แจ๊สสีเหลืองวิ่งไปตามถนนสายหลักที่มุงหน้าเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง พุดพิชชายังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้หญิงสาวไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรักและไม่มีบ้านให้กลับอีกต่อไปแล้ว ท้องฟ้ายามโพล้เพล้ทำให้หัวใจหญิงสาวเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
พุดพิชชาแวะเข้าห้องน้ำที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งก่อนที่จะเดินไปหาซื้ออะไรมาทาน แม้ตัวเองจะไม่หิว แต่ลูกน้อยที่อยู่ในท้องก็ยังต้องได้สารอาหารที่ครบถ้วน
“คุณพุด มาทำอะไรที่นี่ครับ” เสียงทักทายอย่างดีใจทำให้เธอต้องหันไปมองเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอคนรู้จักที่นี่
“คุณภีม”
“ครับ ผมเอง ดีใจที่คุณพุดจำได้ แล้วนี้มากับคุณรัญหรือเปล่าครับ” รชตพัฒน์พยายามมองหารัญภาคย์
“เปล่าค่ะ ฉันมาคนเดียว คุณภีมล่ะคะ”
“ผมก็มาคนเดียวครับ พอดีว่ามาทำธุระที่นครสวรรค์นิดหน่อย แล้วกะว่าจะตามจ๋าไปที่พิษณุโลกเหมือนกัน”
“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ ฉันขอตัวก่อน”
“เดี่ยวสิครับคุณ พุดทำไมรีบจังเลย ผมว่าจะถามว่าจ๋าเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ คุณจะไปหาเธออยู่แล้วพุดว่าไปถามเธอเองดีกว่า พุดขอร้องอะไรคุณภีมหน่อยได้ไหมคะ คุณภีมอย่าบอกใครว่าเจอฉันที่นี่นะคะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่พุดไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณเคยเจอพุดที่นี่ก็เท่านั้นเองค่ะ”
“คุณพุดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ค่อยดีเลยหรือมีเรื่องไม่สบายใจอะไร คุยกับผมได้นะครับ ผมอาจช่วยอะไรคุณไม่ได้แต่ก็ยินดีรีบฟัง การได้ระบายออกมาบ้างยังดีกว่าเก็บไว้คนเดียวนะครับ” รชตพัฒน์เห็นถึงความไม่สบายใจในแววตาของหญิงสาว ไม่ใช่แววตาที่สดใสเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่เห็นในครั้ง
พุดพิชชามองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้รชตพัฒน์ฟังดีหรือไม่ เพราะเธอเคยเจอเขาแค่ 2 ครั้ง เขาเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับเธอ แล้วเธอจะเชื่อใจเขาได้มากแค่ไหนเพราะขนาดคนที่เธอรักและพูดคุยกันอยู่เกือบทุกวันยังทำให้เธอเสียใจถึงขนาดนี้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พุดขอตัวนะคะ” พุดพิชชาหมุนตัวกลับ เธอไม่อยากให้รชตพัฒน์รู้เรื่องนี้เนื่องจากเขากับรัญภาคย์นั้นยังคงติดต่อและทำงานร่วมกันอยู่ และเพราะเธอรีบหมุนตัวอย่างรวดเร็วทำให้เธอเวียนศีรษะแล้วเซไปเล็กน้อยจนไปชนกับ รชตพัฒน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขารีบเข้ามาประคองก่อนที่เธอจะล้มลงไปที่พื้น
ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวเป็นลมหมดสติไป พนักงานในร้านต่างกรูกันเข้ามาปฐมพยาบาล แต่หญิงสาวก็ยังไม่ได้สติ รชตพัฒน์จึงอาสาจะพาเธอไปยังโรงพยาบาล เขาอุ้มหญิงสาวไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ
“คุณเป็นญาติผู้ป่วยหรือเปล่าคะ” พยาบาลเดินเข้ามาถามเขาที่ยืนรออย่างกังวลอยู่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
“ครับ” รชตพัฒน์รับสมอ้าง ทั้งที่เขาควรจะโทรศัพท์ไปบอกรัญภาคย์แต่จากการพูดคุยกับพุดพิชชาก่อนที่จะเป็นลมไปนั้นเธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอมาที่นี่ เขาควรรอให้เธอได้สติและถามเธอก่อนที่จะแจ้งไปยังรัญภาคย์
“คนไข้อ่อนเพลียมากคงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักคืน ส่วนเด็กในท้องนั้นปกติดีทุกอย่างค่ะ เชิญคุณตามมาด้านนี้เลยค่ะ” พยาบาลประจำห้องฉุกเฉินเป็นคนเดินมาบอกกับชายหนุ่ม เพราะเธอคิดว่าเขาคงจะเป็นบิดาของเด็กในท้อง
หลังจากขึ้นมาบนห้องพักแล้วพุดพิชชาก็ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง รชตพัฒน์มองใบหน้าของเธอแล้วก็สังเกตว่าดวงตาเธอบวมช้ำเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนัก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใจหนึ่งอยากโทรศัพท์ไปถามรัญภาคย์แต่ก็กลัวว่าพอหญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้วจะโกรธเขา แล้วรชตพัฒน์ก็นึกออกว่าเขาควรจะโทร. ไปหาใคร เขากดโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปยังคนที่เขาให้ไปเรียนรู้งานจากพุดพิชชา
“มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่ค่อยพอใจของมนัสยาทำให้เขาต้องแปลกใจเพราะปกติเธอไม่เคยมีน้ำเสียงแบบนี้กับเขา
“เปล่าครับ ผมจะโทร. มาถามว่าตอนนี้คุณเรียนรู้งานไปถึงไหนแล้วครับ”
“ก็ไม่ถึงไหนค่ะ พอดีทางนี้มีเรื่องนิดหน่อย จ๋าคงต้องอยู่ช่วยรัญทำงานที่นี่สักพัก คุณคงไม่ว่าอะไรนะคะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ แล้วมีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
“ก็เรื่องร้านนี่แหละคะ จ๋าต้องช่วยดูแลร้านไปก่อน”
“อ้าวแล้วคุณพุดไปไหน ทำไมจ๋าต้องไปดูแลร้านเองล่ะครับ” เมื่อได้ทีเขาก็ถาม
“จ๋าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ จ๋าขอตัวก่อนนะคะ” มนัสยารีบวางสาย
รชตพัฒน์คิ้วขมวดเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดตาอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณพุดค่อยๆ ลุกครับ” เขารีบบอกเมื่อเห็นพุดพิชชาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“คุณภีมพาฉันมาที่นี่เหรอคะ” เธอมองรอบๆ ห้องก็พอจะรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
“ครับ คุณเป็นลมผมเลยรีบพามา”
“ฉันอยากไปจากที่นี่” หญิงสาวทำท่าจะลงจากเตียง จนเขาต้องรีบเดินไปรั้งร่างบอบบางของเธอให้กลับขึ้นไปบนเตียงอย่างเดิม
“ไม่ได้หรอกครับ หมอบอกว่าคุณอ่อนเพลียมากเลยอยากให้นอนพักสักคืน”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เธอไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะกลัวว่าเขาจะบอกรัญภาคย์
“เชื่อหมอเถอะครับผมไม่รู้ว่าเกิดไรขึ้นกับคุณ แต่อย่างน้อยก็ควรจะเห็นแก่ลูกในท้องนะครับ ถ้าสุขภาพแม่ไม่ดีก็จะส่งผลกับลูกในท้องด้วยนะครับ” เขารู้ดีว่าผู้หญิงทุกคนรักและห่วงลูกมากกว่าห่วงตัวเองเองด้วยซ้ำ
“คุณภีมรู้” เธอหน้าซีดลง เพราะกลัวเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูรัญภาคย์
“ครับ หมอบอกกับผมเพราะคิดว่าผมเป็นพ่อเด็กในท้อง แต่ไม่ต้องกังวลเพราะผมยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร”
“ฉันขอโทษนะคะทีทำให้คุณต้องมาพลอยเดือดร้อนไปกับฉันด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพียงแต่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมคุณรัญถึงให้คุณเดินทางคนเดียวแบบนี้”
พุดพิชชาร้องไห้ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เธอพึ่งเจอมา หญิงสาวไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกแล้ว คงเพราะรักและเชื่อใจเขามากเธอจึงปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาจนตัวเองท้องโดยที่เขานั้นยังไมรู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีลูกอยู่ในท้องของเธอ ความรู้สึกเสียใจครั้งนี้เธอเจ็บและเสียใจมากกว่าครั้งที่รู้ว่าอธิกรกับลลิตาแอบคบหากัน
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว