(นิยายแปล) จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ-ตอนที่ 27 นี่อันอี่เจ๋อกำลัง....ป่วย? (1/1)

โดย  Akanirawan

(นิยายแปล) จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ

ตอนที่ 27 นี่อันอี่เจ๋อกำลัง....ป่วย? (1/1)

ตอนที่ 3 ภาคจุดกำเนิดก่อเกิดรัก (13)

ในเวลานี้ลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งสองแบ่งเส้นกั้นโลกแยกจากกันชัดเจน...ต้วนเฟิงลากสือหนิงและเหลียนเชวี่ยขี่กระบี่หลบภัยไปไกลๆ ส่วนศิษย์สองคนนั้นที่เหลืออยู่ของชื่อเฉิงจวินก็ชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้า

ทางฝั่งพวกที่หลบภัยสภาพทุลักทุเลอย่างยิ่ง สือหนิงแทบเอาตัวไม่รอดจากไอพิษที่หนาทึบ เหลียนเชวี่ยยิ่งสะดุดจนกระบี่หลุดร่วง ในช่วงฉุกละหุกในที่สุดเหลียนเชวี่ยก็ไม่มัวสนสิ่งอื่นใด เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นนกทันที กระพือปีกสองครั้งอย่างแรงไล่ตามต้วนเฟิง และขดตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา

และแม้ว่าสองคนที่พุ่งขึ้นไปข้างหน้าจะองอาจกล้าหาญ แต่สุดท้ายพลังวิญญาณก็ค่อนข้างอ่อนแอ เพียงครู่เดียวก็ถูกคลื่นลมที่เกิดจากงูเหลือมยักษ์ฟาดกระเด็นออกไป ดีที่สองคนนี้ล้วนโคจรปราณได้ไม่เลว คนหนึ่งลอยมาทางที่พวกเหลียนเชวี่ยวิ่งหนีมา แม้จะชนต้นไม้จนสลบแต่ก็ถูกสือหนิงที่ไล่ตามมาทันเวลาช่วยชีวิตอาไว้ได้ ส่วนอีกคนถูกชื่อเฉิงจวินรับตัวไว้แล้ว

แต่ชื่อเฉิงจวินโคจรปราณไม่เสถียร ศิษย์ที่ตนรับไว้เมื่อครู่ถูกงูเหลือมยักษ์ฟาดเข้าที่หลังอย่างเต็มแรง ถูกฟาดจนอาเจียนเป็นเลือดออกมา หากได้รับแรงโจมตีอีกเกรงว่าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ดีที่เวลานี้หนานหมิงจวินแทงทะลุจุดชีชุ่นของงูเหลือมยักษ์ได้ในที่สุด ลำเลือดสายหนึ่งพุ่งทะลัก งูเหลือมยักษ์ล้มตึงลงกับพื้นอย่างจัง

สภาพแวดล้อมเงียบลงกะทันหัน เหลียนเชวี่ยโผล่หัวออกจากอ้อมแขนของต้วนเฟิงและบังเอิญเห็นหนานหมิงจวินเดินเข้าไปหาชื่อเฉิงจวินพอดี เสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดของเขาถูกอาบย้อมด้วยโลหิต ชุดคลุมสีแดงเข้มแนบติดกับตัวเขาอย่างเหนียวเหนอะหนะ ซ้ำยังมีเลือดหยดลงมาติ๋งๆ หนานหมิงจวินกลับเดินอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อนไม่ลนลาน ทิ้งรอยเท้าเปื้อนเลือดเป็นทางไว้ด้านหลัง

เหลียนเชวี่ยเพิ่งเข้าใจคราวนี้ว่าเหตุใดคนพวกนั้นถึงเรียกหนานหมิงจวินว่ายักษาผู้พิฆาตมาร สภาพโชกเลือดเช่นนี้คล้ายกับยักษาที่ดุร้ายอยู่หลายส่วนจริงๆ แต่หนนี้เหลียนเชวี่ยไม่กลัวสักนิด สยายปีกบินไปทางหนานหมิงจวิน แล้วโรยตัวลงบนไหล่ของเขา

กลับเป็นชื่อเฉิงจวินที่หลังจากเห็นหนานหมิงจวินในสภาพเลือดอาบตัวแล้วสูดหายใจเย็น แม้จะสังหารงูเหลือมยักษ์ไปแล้ว แต่ชื่อเฉิงจวินในฐานะเซียนชั้นสูงที่ทั้งเสียลูกศิษย์และได้รับบาดเจ็บ หลังจากถูกหนานหมิงจวินทำให้เสียขวัญ ชื่อเฉิงจวินก็กัดฟันเบือนหน้าหนีไม่มองคนอื่นๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรสภาพสลด เซียนชั้นสูงไม่เอ่ยวาจา หนานหมิงจวินจึงสั่งให้ทุกคนกินลูกกลอนกระจ่างจิตข่มไอพิษที่เพิ่งหายใจเข้าไปในร่างกายเมื่อครู่ไว้ก่อน แล้วตามหาแหล่งน้ำแร่สักแห่งเพื่อพาทุกคนไปอาบน้ำชะล้างสิ่งสกปรก

เหลียนเชวี่ยเปลี่ยนกลับไปเป็นนกด้วยความลุกลี้ลุกลนในช่วงประสบอันตราย ตอนนี้คืนร่างมนุษย์ไม่ได้แล้ว ปากนกน้อยกินลูกกลอนกระจ่างจิตเม็ดโตลงไปไม่ได้สักนิด หนานหมิงจวินจึงวางลูกกลอนกระจ่างจิตและเหลียนเชวี่ยบนฝ่ามือไว้ด้วยกัน จากนั้นเดินไปทางน้ำแร่ พลางให้เหลียนเชวี่ยค่อยๆ จิกกินบนฝ่ามือของตน

รอจนถึงแหล่งน้ำแร่ หนานหมิงจวินถอดชุดเตรียมอาบน้ำ เหลียนเชวี่ยบินกลางอากาศวอนรอบตัวหนานหมิงจวิน ยามมองเห็นแผงอกขาวเนียนและกำยำของหนานหมิงจวิน มันรู้สึกหัวใจเต้นแรงดังตึกตัก แล้วมองเพิ่มอีกอย่างอดไม่ได้ ยังถือโอกาสเลื่อนสายตามองต่ำลงไปอีกด้วย มองเห็นเนื้อสีเข้มแท่งนั้นใต้หว่างขาที่ห้อยระหว่างขาขาวเนียนของหนานหมิงจวินอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ...

ดังนั้นไม่รู้เหตุใด จู่ๆ เหลียนเชวี่ยก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ ร่วงตุบลงไปในน้ำแร่ น้ำเย็นสดชื่นทำให้เหลียนเชวี่ยหนาวจนสั่นเทิ้มยกใหญ่ ซ้ำตอนกระแทกก้นบ่อยังทำเอาขาสองข้างปวดสุดชีวิต เหลียนเชวี่ยร้องเสียงแหลมรีบหยัดตัวโผล่หน้าขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นก็ปะทะเข้ากับใบหน้าแข็งทื่อของชื่อเฉิงจวิน เหลียนเชวี่ยรู้ดีว่าเสียมารยาท พลันใบหน้าขึ้นสีแดงแจ๋ คิดจะพูดบางอย่างแต่กลับอ้ำๆ อึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกสักนิด

เหลียนเชวี่ยทำเอะอะเสียงดัง หนานหมิงจวินกลับไม่ยี่หระ ย่างเข้าไปในน้ำแร่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกล่าวกับเหลียนเชวี่ยว่า “ผมเปื้อนเลือดของงูเหลือมยักษ์น่ะ ข้าสระเองไม่สะดวก เจ้าช่วยที”

เหลียนเชวี่ยพยักหน้าน้อยๆ เตรียมจะเข้าไป ชื่อเฉิงจวินที่อยู่ข้างกันกลับโกรธจนกัดฟันกรอด กล่าวอย่างมาดร้าย “ชีวิตของผู้บำเพ็ญเพียรที่บรรลุการปรุงโอสถแล้วต้องจบลงเช่นนี้ แต่หนานหมิงจวินประเดี๋ยวป้อนนกประเดี๋ยวก็เรียกให้คนมาปรนนิบัติยามอาบน้ำ ช่างสุขสำราญเสียนี่กระไร!”

แม้ว่าเมื่อครู่เหลียนเชวี่ยจะมีอารมณ์ แต่ภาพการตายอนาถของผู้บำเพ็ญเพียรตัวสูงยังคงติดตา เมื่อถูกชื่อเฉิงจวินตวาดเช่นนี้ก็รู้สึกละอายใจไม่หยุดขึ้นมาทันที ขดตัวเป็นก้อน ต้วนเฟิงและสือหนิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้มหน้างุดราวกับทำอะไรผิดมาเช่นกัน

“เขาเพียงเข้าสังสารวัฏอีกครั้งเท่านั้น ยังมีชาติหน้าให้รอคอย ชื่อเฉิงจวินไม่จำเป็นต้องเสียใจ เดี๋ยวอาการบาดเจ็บจะทรุดหนักกว่าเดิม”

คำพูดของหนานหมิงจวินคล้ายจะปลอบใจ แต่สีหน้าท่าทางเป็นปกติของเขากลับทำให้ชื่อเฉิงจวินยิ่งเดือดดาลทะลุหัวใจ ชี้หน้าหนานหมิงจวินแล้วกล่าวตะคอก “มีชาติหน้าให้รอคอยหรือ เหตุใดศิษย์สามคนในสำนักเจ้าจึงไม่รู้จักว่ามีชาติหน้าให้รอคอย แต่ละคนวิ่งหนีไม่มีใครแพ้ใคร!”

“พวกเขารู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว พยายามหนีเอาชีวิตรอดก็เข้าใจได้”

ชื่อเฉิงจวินโมโหสุดขีดจริงๆ ตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ “ที่ผ่านมาเสี่ยวเกาบอกว่าหนานหมิงจวินลำเอียง ข้ายังเคยปรามเขา ตอนนี้ดูท่าเจ้าคงลำเอียงจนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ! เจ้าขับไล่เสี่ยวเกาออกจากสำนักไม่พอ ตอนนี้ยังมองดูเขาตายอนาถได้อย่างหน้าตาเฉย...ได้เดินทางร่วมกับเจ้าเป็นความอัปยศของข้าโดยแท้! นับแต่นี้ข้าและเจ้าต่างคนต่างเดิน!”

กล่าวจบชื่อเฉิงจวินก็ลุกพรวดขึ้นมา สวมเสื้อผ้าแล้วพาศิษย์ทั้งสองจากไปทันที เพียงแต่ศิษย์สองคนคนหนึ่งบาดเจ็บอีกคนหมดสติยังไม่ฟื้น แม้ว่าทั้งสามคนจะอยากจากไป ‘เดี๋ยวนี้’ แต่กลับเดินอย่างเชื่องช้าและทุลักทุเล ต้วนเฟิงและสือหนิงค่อนข้างงุนงง หันมองชื่อเฉิงจวินสลับกับมองทางหนานหมิงจวิน

“พวกเจ้าตามไปคอยดูแลที” หนานหมิงจวินกล่าว “เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว