7.คำขอร้องของชาหอม
ชาหอมเข้ามาภายในห้องด้วยความรู้สึกที่ปนเปไปมาความรู้สึกแรกคือโล่งอกที่อย่างน้อยวันนี้เธอยังคงรักษาเนื้อตัวจากตรัยมาได้แม้จะถูกหอมแก้มแต่ก็ยังดีกว่าหากเขาจะทำอะไรที่มากกว่านี้ อย่างที่สองชาหอมเริ่มรู้สึกถึงความจงชังที่น้อยลงจากเจ้าหนี้หน้าเถื่อนอาจด้วยเพราะวันนี้เธอได้พอเห็นในมุมความเป็นสุภาพบุรุษที่ยังพอมีอยู่บ้างในการรักษาศักดิ์ศรีของเธอ จู่ๆชาหอมก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาซึ่งเธอจะลองเสี่ยงดวงดูในโต๊ะรับประทานอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้
“เธอจะขอสมัครเชียร์ลีดเดอร์มหาลัยเพื่อทำกิจกรรมงานบอลประเพณี”
ตรัยทวนคำขอของชาหอมที่บอกเขาบนโต๊ะอาหารในมื้อเช้าพลางคิดได้ถึงคำพูดของเธอที่เกริ่นเรื่องกิจกรรมมหาวิทยาลัยเมื่อวาน
“ใช่ค่ะ มันจะกินเวลาแค่ไม่กี่เดือนถ้าพ้นจากงานประเพณีไปฉันจะลาออกจากลีดเอง”
“บอกเหตุผลดีๆมาสักข้อหน่อยว่าทำไมฉันต้องให้เธอสมัครด้วย?”
“มันเป็นความฝันอย่างหนึ่งของฉันค่ะที่อยากทำอีกอย่างจากเหตุการณ์เมื่อวานอย่างน้อยฉันก็คิดว่าคุณก็ใจดีอยู่บ้าง”
ป้าหงส์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะอาหารเผยรอยยิ้มจ้องมองไปที่ตรัยที่จู่ๆหลบสายตาของชาหอมกะทันหัน เขากระแอมสองสามทีแสร้งยกกาแฟดำขึ้นมาดื่ม
“ไว้ฉันคิดดูก่อนแล้วให้คำตอบ”
“ค่ะ”
ชาหอมทานแฮมอีกสองสามคำเธอก็ลุกขึ้นขอตัวไปมหาวิทยาลัย เมื่อเธอเดินออกไปแล้วป้าหงส์จึงพูด
“เขินเหรอคะคุณตรัย?”
“เขินอะไรป้า...คนอย่างผมน่ะนะ เฮอะ”
“แต่เมื่อกี้ป้าเห็นคุณตรัยเขินนะ”
“ผมแค่...กำลังใช้ความคิดเรื่องที่ยัยนั่นขอมาต่างหาก”
ตรัยหันไปมองดูป้าหงส์ที่ยังยิ้มมองดูเขาอย่างเอ็นดูก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไปทำงานด้วยอีกคน
ชาหอมขับรถไปมหาวิทยาลัยอย่างมีความหวังเพราะอย่างน้อยอีตามาเฟียหน้าเข้มเจ้าหนี้เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยทันที จู่ๆข้อความไลน์ส่วนตัวเข้ามาเมื่อเธอเปิดชาหอมก็พบข่าวดีจนเธออยากจะกรี๊ดลั่นรถ
‘ฉันให้เธอสมัครแล้วทำตามคำพูดด้วยล่ะ อีกอย่างห้ามยุ่งกับผู้ชายคนไหน’
“ถ้าจะส่งข้อความเร็วขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่ที่โต๊ะอาหาร?”
ชาหอมบ่นกับตัวเองด้วยความสงสัยแต่ในเมื่อเธอได้รับอนุญาตจากตรัยแล้วไม่ว่าอะไรมันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ
อดุลย์มาคุยงานกับลูกค้าเกี่ยวกับโรงงานทำสบู่เพื่อส่งออกของเขาที่กำลังจะได้ออเดอร์ล็อตใหญ่จากลูกค้าเจ้าประจำ ระหว่างที่กำลังคุยเรื่องสัพเพเหระเขากลับได้ยินเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตรัย อาทิตยาที่ไปอาละวาดใส่สองเสี่ยพี่น้อง
“รู้ก็รู้ว่าชื่อเสียงของตรัยเป็นยังไง? ดุยิ่งกว่าหมาขนาดนั้นต่อให้ผมอับจนเงินทองขนาดไหนผมไม่ไปขอกู้เงินนายคนนี้เด็ดขาด”
“เอ แต่แปลกนะผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนอย่างตรัย อาทิตยาควงผู้หญิงไปคุยเรื่องงานด้วย”
“ใครก็แปลกใจทั้งนั้นแหละคุณอดุลย์ แถมบังคับให้สองเสี่ยก้มหัวขอโทษเด็กของตัวเองอีกแสดงว่าคนนี้หวงมาก”
“ผู้หญิงที่ไหนพอรู้ไหมครับ?”
“เห็นว่าชื่อชาหอมอะไรนี่แหละ”
“ชาหอม” อดุลย์ทวนคำอย่างพิศวง “แน่ใจเหรอครับว่าชื่อนี้?”
“ชื่อนี้แหละ เป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ไม่จำผิดหรอก”
หลังจากคุยธุระเรื่องงานเสร็จอดุลย์เดินขมวดคิ้วมาขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเขากดเบอร์โทรศัพท์ไปหาหมายเลขหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ประเทศไทย
“พี่พลครับผมอดุลย์นะ ผมมีเรื่องที่พี่จำเป็นต้องรู้มาบอกพี่”
“เรื่องที่คุณตรัยไปบังคับสองเสี่ยก้มศีรษะขอขมาคุณชาหอมกำลังดังในหมู่นักธุรกิจสายสีเทาถูกพูดถึงไปทั่วเลยครับ”
หลี่เฉียงเข้ามารายงานขณะที่ตรัยเพิ่งจะประชุมวีดีคอลสั่งงานผู้จัคการคาสิโนที่มาเก๊าเสร็จสิ้น
“ดีแล้ว ขอให้ถึงหูไอ้พลวัฒน์บ้างละกัน”
ตรัยพูดพลางตรวจเช็ครายงานที่ถูกส่งมาในอีเมล์จนกระทั่งเพิ่งสังเกตสายตาของหัวหน้าการ์ดหนุ่มที่ยังคงจ้องมองตัวเขา
“มีอะไรก็พูดมา”
“แค่สงสัยครับว่าที่ทำไปเมื่อวานคุณตรัยจงใจทำแบบนี้เพื่อหวังผลลัพธ์นี้หรือเปล่า?”
“นายก็รู้ว่าฉันแสดงละครไม่เก่ง อารมณ์เป็นยังไงก็แสดงไปอย่างนั้น”
“งั้นก็แสดงว่าคุณตรัยโมโหเสี่ยสองนั่นจริงๆที่มาดูถูกคุณชาหอมสินะครับ”
“ถ้าเขาดูถูกนายฉันก็โมโหนะ ใครมาดูถูกคนของฉันฉันโมโหหมดแหละ”
“คนของฉัน...โห ผมจำได้ว่ากว่าผมจะได้ความวางใจจากคุณตรัยจนได้คำนี้มากินเวลาเกือบปี แต่ใครบางคนมาแค่สองวันก็ได้คำนี้แล้วเหรอครับ?”
ตรัยเงยหน้ามองหลี่เฉียงเขม็งจนเขาต้องรีบขอตัวออกไปนอกห้องทำงาน เมื่ออยู่คนเดียวในห้องเขาได้แต่ครุ่นคิดถึงใบหน้าสวยเชิดในวันที่เขาเจอเธอครั้งแรกเมื่อคราวบนเวทีประกวดCover Dance เธอในตอนนั้นเต็มไปด้วยแววตาประกายสดใสมีความสุข แล้วตรัยสังเกตเห็นแววตานั้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ที่ชาหอมมาขอสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่มหาวิทยาลัยนั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขายอมปล่อยเธอไปสมัคร
“อะไรนะคะพ่อ? จะให้เขมจับตาดูยัยชาหอม เพื่อ??”
เขมรุจิโวยวายอดุลย์ผู้เป็นพ่อโดยส่วนตัวเธอก็ไม่ได้ชอบหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่างชาหอมอยู่แล้วนี่ยังต้องมาจับตาดูคนที่เธอไม่ชอบอีก แต่เมื่อปลายสายขู่จะตัดเงินซื้อของในแต่ละเดือนในที่สุดเธอก็ต้องยอม
“โอเคค่ะ แต่งานนี้เขมไม่ทำให้ฟรีนะขอเงินพิเศษด้วย”
อดุลย์วางสายไปทันทีจนเขมรุจิขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเป็นจังหวะเดียวกับที่บุคคลที่เธอได้รับการไหว้วานจากผู้เป็นพ่อกำลังเดินมาพร้อมกับมินิเพื่อนสนิท ด้วยท่าทางอารมณ์ดีจนเขมรุจิอดจะจิกกัดไม่ได้
“ดีใจอะไรเหรอจ๊ะเพื่อนรัก แหม ช่วงนี้ไม่ได้เห็นหน้าเลยนะ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หอมมันไปสมัครเป็นลีดมหาลัยแล้วก็คัดเลือกผ่านแล้วด้วย”
มินิตอบให้แทน เขมรุจิมองหน้าชาหอมที่เต็มไปด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่สมัครเสียอีก”
“แค่ฉันสมัครช้าอย่าคิดว่าฉันจะไม่สมัครสิเขม”
เขมรุจิที่อุตส่าห์ดีใจเมื่อไม่เห็นคู่แข่งคนสำคัญในการสมัครเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยเธอจะได้โดดเด่นโดยไม่ต้องมีรัศมีของชาหอมมาบดบังดังเช่นผ่านๆมาแต่ในเมื่อรู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าทำให้เธอย่อมรู้สึกผิดหวังไม่น้อย ชาหอมที่อ่านความรู้สึกผ่านสีหน้าเขมรุจิรู้สึกถึงชัยชนะเล็กๆขณะที่เธอกับมินิกำลังจะเดินผ่านเขมรุจิก็ถามบางสิ่งที่ทำให้เธอชะงักเท้า
“เมื่อวานตอนเย็นเธอไปไหนมาหรือเปล่าชาหอม?”
“ถามทำไม?”
“มีคนเห็นเธอในที่ที่ไม่ควรเห็นน่ะสิแถมว่ากันว่าเธอควงกับผู้ชายคนอื่นไปด้วย”
ชาหอมไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดเมื่อวานจะดังลามมาเข้าหูเขมรุจิได้แต่เธอยังปั้นสีหน้าเรียบเฉยด้วยรู้ว่าหากเขมรุจิรู้ความจริงทั้งเรื่องเหตุการณ์เมื่อวานและเรื่องที่เธออยู่ในสถานะเมียบำเรอของตรัยเจ้าหนี้ของพ่อเธอมีหวังชื่อของเธอป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแน่!
“เธอพูดเรื่องอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่อง?”
เมื่อไม่เห็นความผิดปกติฉายบนสีหน้าของชาหอม เขมรุจิก็ไม่มีปัญญาจะซักถามอะไรต่อ
“ยัยเขมมันพูดถึงเรื่องอะไรหอม?”
มินิถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกคนเพราะเมื่อวานเธอก็ไม่เห็นชาหอมในช่วงเย็นเช่นกัน โทรไปหาก็ปิดเครื่องสมาร์ทโฟน
“ฉันไม่อยากโกหกเธอนะมินิ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะเล่าบางอย่าง...ขอโทษนะ”
ชาหอมบอกกับเพื่อนสนิทเธอไม่อาจจะโกหกเพื่อนของเธอคนนี้ได้ลง มินิพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ก็ได้ ไว้เธอพร้อมค่อยเล่าให้ฉันฟังละกัน”
แม้จะเป็นวันที่เริ่มต้นได้แสนดีแต่ระหว่างวันชาหอมก็ต้องพบเจอกับความยุ่งยากในส่วนของคนินที่ยังคงตื้อตามขอคืนดีกับเธอไม่เลิกจนในที่สุดชาหอมจึงระเบิดอารมณ์พูดออกมาตรงๆ
“คนิน...เราเลิกกันเถอะ”
เหมือนดั่งโดนสายฟ้าฟาดลงกลางใจคนินได้แต่ยืนมองดูชาหอม เสียงของเธอดังพอที่จะทำให้คนอื่นในบริเวณใต้อาคารได้ยินรวมไปถึงมินิที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“หอม..ผม” คนินพยายามตั้งสติพูดแต่ยากเย็นเหลือเกินราวกับก้อนความรู้สึกมาจุกที่ลำคอก็มิปาน “ผมทำอะไรผิดไป งี่เง่าไปผมขอโทษ! แต่อย่าเลิกกันแบบนี้เลยนะ”
“ไม่ หอมยังยืนยันว่าจะเลิก”
แววตาของชาหอมแน่วแน่มากพอจนคนินรู้สึกเจ็บ ชาหอมที่รู้สึกไม่ต่างกันถึงเธอจะเป็นคนตัดความสัมพันธ์แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเธอไม่ได้รักคนินน้อยลงตรงข้ามเขาเป็นคนที่เธอเลือกจะปกป้องจากคนที่เธอมีพันธะสัญญาค้ำคออยู่ในขณะนี้ ชาหอมหันหลังจะเดินหนีแต่มือของคนินฉวยคว้าเธอแน่นจนทำให้สมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือกระเด็นตกลงพื้น
“แต่ผมไม่เลิก! ผมไม่มีวันจะปล่อยหอมไปจากผมหรอก”
เมื่อเห็นท่าไม่ดีมินิรวมไปถึงเพื่อนของคนินต่างมาห้ามแยกทั้งสองออกจากกัน คนินยังคงโวยวายราวคนไม่มีสติ
“แต่หอมยังยืนยันว่าจะเลิก ไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่เราจะคบกัน..ลาก่อนนะ”
ชาหอมพูดเสียงดังฟังชัดก่อนที่เธอจะหันไปเก็บสมาร์ทโฟนที่ตกแล้วพบว่าหน้าจอได้แตกและเปิดไม่ติด เธอถอนใจเบาๆก่อนจะเดินแยกออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย
“ผมนัดร้านตัดสูทสำหรับคุณชาหอมไว้แล้วนะครับ”
หลี่เฉียงรายงานต่อตรัยที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับบัญชีของคาสิโนที่ถูกส่งมาเขาทำได้แค่พยักหน้ารับรู้
“แต่ปัญหาคือผมโทรติดต่อคุณชาหอมไม่ได้”
“ติดเรียนอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ทราบครับ เครื่องปิดอยู่”
ตรัยขมวดคิ้วหันมองหัวหน้าการ์ด
“นัดร้านไว้กี่โมง?”
“หกโมงครับ”
“เดี๋ยวฉันจัคการเรื่องยัยนั่นเอง นี่ก็จะตรวจบัญชีเสร็จแล้ว”
“คุณตรัยจะเข้าไปตามคุณชาหอมที่มหาลัย?”
“ใช่ มีอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ปกติเรื่องแบบนี้ใช้ผมมาก็จบแล้ว”
“ฉันจะถือโอกาสไปดูด้วยว่ายัยนั่นมีคนอื่นมายุ่งหรือเปล่า?”
“อ่อ”
หลี่เฉียงพยักหน้าซ่อนรอยยิ้มไว้แต่ไม่พ้นสายตาของผู้เป็นนาย
“จะไปทำอะไรก็ไปทำ เดี๋ยวฉันไปเองคนเดียว”
“ถ้าคุณตรัยไปผมก็ต้องไปด้วยสิครับ ผมเป็นหัวหน้าการ์ดด฿แลความปลอดภัยนะ”
“ไม่ต้องตามมา ฉันรำคาญนาย!”
ตรัยลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานพร้อมกับหยิบปืนมาใส่ไว้ในสูทเสื้อกั๊กสีเข้ม
“อีกอย่างในมหาลัยคงไม่มีใครมาทำอะไรฉันหรอก”
“ปกติฉันเห็นเธอกับคนินทะเลาะกันตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นเธอบอกเลิกคนินแบบนี้เลยนะ มันเกิดอะไรขึ้น?”
มินิถามกับชาหอมขณะที่ทั้งคู่หนีมานั่งในร้านคอฟฟี่
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉันกับคนินเราจบกันแค่นี้”
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่มากกว่านี้ใช่ไหม?”
มินิก็ยังคงเป็นมินิที่รู้ทันชาหอมอยู่เสมอแววตาที่เศร้าของเธอบอกได้เป็นอย่างดี ชาหอมไม่ตอบคำถามนั้นปล่อยให้ความเงียบงันเข้ามาแทน
แต่ถ้าชาหอมคิดว่าคนินจะรามือเรื่องนี้ไปง่ายๆเธอคิดผิดเมื่อหลังจากเธอได้ออกจากคลาสเรียนช่วงบ่ายคนินที่ดักรอชาหอมระหว่างทางเดิน
“เมื่อไรคนินจะเข้าใจที่หอมพูดเสียทีว่าเราจบกันแล้ว?”
“ผมไม่เข้าใจ แล้วไม่มีวันเข้าใจด้วย!”
คนินคว้าข้อมือของชาหอมอย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บ หนำซ้ำตอนนี้มินิได้แยกไปเรียนที่คณะไม่ได้อยู่กับชาหอม
“หอมกับผมเราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง มานี่!”
เขมรุจิกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสาวด้วยกันอย่างออกรส สายตาเธอเหลือบเห็นร่างที่สูงกำยำ ใบหน้าคมเข้มด้วยหนวดเคราที่ถูกแต่งสวมแว่นกันแดดแต่งตัวด้วยเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มทับด้วยสูทเสื้อกั๊กกำลังเดินพร้อมส่ายสายตา เธอจำได้ว่านั่นคือตรัย อาทิตยาคนที่อาละวาดในงานอภิธรรมศพของพลวัฒน์เขมรุจิที่สนใจชายผู้นี้เป็นทุนเดิมจึงขอตัวลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะคุณตรัย”
ตรัย อาทิตยาจ้องมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาตรงหน้าอย่างพินิจจนเขาแน่ใจว่าไม่ได้รู้จักกับเธอเป็นการส่วนตัวแน่ๆ
“ขอโทษนะครับ แต่ผมว่าผมไม่รู้จักคุณ”
“แต่เขมรู้จักคุณค่ะ เขมชื่อเขมรุจิเคยเห็นคุณตอนที่ไปงานศพของอาพลวัฒน์”
เขมรุจิยื่นมือเพื่อขอเช็คแฮนด์ซึ่งตรัยก็ยื่นมือมาจับตามมารยาท
“คนอย่างคุณตรัยไม่น่าจะเข้ามาในมหาลัยได้เลยนะคะ มีธุระที่นี่เหรอ?”
“ผมมีธุระกับนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อชาหอม คุณเขมรู้จักไหมครับ?”
เขมรุจิเสียความรู้สึกอีกครั้งในรอบวันนี้กับชื่อๆเดิมเมื่อชายที่เธอสนใจดันถามหาคู่แข่งตลอดกาล แต่เธอก็มีสมองมากพอที่จะไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เธอพอรู้
“รู้จักสิคะ เราสนิทกันจะตายเขมว่าถ้าตอนนี้หอมน่าจะเพิ่งเรียนคลาสบ่ายจบ เดี๋ยวเขมพาคุณตรัยไปหาเองดีไหมคะ?”
อีกด้านหนึ่งคนินกำลังฉุดกระชากมือของชาหอมจนข้อมือของเธอแดงช้ำด้วยแรงดึงของเขา ชาหอมพยายามจะสะบัดแต่ด้วยแรงที่น้อยกว่านักกีฬาบาสเก็ตบอลมหาวิทยาลัยเธอจึงไม่สามารถสะบัดหลุดได้
“คนินปล่อย! หอมบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยไง”
“แต่ผมจะคุยกับหอมให้รู้เรื่อง!”
คนินตั้งใจจะพาชาหอมไปปรับความเข้าใจกันสองคนภายในห้องชมรมบาสเก็ตบอลที่อยู่ไม่ไกล แต่แล้วเขาต้องชะงักเท้าเมื่อร่างของใครบางคนมาขวางหน้าไว้ ใครบางคนที่เขาคุ้นหน้าจนต้องใช้เวลาไม่กี่วินาทีจนจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยอาละวาดในงานอภิธรรมศพของพลวัฒน์พ่อของชาหอม ตรัยจ้องมองไปที่มือของคนินที่จับข้อมือของชาหอมแน่น แม้จะใส่แว่นกันแดดแต่ชาหอมรู้ดีว่าตรัยมีสีหน้ายังไงในตอนนี้!
“คุณเป็นใคร? ถอยไป...นี่เรื่องของแฟนเขาจะคุยกัน!”
“แฟนเหรอ?”
ตรัย อาทิตยาทวนคำพลางมองไปที่ชาหอมที่เริ่มหน้าซีดน้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาเป็นน้ำเสียงเดียวกับที่ใช้กับสองเสี่ยตอนที่ดูถูกเธอ!
“ใช่ ถอยไป!”
โดยไม่ทันที่คนินจะตั้งตัวหมัดของตรัยได้ซัดเข้าเต็มใบหน้าจนกระเด็นถอยไปทางด้านหลัง มือที่จับชาหอมถูกปล่อยออกโดยอัตโนมัติแต่นั่นดูจะยังไม่สาแก่ใจกับมาเฟียหนุ่มที่ก้าวเท้าตามแต่ชาหอมขวางไว้
“อย่านะคะคุณตรัย! ฉันกับเขาไม่มีอะไรต่อกันแล้ว อย่าทำเขาเลยนะ!”
“ปกป้องมันเหรอ?”
ตรัยถามขึ้นอย่างหงุดหงิดเขาสะบัดแขนที่ชาหอมเกาะไว้จนหลุดพลางก้าวขาไปหาคนินที่เพิ่งจะทรงตัวยันร่างสูงโปร่งขึ้นมาก่อนกระชากคอเสื้อเชิ้ตนักศึกษาแล้วตะบันหมัดต่อยไปที่ใบหน้าอีกหลายครั้งท่ามกลางความตื่นตะลึงของทั้งชาหอมและเขมรุจิที่ยืนดูเหตุการณ์ไม่ไกล ตรัย อาทิตยาในตอนนี้ราวกับคนบ้าเลือดที่กระแทกหมัดใส่ใบหน้าของคนินจนเลือดอาบเต็มหน้า ชาหอมที่ทนไม่ไหวจึงเข้าไปห้ามอีกครั้งแต่เธอก็ถูกมาเฟียหน้าเข้มสะแขนจนกระเด็นออกมา ท่ามกลางวิกฤติเมื่อร่างของคนินเริ่มระทวยเนื่องจากหมดสติแต่ตรัยยังคงต่อยซ้ำไปที่เดิมจนสุดท้ายหลี่เฉียงที่แอบตามมาต้องเข้ามาห้ามลากตัวผู้เป็นนายออกมาจากร่างของคนิน
“อย่าครับคุณตรัย ขืนทำมากกว่านี้มันตายคามือคุณตรัยแน่!”
หลี่เฉียงบอกกับผู้เป็นนายก่อนที่ตรัย อาทิตยาจะสะบัดร่างจนหลุดออกจากการห้ามปรามของหัวหน้าการ์ดของเขาพลางจ้องมองไปที่ชาหอมอย่างเต็มไปด้วยความโกรธและเสียความรู้สึก!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว