อาสาพาใจ

บท 4 น่ารัก

บท 4

น่ารัก


สองวันถัดมา คาวางาชิซังพาอาสาสมัครทุกคนออกมาซื้อของใช้ที่ขาดเหลือกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในตัวเมือง ฮิดากะเป็นเมืองเล็กๆที่ขับรถอ้อมทั้งเมืองได้ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่สุดของกิ่งจังหวัดนี้จึงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหนาหลายตา

อากาศหนาวเย็นและหิมะที่กำลังตกไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการสัญจรของคนเมืองนี้แต่อย่างใด ทุกคนเตรียมตัวใส่เสื้อไหมพรมตัวหนา พกร่ม พกถุงไคโระ(แผ่นร้อนป้องกันความหนาว)มาอย่างดี รวมถึงชาวต่างชาติที่มาเยือนเมืองนี้อย่างพวกเธอด้วย

มีรดากระชับเสื้อโค้ทขนเป็ดของเธอให้แน่นขึ้น ก่อนจะเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตตามคนอื่นๆไป วันนี้เธอรู้สึกหนาวมากเป็นพิเศษ ไม่รู้เพราะว่าหิมะตกเลยทำให้อากาศชื้นขึ้นหรือเพราะตัวเธอโดนหิมะเลยทำให้ตัวเปียกเล็กน้อย

เอมิพาเธอเดินเลือกของใช้ต่างๆ พลางอธิบายแผนผังของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ มีรดาพยักหน้าเออออตามสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มข้างๆ แต่สายตากลับจับจ้องไปยังร่างสูงที่กำลังเลือกผลไม้อยู่โซนใกล้ๆพวกเธอ

สองวันมานี่ เธอไม่ค่อยได้คุยกับเขาเท่าไหร่ หลังจากที่เธอโพล่งออกไปโดยความโมโหว่า ‘วินทร์ไม่อยากมีเพื่อน งั้นมีแฟนแทนมั้ยล่ะ เดี๋ยวไซน์จัดให้เลย!’

เขาก็ไม่คุยอะไรกับเธอเลย แถมยังเย็นชากับเธอกว่าเดิมอีก มรีดาได้แต่กุมขมับในความปากไวของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าคำพูดของเธอจะทำให้เขาคิดถึงรักแรกของเขาขึ้นมารึเปล่า

หญิงสาวเป่าลมหายใจออกทางปากเบาๆ เธอแค่ล้อเล่นเองนะ แต่ถึงยังไงเธอก็รู้ตัวว่า ยังไม่ควรคุยอะไรกับเขาตอนนี้ เลยได้แต่สงบปากสงบคำไว้

มีรดาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่เธอกำลังนึกถึงอยู่เตรียมจะเดินไปอีกทางแต่โดนชนเข้ากับเด็กน้อยชาวญี่ปุ่นน่าตาน่ารักน่าเอ็นดูอายุราวๆ 10 ขวบ เด็กชายน้อยล้มลงก้นกระแทกพื้นตามแรงชน แต่ทว่าไม่ร้องสักแอะ เงยหน้ามองร่างสูงที่เขาวิ่งชนตาใสแปป๋ว

ธวินทร์รีบก้มลงช่วยพยุงร่างเล็กกว่าให้ลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มอ่อนโยน เอ่ยปากขอโทษเด็กชายตรงหน้า

“ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่เจ็บครับ ขอโทษที่ชนนะครับ” เด็กชายน้อยตอบกลับเสียงใส แล้วโค้งให้ชายหนุ่มอย่างสุภาพ

ธวินทร์พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อรับคำขอโทษ จากนั้นก็ลงไปนั่งยองให้ระดับความสูงพอๆกับเด็กชายตรงหน้าเขาเพื่อคุยกันสะดวก

“ทีหลังอย่าวิ่งนะ มันอันตราย”

“ครับ ขอโทษครับ พอดีผมพลัดหลงกับแม่ เลยวิ่งหาไปทั่วเลย”เด็กน้อยก้มหัวอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“อืม… งั้นพี่ช่วยตามหา” ธวินทร์คุยกับเด็กชายเรื่องรูปพรรณสัณฐานของคุณแม่สักครู่ ก่อนจะจับมือเล็กเดินไปเช็คตามแต่ละโซนว่าคุณแม่ของเด็กชายอยู่ที่ไหน

มีรดามองตามการกระทำนั้น พลางยิ้มบาง

หมอนี่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนี่นา ทำไมกลับเย็นชากับเธอจัง เชอะ


ทุกคนทยอยออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเตรียมกลับฟาร์มม้า ธวินทร์เดินมาถึงรถเป็นคนสุดท้ายจึงต้องนั่งที่ว่างที่เหลือ นั่นก็คือเบาะหลังสุดโดยมีมีรดานั่งอยู่ก่อนแล้ว ธวินทร์เลยจำเป็นต้องนั่งข้างเธออย่างช่วยไม่ได้

มีรดาไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง เพราะพวกเพื่อน 3 คนด้านหน้าอยากคุยเม้ามอย แต่เธออยากงีบมากกว่า เลยขอมานั่งด้านหลังสุด

ธวินทร์เข้ามานั่งข้างๆเธอโดยพยายามเว้นระยะห่าง แต่ด้วยพื้นที่รถด้านหลังไม่ได้มีมากนัก แถมยังใช้วางข้าวของที่เพิ่งซื้อมา ไหนจะเสื้อโค้ทอีก ทำให้เขาต้องนั่งติดกับเธอจนแขนเบียดกัน มีรดากระแอมเบาๆไล่ความรู้สึกแปลกๆในใจ

ที่เหมือนมีไฟฟ้าช๊อตตอนแขนทั้งคู่สัมผัสกัน แม้จะมีผ้าหนาๆบดบังผิวกายก็เถอะ

“นี่ ขนม ซื้อมาฝาก” มีรดายื่นชีสเค้กชิ้นเล็กในถุงลายน่ารักไปให้คนข้างตัว

ร่างสูงรับมาพร้อมเอ่ยขอบคุณ

จากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวกลับฟาร์มม้าคาวางาชิ

ทำไมวันนี้ทางถึงขรุขระนักนะ ระหว่างทางกลับฟาร์มรถโยกไปมาหลายรอบทำให้เธอกับเขายิ่งเบียดกันเข้าไปอีก จนมือทั้งสองชนกัน

เธอรับรู้ถึงมือเย็นเฉียบของเขา

เขารับรู้ถึงมือเล็กที่อบอุ่นของเธอ

ทั้งสองเกิดอาการนิ่งเงียบไปทั้งคู่

มีรดาเก็บมือมากอดอกไว้ ด้วยกลัวจะทำให้ชายหนุ่มข้างตัวไม่สบอารมณ์ ได้แต่คิดในใจว่า ทำไมมือเขาถึงเย็นนักนะ หรือว่าเขาไม่ใส่ถุงมือตั้งแต่ออกจากฟาร์ม หรือว่าเพราะไม่พกถุงไคโระติดตัว

เธอจึงเอ่ยถามเสียงเบาให้คนข้างๆได้ยินแค่คนเดียว

“เอาไคโระมารึเปล่า”

“ไม่ได้เอามา” ธวินทร์ตอบเสียงเรียบ แต่ก็ขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความสงสัยว่าเธอถามเขาทำไม

“อ่ะ นี่” มีรดาหยิบถุงไคโระที่เพิ่งซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อกี้ แบ่งไปให้เขา 2 ถุง “มือนายเย็นมาก เอาไคโระช่วยหน่อย”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่ได้ยื่นมือไปรับ

มีรดาเห็นเขาเงียบ เลยวางถุงไคโระไว้บนตักเขา ก่อนจะเบนหน้าหันไปมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกกระจกรถ


วันนี้เลิกงานเร็ว

เพราะหิมะทำท่าจะตกช่วงกลางคืน โฮสตายายเลยให้อาสาสมัครทุกคนเร่งมือทำงาน จะได้ทานข้าวเย็นเร็วหน่อย แล้วจะได้แยกย้ายไปพักผ่อน

ฤดูหนาวทำให้ฟ้ามืดเร็ว แค่ช่วง 5 โมงก็เริ่มมืดแล้ว ดีที่ทุกคนเร่งมือ จึงได้ทานข้าวเย็นกันตอน 5 โมงครึ่ง และประมาน 6 โมงกว่าๆ โฮสทั้งสองก็ไล่ทุกคนให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก

อาสาสมัครทั้ง 5 ทยอยไปอาบน้ำทีละคน เอมิเข้าไปอาบคนแรก ระหว่างที่รอ มีรดาจึงเดินออกไปหยิบฟืนที่บริเวณโถงหน้าบ้านเพื่อเอามาเติมในเตาผิง แต่เพราะเธอไม่เคยทำงานนี้มาก่อน เลยไม่ได้หยิบถุงมือสำหรับหยิบจับอุปกรณ์มาใส่เพื่อป้องกันเสี้ยนตำ

“โอ้ย” มีรดาสะดุ้งเพราะโดนเสี้ยนไม้จากท่อนฟืนตำเข้าที่นิ้ว เธอทนถือกองฟืนเหล่านั้นไปที่เตาผิง และเห็นว่าธวินทร์กำลังนั่งใส่ฟืนเพิ่มเข้าไปในเตาอยู่ เขาเห็นมีรดาเดินอุ้มกองฟืนมาจึงเดินเข้ามาช่วยถือ แต่นิ้วมือของเขาไปกระทบกับนิ้วมือของมีรดาที่โดนเสี้ยนไม้ตำอยู่พอดี ทำให้มีรดาร้องออกมา

“อุ๊ยๆ เจ็บๆ”

“เป็นอะไร” ธวินทร์วางกองฟืนลงที่พื้น และหันมาถามเธอพลางมองสำรวจนิ้วมือของหญิงสาวที่กำลังสะบัดไปมาอยู่

“เสี้ยนตำ” มีรดาตอบ พร้อมกับยกนิ้วที่โดนตำขึ้นมาให้เขาดู

“ไกลหัวใจ” ชายหนุ่มว่าพลางนั่งลงบนเบาะหน้าเตาผิง

มีรดาค้อนขวับใส่ร่างสูงทันที ไกลหัวใจแต่ก็เจ็บนะโว้ย!

“มานี่มา” เสียงเรียกทุ้มนิ่งจากชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีดำนิลที่มองผ่านแว่นสีเงินมายังร่างบางที่ยืนมองค้อนเขาอยู่

“มาเหอะหน่า” เห็นร่างเล็กยืนนิ่งไม่ขยับ เขาจึงเอ่ยปากอีกรอบ

มีรดาค่อยๆเดินมานั่งเบาะหน้าเตาผิงข้างๆธวินทร์

“เอามือมา”

“...” ร่างบางค่อยๆยื่นมือไปหาคนตรงหน้า

เห็นหญิงสาวว่าง่าย ชายหนุ่มก็หยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจับนิ้วมือเรียวเล็กของคนตรงหน้ามาจ้องมองอย่างพิจารณา

“นิ้วนี้ใช่มั้ย”

“อืม...”

ธวินทร์ค่อยๆใช้แหนบอันเล็กที่หยิบมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ คีบเสี้ยนสีน้ำตาลขนาดเล็กจิ๋วจากผิวเนื้อของเธอ

เขาจับมือเธออย่างแผ่วเบา สายตาจับจ้องไปที่นิ้วและเสี้ยนเจ้าปัญหานั่น เธอมองการกระทำของเขานิ่งๆ รู้สึกตัวว่าใบหน้าตัวเองเริ่มร้อนผ่าว ในใจกลับยิ่งแล้วใหญ่ เต้นครึกโครมตั้งแต่เขาเอ่ยปากเรียกเธอด้วยซ้ำ

“คราวหลังจะหยิบฟืน ก็หัดใส่ถุงมือด้วย” ร่างสูงปล่อยมือเล็ก พร้อมกับเอ่ยเตือนน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความเข้ม เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก

“รู้แล้วหน่า...” มีรดาที่ตอนนี้แก้มร้อน ไม่กล้าสบตาร่างสูง ได้แต่เอ่ยตอบเสียงเบา “ขอบคุณมาก”

“อืม ขอบคุณเหมือนกัน สำหรับไคโระ”

มีรดาได้ยินเขาขอบคุณเธอ ก็เงยหน้าขึ้นทันที พอดีกับร่างสูงที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว สองคนสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร

มีรดาสบสายตาเรียบเฉยของเขา ยิ่งทำให้แก้มเธอร้อนขึ้นกว่าเดิม แว่นตากลมสีเงิน ไม่สามารถบดบังเสน่ห์จากดวงตาของเขาได้เลย แววตาเรียบเฉย ทว่าล้ำลึก เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากเผยออกมา

ธวินทร์มองแววตาค้นหาของอีกฝ่ายนิ่งเช่นกัน แววตาสุกใสของเธอมองเข้ามาในดวงตาเขาเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขาเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำนานมากแล้ว

ดวงตาคนตรงหน้าเหมือนกวางน้อยที่ซุกซน นัยน์ตาใสสกาวนั้นทำให้คนมองนึกเอ็นดูได้ไม่ยาก รอยยิ้มของเธอก็ช่างสว่างสดใสและอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ยิ่งเธอยิ้มกว้างจะเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้ายทำให้เธอดูน่ารักขึ้นเป็นกอง กอรบกับแก้มป่องใสๆนั่นอีก

ธวินทร์มองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง

จริงๆตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเธอ หัวใจเขาก็รู้สึกเหมือนมีไออุ่นวาบเข้ามาอีกครั้ง

แต่เขาเลือกที่จะเมินเฉย

หัวใจที่ด้านชาของเขาจะกลับมามีความรู้สึกอีกครั้งเหรอ...

ธวินทร์รู้สึกตัว หลังจากเสียงเรียกของเอมิดังขึ้น เขาเดินผละจากคนตัวเล็กตรงหน้าเข้าห้องนอนของตัวเองไปทันที ทิ้งให้ร่างบางมองตามตาปริบๆ นึกย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาเอาเสี้ยนไม้ออกจากนิ้วให้เธอ หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้กับประตูห้องของคนที่เดินจากไปเมื่อครูู่

จะว่าไป นายก็น่ารักเหมือนกันนะ


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว