จอมใจในไฟมาร-34. การกลับมาของผู้ที่ตายแล้ว

โดย  GN

จอมใจในไฟมาร

34. การกลับมาของผู้ที่ตายแล้ว

20. ความฝันที่พังทลาย



“คุณชาหอมดูอารมณ์ดีนะคะวันนี้”

ป้าหงส์ทักขึ้นในเช้าวันต่อมาภายในห้องรับประทานอาหาร ชาหอมเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าแม่บ้านที่ยืนไม่ไกลจากโต๊ะอย่างแปลกใจ

“หอมว่าหอมก็อารมณ์ประมาณนี้ทุกเช้าอยู่แล้วนะคะป้าหงส์”

“ไม่จริงค่ะ ปกติคุณชาหอมลงมาทานมื้อเช้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มยากต่างจากวันนี้ที่สีหน้าดูอิ่มไปด้วยความสบายใจ เป็นครั้งแรกที่เห็นชาหอมดูผ่อนคลายอารมณ์ดีแบบนี้”

ตรัย อาทิตยาทานมื้อเช้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามจับไปที่ใบหน้าสวยเชิดสังเกตตามที่ป้าหงส์ทัก เขาเห็นตามที่ป้าหงส์บอกไว้ไม่มีผิด

“สีหน้าเธอดูดีขึ้นจริงๆ ชอบล่ะสิที่นอนในอ้อมกอดฉันทั้งคืน”

“ผีเจาะปากมาพูดหรือไงคุณตรัย? เบาๆหน่อยก็ได้นั่งใกล้แค่นี้ อีกอย่างอย่าหลงตัวเองให้มากนัก!”

ชาหอมใบหน้าแดงก่ำเธอไม่กล้ามองไปยังป้าหงส์และคนรับใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเนื่องจากเขินอาย

“ก็ฉันพูดความจริงนี่ชาหอม เมื่อคืนเราก็นอนกอดกันจริง...ถ้ารู้ว่านอนกอดแล้วทำให้ให้เธออารมณ์ดีได้ฉันทำไปนานละ”

“เมื่อคืนฉันอึดอัด นอนไม่สบาย เมื่อย ฉะนั้นไม่ต้องมาทำแบบเมื่อคืนอีกนะ”

พูดจบชาหอมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารส่งสายตาค้อนไปยังชายผู้กระเซ้าเธอจนมิอาจอยู่ร่วมโต๊ะอาหารได้ในเช้านี้อีกต่อไป ใบหน้าสวยเชิดที่แดงก่ำด้วยความเขินรีบเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารโดยมีสายตาของตรัยมองตามด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่เพียงชาหอมคนเดียวที่เปลี่ยนไปรวมไปถึงตัวของตรัย อาทิตยาด้วยเช่นกันที่โดยปกติจะคงไว้ด้วยสีหน้าราบเรียบ ดุดัน ตลอดระยะเวลาที่ป้าหงส์เฝ้าดูแลตรัยมาหลายปีเรื่องที่ทำให้มาเฟียหนุ่มคนนี้ยิ้มแทบจะนับนิ้วได้จนมาช่วงหลังตั้งแต่ที่ชาหอมเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ จากคนที่แสดงสีหน้าราบเรียบอยู่แทบตลอดกลับปรากฏสีหน้าเปื้อนยิ้ม ห่วงใย เคร่งเครียด คละกันไปอยู่เสมอซึ่งสำหรับป้าหงส์มันคือการเปลี่ยนไปในด้านดีขึ้นของคนที่ใจร้อนมุทะลุจนเป็นนิสัยของตรัยให้เผยด้านที่อ่อนโยนหาใช่ยักษ์มารตามที่คนนอกมองตรัยเป็นเช่นนั้นเสมอมา หากแต่เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอเมื่อหลี่เฉียงรายงานว่าคาสิโนที่มาเก๊ามีปัญหาและตรัยต้องบินไปภายในวันสองวันที่จะถึง จากสีหน้าเปื้อนยิ้มกลับกลายเป็นความผิดหวังเพราะเขาเพิ่งจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับชาหอมเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!



ชาหอมใช้ชีวิตตามปกติในการเข้าเรียนในช่วงเช้าแม้จะมีช่วงเวลาร่วมคลาสเรียนกับคนินแต่ชาหอมก็เลือกที่จะนั่งห่างจากอดีตแฟนเก่าที่ยังตัดใจจากเธอไม่ได้ คนินเองก็รู้ในสถานะว่าในตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเกี่ยวกับเธอมากนักในตอนนี้แม้เขาจะยังคงรักชาหอมและแค้นใจกับการที่รู้ว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับมาเฟียอย่างตรัย อาทิตยาด้วยเหตุผลที่เขายังไม่รู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาดักรอหลังจากที่ชาหอมเลิกฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เพื่อจะบังคับถามกับเธอให้รู้เรื่องระหว่างเดินไปที่รถยนต์ แต่กลับพบว่ามีการ์ดรักษาความปลอดภัยที่ตามชาหอมมาได้เข้ามากระชากร่างเขาออกจนเกือบโดนทำร้ายร่างกายหากชาหอมไม่ช่วยพูดขอไว้

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าหอมมีคนเฝ้าตามอยู่? เลิกยุ่งกับหอมสักทีคนิน หอมไม่อยากให้คนินต้องเจ็บตัวเพราะหอมอีก”

นับแต่นั้นคนินเริ่มสังเกตถึงกลุ่มการ์ดรักษาความปลอดภัยของมาเฟียที่คอยตามอยู่รายรอบตัวของชาหอมไม่ห่าง บ้างแต่งตัวด้วยเชิ๊ตดำสังเกตง่าย บ้างแต่งตัวด้วยชุดนิสิตนักศึกษาที่อาจดูได้ยากหน่อยไปจนกระทั่งมีการ์ดที่เป็นหญิงปลอมตัวก็มี นั่นทำให้เขาเข้าหาตัวของชาหอมได้ยากยิ่งพร้อมกับยิ่งอยากจะรู้ว่าชาหอมไปพัวพันกับมาเฟียที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอย่างตรัยได้ยังไง? ระหว่างที่กำลังฟังบรรยายอยู่เสียงข้อความไลน์ของชาหอมและคนินก็ดังขึ้นพร้อมกันเมื่อทั้งคู่เปิดดูพบว่าเป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในไลน์กลุ่มของชมรมเชียร์ เมื่อเปิดเนื้อหาคนินมองด้วยสายตาเขม็งพร้อมกับหันไปมองชาหอมที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องสีหน้าของเธอซีดเผือดในสิ่งที่ถูกส่งต่อในกลุ่มไลน์ของชมรมเชียร์ตอนนี้! ชาหอมรีบลุกขึ้นเดินออกจากคลาสเรียนไปในทันทีโดยคนินรีบเดินตามหลังเธอออกไป

“นี่มันอะไรกันหอม? มันไม่จริงใช่ไหม?”

คนินละล่ำละลักถามอดีตคนรักแต่เธอไม่ตอบมีแต่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนคนินต้องคว้าข้อมือบอบบางของเธอ

“หอมจะไปไหน? บอกผมก่อนว่าข้อความในไลน์กลุ่มมันไม่จริงใช่ไหม?”

“ปล่อยคนิน หอมกำลังจะไปที่ชมรมเชียร์ไปดูว่าเป็นฝีมือใครที่ทำแบบนี้?!”

“ถ้าหอมไปตอนนี้ผมว่าจะยิ่งแย่กว่าเดิมนะ เชื่อผมเถอะ!”

ถูกของคนินหากเธอไปชมรมเชียร์ตอนนี้ก็ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว เสียงไลน์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อคนินเปิดอ่านต่างเป็นคำถามถี่รัวจากสมาชิกในชมรมเชียร์ถึง‘บัตรสนเท่ห์’ที่ถูกติดอยู่ในชมรมโดยพุ่งเป้ามาที่ชาหอมเพียงคนเดียว คนินสัมผัสได้ถึงอาการสั่นเทาจากข้อมือที่บอบบางใบหน้าสวยเชิดเต็มไปด้วยความซีดเซียว

“ปล่อยเถอะคนิน หอมขอร้อง!”

ชายหนุ่มยอมตามคำขอเมื่อเห็นน้ำตาใสคลอเบ้าชาหอมแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากรู้ความจริง

“มันไม่จริงใช่ไหมหอม? มีคนใส่ร้ายหอมใช่ไหม?”

ถึงชาหอมไม่ตอบแต่ท่าทางอึดอัดและน้ำตาที่คลอเบ้าก็เป็นคำตอบที่ทำให้คนินรู้สึกเจ็บและจุกจากอกขึ้นมาถึงลำคอ เมื่อข้อความในบัตรสนเท่ห์ระบุชัดว่าตอนนี้เธอถูกเลี้ยงดูเป็นภรรยาโดยผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งพร้อมกับแนบรูปถ่ายตอนที่เธอเดินออกมาจากร้านอาหารจีนในวันที่เจอกับเจนนี่โดยเป็นรูปที่เธอเดินคู่กับใครคนหนึ่งที่ถูกเบลอหน้าแต่รูปลักษณ์การแต่งตัวคนินไม่ลืมว่านั่นคือตรัย อาทิตยาอย่างชัดเจน!

“ถ้ามีโอกาสหอมจะเล่าให้คนินฟัง แต่ตอนนี้หอมต้องไปที่ห้องชมรมก่อน”

ชาหอมพูดด้วยเสียงสั่นเครือก่อนจะวิ่งหายลงบันไดไปทิ้งให้คนินยืนอยู่ด้วยความรู้สึกสับสนเมื่อพบกับความจริงที่เขาเฝ้าตามหา ระหว่างที่ชาหอมวิ่งไปยังห้องชมรมเชียร์เธอกำลังคิดว่าใครกันที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับตรัย อาทิตยาในเมื่อมีแค่เธอและมินิเท่านั้น มินิไม่มีทางหักหลังเธออย่างแน่นอนซึ่งนั่นทำให้การหาคำตอบยิ่งมืดแปดด้านไปอีกแต่ถึงอย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือชาหอมต้องไปเอาบัตรสนเท่ห์นั่นออกพร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดเสียก่อน


อีกด้านวินและผึ้งรุ่นพี่แห่งชมรมเชียร์เดินทางไปถึงห้องชมรมเห็นมีกลุ่มคนที่เป็นทั้งสมาชิกและไม่ใช่อยู่ภายในห้องจำนวนหนึ่ง วินที่เป็นประธานชมรมเชียร์ทำหน้าที่เป็นพี่ว๊ากไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับชมรมเชียร์ให้ออกไปส่วนผึ้งเดินปรี่ไปกระชากบัตรสนเท่ห์ก่อนฉีกจนเป็นซากชิ้นพร้อมกับปรายตามองไปเพื่อหาคนร้ายที่ทำเรื่องสกปรก จังหวะนั้นชาหอมวิ่งมาถึงที่ห้องพอดีสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอเป็นสายตาเดียวแทบจะในทันที

ชมรมเชียร์ได้เรียกประชุมเป็นการเร่งด่วนในวันนั้นโดยสมาชิกชมรมที่เป็นรุ่นพี่นำโดยวินประธานชมรมและผึ้งผู้นำคุมเชียร์ลีดเดอร์รวมไปถึงทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ถูกเรียกมาทั้งทีมเพียงเท่านั้น เนื่องจากข้อความในบัตรสนเท่ห์เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมาชิกคนสำคัญของทีมเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยโดยตรงผึ้งจึงรับหน้าที่เป็นคนสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ชาหอมข้อความที่อยู่ในบัตรสนเท่ห์เกี่ยวกับเธอมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

“ไม่จริงค่ะ”

ชาหอมจำใจต้องโกหกทั้งที่เธอเกลียดการหลอกลวงเป็นที่สุดเพื่อรักษาชื่อของเธอไว้

“เรื่องนี้สำคัญมากนะชาหอม เพราะถ้าเธอโกหกพี่แล้วความจริงถูกเผยในภายหลังมันจะไม่ใช่แค่เธอนะที่เสียชื่อเสียงแต่จะรวมถึงชมรมเชียร์และทีมเชียร์ด้วย”

ผึ้งถามย้ำกับรุ่นน้องอีกครั้งช่วงหลังมานี้ชาหอมเป็นรุ่นน้องที่เธอเอ็นดูไม่ต่างจากน้องสาวซึ่งในเมื่อเกิดเรื่องฉาวผึ้งจึงอยากปกป้องน้องสาวคนนี้ แต่นั่นต้องให้ชาหอมยืนยันเสียก่อนว่าข้อความในบัตรสนเท่ห์ไม่ใช่เรื่องจริง ชาหอมมีท่าทีอึดอัดเธอไม่รู้ว่าคนที่แปะบัตรสนเท่ห์นี้คือใครและมีหลักฐานอะไรบ้างหากเธอโกหกออกไปแล้วปรากฏหลักฐานทีหลังนั่นเท่ากับเธอจะทำลายความเชื่อใจของผึ้งและคนอื่นทั้งหมดไปด้วย! ระหว่างนั้นเองเสียงข้อความไลน์ดังมาจากวินที่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูสีหน้าประธานชมรมเชียร์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดพลางยื่นสมาร์ทโฟนของตนให้กับผึ้งดู

“ไม่ทันแล้วว่ะมึง รูปบัตรสนเท่ห์น่าจะถูกส่งไปตามกลุ่มไลน์ชมรมและคณะอื่นไปเรียบร้อยแล้ว! นี่เพื่อนกูที่อยู่คณะวิศวะกับทีมบอลส่งไลน์มาถามเรื่องนี้เลย”

“ใครมันทำเรื่องสกปรกแบบนี้วะ?”

ผึ้งบ่นด้วยความโมโหพลางจ้องมองไปยังทีมเชียร์ลีดเดอร์เพราะคงไม่มีใครน่าสงสัยได้มากเท่าความแก่งแย่งชิงดีภายในทีมอีกแล้วเพราะชาหอมได้ยืนในตำแหน่งสำคัญในงานบอลประเพณีที่จะถึงนี้

“เขมว่าใครทำไม่สำคัญเท่ากับเรื่องนี้เผยแพร่ไปยังด้านนอกชมรมแล้วพี่ผึ้งยังจะให้ชาหอมอยู่ในทีมเชียร์ลีดเดอร์อีกหรือคะ?”

เป็นเขมรุจิที่พูดขึ้นมาโดยปรายตาไปยังคู่แข่งคนสำคัญที่จ้องมองกลับอย่างไม่พอใจ

“แค่บัตรสนเท่ห์ที่พิสูจน์อะไรไม่ได้ใบเดียวเธอถึงขนาดจะปลดเพื่อนร่วมทีมเธอเชียวเหรอเขมรุจิ?”

ผึ้งถามอย่างเดือดดาลขณะที่เขมรุจิยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับ

“แต่ชาหอมก็ยังไม่ได้ยืนยันคำพูดที่ผึ้งถามเลยนี่คะว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่า? จริงไหมชาหอม? อีกอย่างพี่ผึ่งเป็นคนพูดเองนะคะว่าปีนี้งานบอลประเพณีได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ข่าวคาวเช่นนี้ต่อให้จริงหรือไม่จริงคงเลี่ยงที่จะอดพูดถึงในเชิงลบกับทีมเชียร์ลีดเดอร์ไม่ได้”

ชาหอมจ้องมองเขมรุจิด้วยแววตาแดงก่ำพร้อมกับรู้ตัวว่าคงถึงเวลาที่ต้องทิ้งความฝันที่อยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยไว้แค่ตรงนี้!

“จริงอย่างที่เขมรุจิพูดค่ะพี่ผึ้ง ต่อให้หอมยืนยันแต่ข้อความในบัตรสนเท่ห์มันคงไปทั่วมหาลัยแล้ว เพื่อเป็นการตัดปัญหาหอมขอลาออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์ค่ะ”

ทุกคำที่พูดออกมาแม้จะด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดของชาหอม เธอพยายามเชิดหน้าสู้โดยไม่แสดงอาการอ่อนแอขึ้นมาทั้งที่ในตอนนี้เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ! ผึ้งมองมาที่เธอด้วยความเข้าใจก่อนพยักหน้า ชาหอมลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องชมรมเชียร์ทันทีท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัดและสายตาที่พึงพอใจของเขมรุจิ



ร่างงามระหงในชุดนักศึกษาเดินออกมาเร่งฝีเท้าไปที่รถยนต์ของเธอให้เร็วที่สุดก่อนจะหมดปัญญากั้นน้ำตาไว้ได้ หลี่เฉียงที่วันนี้มาเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้เธอเห็นความผิดปกตินั้นแต่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ก่อนที่เขาจะวิ่งตามเพื่อไตร่ถามก็เห็นผึ้งวิ่งตามหลังชาหอมออกมาเขาจึงเรียกไว้

“คุณ! ผมเอง...จำได้ไหม?”

ผึ้งหันมองหลี่เฉียงเธอย่อมจำได้ถึงคนที่ตามคุ้มกันชาหอมปรากฏตัวในคืนที่เกิดเรื่องพร้อมกับกำชับไม่ให้เธอแจ้งตำรวจ

“ผมเห็นคุณชาหอมวิ่งออกมาจากในอาคาร มันเกิดอะไรขึ้น?”


เมื่อขึ้นมาบนรถยนต์ชาหอมก้มใบหน้าสวยเชิดลงกับพวงมาลัยพร้อมกับพรั่งพรูน้ำตาออกมาพร้อม เสียงดังสะอื้นดังอยู่นานสองนาน โดยมีหลี่เฉียงที่เพิ่งได้ทราบเรื่องราวได้จับตามองเธออยู่ห่างๆโดยเขาได้โทรรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปให้กับตรัยได้รับรู้...


ชาหอมตั้งใจจะไปหาสิริยาผู้เป็นแม่แต่ด้วยผลจากการที่เธอร้องไห้อยู่ร่วมชั่วโมงจนตาบวมแดงช้ำเธอไม่อยากเอาปัญหาไปเพิ่มพูนให้สิริยาอีกจึงตัดสินใจกลับไปที่คฤหาสน์ของตรัยแทนโดยหวังจะรีบขึ้นห้องนอนอยู่คนเดียวและพักผ่อนสักงีบ ทว่าเมื่อกลับไปถึงชาหอมกลับพบต้นเหตุแห่งความพังพินาศทั้งหมดในชีวิตเธอยืนรออยู่ก่อน

“มานี่!”

ตรัยฉุดมือของเธอพาเข้าห้องทำงานของเขาโดยผายมือให้ชาหอมนั่งลงบนเก้าอี้พลางจ้องมองไปที่นัยน์ตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้

“ฉันต้องการอยู่คนเดียวตอนนี้”

ชาหอมบอกกับตรัยเธอรู้ดีว่าไม่อาจซ่อนร่องรอยน้ำตาจากมาเฟียหนุ่มตรงหน้าได้และไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับเขาในตอนนี้ด้วย

“ฉันขอโทษชาหอม” ตรัยพูดพร้อมกับย่อร่างสูงโปร่งกำยำลงมองใบหน้าสวยเชิดที่นั่งบนเก้าอี้ “ฉันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่มหาลัยหมดแล้ว”

“ถ้ารู้แล้วก็กรุณาให้ฉันอยู่คนเดียวด้วยเถอะค่ะคุณตรัย”

“ถ้าเธออยู่คนเดียวตอนนี้มันจะดีขึ้นหรือไง?”

“คงดีขึ้นบ้าง แต่คงเทียบไม่ได้กับชื่อเสียงของฉันที่พังไป”

ชาหอมจ้องมองมาที่ตรัยอย่างมีนัยยะซึ่งเขาก็รู้ตัวดีว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะเขา! ตรัยลุกขึ้นยืนโดยฉวยมือที่บอบบางของหญิงสาว

“งั้นฉันจะชดใช้ในชื่อเสียงของเธอเอง ไปเก็บของเตรียมเดินทางไปกับฉันพรุ่งนี้”

“เดินทางกับคุณ....ไปไหน?”

“มาเก๊า ฉันจะชดใช้ที่ทำให้เธอต้องหลุดจากการเป็นลีดมหาลัยด้วยการซื้อของทุกอย่างที่เธออยากได้โอเคนะ?”

“ทุเรศ! ใช้เงินแก้ปัญหา”

“ก็ฉันรวย...จะทำไม?”

“ถ้ารวยนักคุณก็ยกหนี้ให้ครอบครัวฉันสิคะ”

“ยกหนี้เธอก็ไปจากฉันสิฉะนั้นจึงไม่ยกหนี้เด็ดขาด! ไปเก็บของให้เรียบร้อยห้ามบ่นเพราะนี่ช่วงโปรโมชั่นของเธอที่ฉันจะตามใจ”



รู้สึกตัวอีกทีชาหอมได้มายืนอยู่ที่สนามบินนานาชาติมาเก๊าในวันต่อมาพร้อมกับตรัย อาทิตยาและหลี่เฉียงหัวหน้าการ์ดรักษาความปลอดภัยที่เดินทางมาด้วย เมื่อเดินออกมาจากสนามบินปรากฏมีรถลีมูนซีนสีดำหรูหราจอดรออยู่ หลี่เฉียงเดินไปนั่งตรงด้านหน้าคู่กับคนขับปล่อยให้ตรัยผู้เป็นนายนั่งกับชาหอมเพียงสองคนที่ห้องโดยสารด้านหลัง

“รถของคาสิโนน่ะ เอาไว้คอยรับส่งแขกVIPที่มาใช้บริการ”

ตรัยอธิบายกับนางบำเรอคนสวยที่ดูจะตั้งคำถามผ่านสายตาขณะนั่งอยู่ภายในรถที่เคลื่อนตัวออกจากสนามบิน ชาหอมไปยังวิวด้านนอกผ่านกระจกใสติดฟิล์มเธอไม่เคยเดินทางที่มาเก๊ามาก่อนเพราะสำหรับเธอและแม่(สิริยา)มันเป็นสถานที่ที่พลวัฒน์พ่อของเธอชอบที่จะมาเล่นการพนันในวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้เธอมองสถานที่นี้ไม่ค่อยจะดีนัก แต่พอมาถึงและมองออกไปเธอกลับพบว่ามาเก๊าเป็นเมืองที่ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดที่ต่างจากฮ่องกงที่เธอกับแม่ชอบไปพอสมควรทั้งที่อยู่ห่างกันเพียงข้ามเกาะเท่านั้น ตึกราบ้านช่องเป็นอาคารพาณิชย์สูงเตี้ยสลับกันหลายอาคารรูปลักษณ์ออกไปทางสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอาจเป็นเพราะที่มาเก๊านั้นเคยอยู่ในการปกครองของโปรตุเกสมาก่อนซึ่งมีอิทธิพลในการเปลี่ยนรูปแบบอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเหล่านี้ให้ดูเป็นแบบตะวันตกผสมกับตะวันออกจนดูแปลกตา ตรัยยื่นแก้วไวน์คริสตัลที่บรรจุแชมเปญส่งให้กับชาหอมเธอรับมาพร้อมกับดื่มโดยสายตายังคงเพ่งมองไปยังวิวด้านนอกอย่างสนใจ ตรัยมองดูใบหน้าสวยเชิดที่กำลังเพลิดเพลินกับสถานที่แปลกตาจนลืมเลือนเรื่องราวความทุกข์ที่เกิดขึ้นโดยมีเขาเป็นต้นเหตุอย่างพอใจ อย่างน้อยเขาก็พอจะชดเชยสิ่งที่ทำไว้กับเธอได้บ้างที่สำคัญเมื่อชาหอมมาอยู่กับเขาที่นี่ตรัยก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องความปลอดภัยของเธออย่างครั้งก่อน รถลีมูนซีนแล่นเข้าเขตตัวเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูงใหญ่เทียมฟ้า ผู้คนที่เดินตามริมฟุตบาทหนาแน่น ตึกรูปร่างแปลกๆแต่สวยงามเริ่มปรากฏในสายตาจนชาหอมยิ่งมองด้วยความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น เธอมิอาจจะรู้เลยว่าที่มาเก๊าแห่งนี้มีบางอย่างที่สุขสุดๆและน่ากลัวสุดๆรอเธออยู่เช่นกัน!

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว