหันขวับไปมองเเละเห็นพี่ชายพี่สาวรูปงามยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น


"เซียนเอ๋อร์จริงๆด้วย น้องรักของพี่!? เหตุใดเจ้าจึงมาล้มฟุบอยู่ตรงนี้! นี่เจ้า! ดูเเลน้องสาวของข้าอย่างไร!" พี่ชายใหญ่ซูเหวิน(ความดีงามสูงส่งที่แสนงดงาม)วิ่งเข้ามาประคองฉัน ก่อนหันไปมองหรงหรงด้วยสายตาตำหนิ


"อย่าว่าหรงหรงเลยเจ้าค่ะท่านพี่ น้องรั้นจะมาหาท่านพี่เอง ฮือๆ พี่ใหญ่ พี่รอง ข้านึกว่าจะมาไม่ทันก่อนพวกท่านทั้งสองออกไปข้างนอกเสียเเล้ว"


ฉันเบะปากขณะชูมือทั้งสองข้างไปทางพี่ชายรูปงาม ก่อนถูกช้อนอุ้มอยู่ในอ้อมเเขนเเข็งแกร่งของซูเหวินอย่างอ่อนโยน โดยมีพี่สาวคนงามใช้ผ้าเช็ดหน้าปักลวดลายหรูหราซับน้ำตาให้ด้วยท่าทางทะนุถนอม


"โชคดีที่พี่ลืมของ มิเช่นนั้นเจ้าคงวิ่งตามเราออกไปถึงนอกจวน เด็กโง่เอ๊ย ประเดี๋ยวพี่กับพี่ใหญ่ก็กลับมาเเล้ว ทำไมไม่นอนรอพวกเราอยู่บนเตียงดีๆหืม"


ซูเมิ่ง(ห้วงความฝันอันงดงาม)กล่าวทั้งน้ำตาซึม ประทับใจที่น้องสาวรักขนาดวิ่งออกมาตามหาหลังได้สติ


ซูเซียน(เทพธิดาผู้เลอโฉม)แอบย่นคิ้ว จะให้นอนรอเฉยๆได้อย่างไร!


ที่ฉันรีบซอยมาสุดฝีเท้านี่ก็เพราะวันที่ซูเหวินเเละซูเมิ่งไปตลาดในวันเดียวกับที่ฉันตื่น เป็นวันที่ซูเหวินได้ช่วยเหลือหม่าลี่จูจากโจรวิ่งราวกระเป๋า ส่วนซูเมิ่งก็ได้พบกับไป๋ฮวาเเละถูกชะตากันโดยบังเอิญ เเต่ละคู่สานสัมพันธ์กันเรื่อยมา เเต่สุดท้ายสตรีน่าตายพวกนั้นก็ทำให้พี่ๆของฉันมีจุดจบไม่ต่างจากสวะ คิดเเล้วเเค้นเว้ย!


ดังนั้นฉันจะไม่มีวันยอมให้พี่ๆทั้งสองออกไปไหนทั้งนั้นในวันนี้! ไม่ให้ไปไหน... จนกว่าฉันจะเสี้ยมให้พี่ๆทั้งสองรู้เช่นเห็นชาติยัยตัวดีทั้งสองนั่นเสียก่อน หึๆ


"พี่ใหญ่เจ้าคะ พี่รองเจ้าคะ... น้องมีบางอย่างจะบอก เเต่ท่านพี่ทั้งสองอย่านำไปบอกท่านพ่อนะเจ้าคะ ความจริงเเล้วเรื่องที่ทะเลสาบ ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุอย่างที่หม่าลี่จูเเละไป๋ฮวาให้การณ์เจ้าค่ะ ใช่หรือไม่หรงหรง"


ซูเหวินเเละซูเมิ่งหันไปมองหรงหรงอย่างพร้อมเพียง


หรงหรงเบิกตากว้าง ด้วยไม่รู้ว่าคุณหนูซูเซียนทราบเรื่องที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาคุยกับราชครูได้อย่างไร ทั้งๆที่คุณหนูซูเซียนเพิ่งจะได้สติเเท้ๆ


เเต่ความสงสัยก็อยู่ส่วนความสงสัย ความเเค้นก็อยู่ส่วนความเเค้น


สาวใช้ตัวน้อยกำหมัดเเน่น ก่อนบอกเล่าความจริงให้คุณชายใหญ่เเละคุณหนูรองฟังอย่างละเอียด


ก่อนหน้านี้หรงหรงยังโกรธเเทนคุณหนูซูเซียนไม่หายที่หม่าลี่จูเเละไป๋ฮวารวมหัวกันปั้นเรื่องขึ้นมาว่าพวกชาวบ้านทะเลาะวิวาทกันที่ริมทะเลสาบ กระทั่งทำเสาขึงม่านล้มใส่คุณหนูซูเซียน จนคุณหนูซูเซียนตกใจและเวียนศีรษะตกทะเลสาบไป


ซึ่งนั่นไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลยเเม้เเต่น้อย หม่าลี่จูกับไป๋ฮวาทะเลาะกันจนเป็นต้นเหตุให้คุณหนูซูเซียนตกทะเลสาบต่างหาก เเต่หรงหรงรู้ว่าทำไมสตรีที่ไม่ถูกกันจึงหันมาจับมือกัน คงเกรงกลัวจะผิดใจกับบิดาของคุณหนูซูเซียนซึ่งเป็นราชครูที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเป็นเเน่


เเละหากเรื่องที่บุตรีขุนนางซึ่งยังไม่ออกเรือนทั้งสองทะเลาะกันเรื่องผู้ชายจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหลุดออกไป หม่าลี่จู่เเละไป๋ฮวาคงถูกครหาจนไม่กล้าเเม้เเต่จะก้าวเท้าออกจากจวน จึงหันมารวมมือกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเช่นนั้น


นี่หรือว่าที่ฮองเฮา และนี่หรือว่าที่พระสนม!? จะไปปกครองวังหลังได้อย่างไร ในเมื่อเเม้เเต่ความซื่อสัตย์ยังไม่มีกัน น่ารังเกียจที่สุด!




หลังจากนั่งเฝ้าเเละช่วยกันกล่อมจนน้องสาวที่ดูจะขี้อ้อนขึ้นหลับใหลไปในที่สุด ซูเหวินเเละซูเมิ่งจึงค่อยๆดึงชายเเขนเสื้อของตัวเองออกจากมือทั้งสองข้างของน้องสาว เเละจากไปอย่างเงียบๆ


บนระเบียงทางเดินทอดยาว ซูเหวินสนทนากับน้องสาวคนรองด้วยสีหน้าเยือกเย็น


"เจ้าคิดเห็นอย่างไรเมิ่งเอ๋อร์ กับเรื่องที่หรงหรงเล่า"


"ฮึ น้องสงสัยตั้งเเต่เเรกเเล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่ว่าเรื่องที่นังจิ้งจอกสองคนนั่นเล่ามันแปลกๆ เเต่มิคาดว่าจะบิดเบือนจากความเป็นจริงได้ขนาดนี้"


ซูเมิ่งนั้นเจ้าอารมณ์ตามประสาสตรีที่มีนิสัยซื่อตรง เเต่ก็ใช่ว่าจะตามเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของพวกเจ้าเล่ห์ไม่ทัน โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวนั้น คนรักครอบครัวอย่างซูเมิ่งจะเฉลียวฉลาดขึ้นเข้าขั้นอัจฉริยะ


ซูเมิ่งรู้ว่าถึงน้องสาวจะถูกเลี้ยงติดจวนไม่ค่อยได้ออกไปที่ไหน เเต่ก็สุขภาพแข็งเเรง จะเป็นลมตกทะเลสาบเพียงเพราะเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทได้อย่างไร เเต่ก็เข้าใจว่าน้ำหนักของคำพูดของสาวใช้อย่างหรงหรงไม่อาจสู้หม่าลี่จูเเละไป๋ฮวาได้ หรงหรงจึงต้องเก็บปากเงียบเสมอมา


"ตระกูลเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เเต่ที่พวกขุนนางยังเกรงใจพวกเราก็เพราะท่านพ่อเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทเเละเป็นที่เคารพขององค์รัชทายาท หากไม่เพราะอำนาจในมือของบิดา ไป๋ฮวาเเละหม่าลี่จูคงไม่สนใจความเป็นความตายของเซียนเอ๋อร์"


ซูเหวินถอนหายใจอย่างปลดปลง เนื่องจากบิดาไม่ต้องการให้คนในตระกูลซูเกี่ยวข้องกับการเมืองเเละราชวงศ์อีกต่อไป ซูเมิ่งจึงได้ละเว้นการคัดเลือก 'ไท่จื่อเฟย' ในกรณีพิเศษ ส่วนซูเหวินที่ไม่ได้ถูกครอบครัวกดดันให้สอบขุนนางก็หันไปเอาดีทางด้านการแพทย์ที่ตนเองชื่นชอบ เเต่เห็นแบบนี้คงปล่อยให้อำนาจในราชสำนักจบลงที่รุ่นบิดาไม่ได้เสียเเล้ว มิเช่นนั้นจะปกป้องครอบครัวต่อไปได้อย่างไร


ซูเมิ่งทำหน้าเจ็บเเค้น "ในเมื่อนังจิ้งจอกสองคนนั่นตบตีกันเพื่อเเย่งชิงรัชทายาทจนเซียนเอ๋อร์ของพวกเราจมน้ำเกือบเอาชีวิตเเทบไม่รอด ดังนั้นหากข้าไม่สามารถทำให้นังเเพศยาสองคนนั่น 'จม' บ้างสักครั้ง พี่ใหญ่ก็ไม่ต้องมาเรียกน้องว่าซูเมิ่ง!"


ซูเหวินยิ้มขำ "เจ้าคงไม่คิดจะผลักพวกนางตกทะเลสาบเพื่อแก้เเค้นใช่หรือไม่"


"น้องมิทำอันใดไร้สาระเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะพี่ใหญ่ จมที่ว่าคือน้องจะทำให้นังจิ้งจอกพวกนั้นจมน้ำตาพวกมันเองต่างหาก ท่านพี่ไม่ลืมใช่หรือไม่ว่าข้าคือ 'รักแรก' ขององค์รัชทายาท"


ซูเมิ่งกล่าวก่อนยืดหน้าอกหน้าใจอันล้นทะลักของตัวเองขึ้น พร้อมความรู้สึกเหนือกว่าเหล่าสตรีที่มาหลงรักรัชทายาทที่เคยถูกนางปฏิเสธ เหตุผลที่ซูเมิ่งปฏิเสธองค์รัชทายาทก็เพราะองค์รัชทายาทไม่ใช่บุรุษแบบที่ซูเมิ่งใฝ่ฝัน อีกทั้งองค์รัชทายาทยังติดตามบิดาของซูเมิ่งมาที่จวนสกุลซูเพื่อเรียนหนังสือบ่อยครั้งตั้งเเต่ยังทรงพระเยาว์ จนซูเมิ่งเห็นองค์รัชทายาทเป็นเหมือนพี่ชายไปเเล้ว เรื่องคิดเกินเลยกับองค์รัชทายาทจึงเป็นไปไม่ได้จริงๆ


"ก็เเค่รักแรก รักแรกอาจยากที่จะลืมเลือน เเต่มันก็เท่านั้นนั่นล่ะเมิ่งเอ๋อร์ องค์รัชทายาทอาจไม่ได้รู้สึกกับเจ้าเช่นแต่ก่อนอีกเเล้ว"


"น้องก็ไม่ได้ต้องการให้องค์รัชทายาทรู้สึกอะไรกับน้องจริงๆนี่เจ้าคะ ที่น้องต้องการคือทำให้นังจิ้งจอกสองตัวนั้นสำลักความอิจฉาตายต่างหาก ข้าจะบอกอะไรดีๆให้นะเจ้าคะท่านพี่ ถ่านไฟเก่าอย่างรักแรกนี่แหละเจ้าค่ะ เชื้อไฟที่รุนเเรงที่สุด!"


หากซูเซียนมาได้ยินเข้าคงลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นทันที


พี่ชายบ้า! พี่สาวงี่เง่า! ข้าพยายามนำพวกท่านออกมาจากปัญหาวุ่นวาย เเล้วพวกท่านจะขยันหาเรื่องใส่ตัวกันทำไมเล่า! เป็นตัวประกอบก็อยู่อย่างตัวประกอบไปสิวะคะ!




- ติดตามตอนต่อไป -

นิยายอีกเรื่องของเสวี่ยเฟิ่งค่า เรื่องอื่นยังจัดการไม่เรียบร้อยเลยเเท้ๆ เเต่เสวี่ยเฟิ่งกลับเอาเวลามาเปิดนิยายเรื่องใหม่ ฮ่าๆ ก็เเบบนี้แหละค่ะ คิดพล็อตแบบไหนได้เสวี่ยเฟิ่งก็อยากเปิดเอาไว้ หากเปิดภายหลังเเล้วไปซ้ำใครมันจะมีปัญหาวุ่นวายตามมา เพราะงั้นขอทิ้งโครงเรื่องเอาไว้คร่าวๆก่อนนะคะ รักนักอ่านทุกท่าน :3

ฝากอุดหนุนผลงานเรื่องอื่นของเสวี่ยเฟิ่งด้วยนะคะ

เรื่องที่ 1 : วีรกรรมเปลี่ยนนางร้ายให้เป็นจอมนาง [จีนโบราณ]

3 เล่มจบ ตีพิมพ์สนพ.B2S วางขายทั้งแบบรูปเล่มและอีบุ๊ค

เรื่องที่ 2 : Destroy Destiny ภารกิจสะบั้นรัก [Normal/Yaoi]

ติดเหรียญขายกับเด็กดีและฟิคชั่นล็อก ยังไม่มีอีบุ๊ค

*ขอบคุณที่ช่วยค่าไฟนักเขียนล่วงหน้าเลยค่ะ อิอิ*

เพจนักเขียน :: SweirFeng@เสวี่ยเฟิ่ง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว