(นิยายแปล) จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ-ตอนที่ 1 สหายซูเจี๋ยนผู้ใจสลาย ไม่หลงเหลือกล่องดวงใจอยู่อีกแล้ว (1/2)

โดย  Akanirawan

(นิยายแปล) จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ

ตอนที่ 1 สหายซูเจี๋ยนผู้ใจสลาย ไม่หลงเหลือกล่องดวงใจอยู่อีกแล้ว (1/2)

ตอนที่ 1 กลับประเทศ

ณ สนามบินนานาชาติแห่งเมืองหลวง ผืนฟ้าเป็นสีครามหมดจด มีเพียงทางยาวสีขาวหลังจากเครื่องบินบินผ่านทิ้งเอาไว้ นานแล้วก็ยังไม่เลือนหาย

กู้อู๋เหยียนสวมชุดลำลองสีครีมเรียบง่าย กรอบแว่นอันใหญ่บดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง กอปรกับกลิ่นอายสุภาพเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ ดูสดใสอ่อนน้อม แต่กลับทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

การแต่งกายของเขาในวันนี้ต่างจากการแมตช์ชุดขาวดำตามปกติที่ทั้งเยือกเย็นและสุขุมอย่างสิ้นเชิง หากคนของบริษัท YNG อยู่ที่นี่ ก็ยากที่จะจำเขาได้อย่างแน่นอน

เขาเพิ่งเดินออกจากประตูห้องโดยสาร คลื่นความร้อนก็โชยปะทะใบหน้า เขาจากไปได้ 15 ปี ฤดูร้อนของเมืองหลวงยังคงอบอ้าวเหมือนเคย ไอร้อนที่แห้งผากทำให้ความชื้นในจมูกระเหยจนแห้งเหือด ทำเอาเขาหายใจติดขัดเล็กน้อย

หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจสอบความปลอดภัย เมื่อมาถึงบริเวณรอสัมภาระ สายตาผู้คนโดยรอบก็มองไปที่กู้อู๋เหยียนซึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าสายพานลำเลียงบ่อยครั้ง เด็กสาวสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ยืนหน้าแดงพลางดันกันเล็กน้อย ขณะแอบกระซิบกระซาบอยู่ด้านข้าง

“ผู้ชายคนนี้หล่อจังเลย เธอว่าจะใช่ดาราคนนั้นไหม”

“อยากให้เขาเซ็นลายเซ็นให้ฉันจัง!”

ขณะที่พวกเธอกำลังปรึกษากันว่าจะเอาลายเซ็นมาได้ยังไง กู้อู๋เหยียนก็หยิบกระเป๋าเดินทาง สาวเท้ายาวๆ ก้าวออกจากสนามบินไปแล้ว

เขากวาดตามองไปรอบๆ ยืนอยู่ตรงทางออกสักพักก็ยังไม่เห็นคนที่มารับ เลยหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าแล้วเปิดเครื่อง ตอนที่เพิ่งเปิดเครื่อง เสียงข้อความเข้าดัง ‘ติ๊ง’ อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเงียบลงในที่สุด เขาเลื่อนจอโทรศัพท์ดูข้อความคร่ำครวญด้วยความคับแค้นใจที่ซูมู่ส่งมาจำนวนมาก ใบหน้าสดใสยิ้มเจ้าเล่ห์ ปลายนิ้วกดพิมพ์ในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

‘คนเก่งก็ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ขอฝาก YNG ไว้กับนายแล้วกันนะ สู้ๆ ขยันทำงานล่ะ’

‘และฉันมีคำสั่งแต่งตั้งลงไปแล้ว ให้จี้หร่านเป็นเลขาของนาย ไม่ต้องขอบคุณฉันให้มากนักหรอก’

ส่งข้อความเสร็จ กู้อู๋เหยียนก็เก็บโทรศัพท์ลง พอเงยหน้ามองก็เห็นคุณลุงวัยกลางคนกำลังยกป้ายโฟมบอร์ดชื่อของตัวเองอยู่ไม่ไกล แล้วโบกมืออย่างเป็นธรรมชาติ

ทันทีที่ชายคนนั้นเห็นกู้อู๋เหยียน ก็รีบตรงเข้าไปรับรถเข็นกระเป๋าเดินทางที่เขาเข็นมาด้วยความนอบน้อม แล้วเดินตามอยู่ด้านหลัง

พอออกมาจากทางออกของเที่ยวบินขาเข้าระหว่างประเทศ ก็เห็นว่ามีกลุ่มแฟนคลับถือป้ายเชียร์ยืนอยู่ บางคนยกป้ายไฟ บางคนกอดช่อดอกไม้สดและกล่องของขวัญที่ห่ออย่างประณีต แถมยังมีคนยกกล้องถ่ายรูปติดเลนส์ซูมภาพระยะไกล ราวกับเป็นสถานที่จัดงานแถลงข่าวอันยิ่งใหญ่

ไม่นานชายหนุ่มสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลา สวมแมสก์สีดำก็เดินก้มหน้าออกมา เรือนผมสีบลอนด์น้ำตาลขับใบหน้าให้ขาวกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ด้านข้างตามมาด้วยคนเข็นกระเป๋าเดินทางอีกสองคน ทันทีที่เหล่าแฟนคลับเห็นไอดอลของตัวเองออกมา ก็ร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นเต้น

ทุกคนเริ่มตะโกนสโลแกนพลางล้อมวงเข้ามา “ซีโหลวโบยบินอย่างมั่นใจ ดาวเหนือจะอยู่เคียงข้างตลอดไป” บริเวณทางออก ผู้คนเบียดเสียดส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว บรรดาผู้สัญจรต่างถูกเบียด ทำได้แค่เดินอ้อม พนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินต่างแหวกทางเดินในกลุ่มแฟนคลับผู้คลั่งไคล้เหล่านี้ด้วยความยากลำบาก

กู้อู๋เหยียนเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปถาม “คนนี้ใครน่ะ”

“คุณชายน้อย คุณเพิ่งกลับมาอาจยังไม่รู้ เขาคือเสิ่นซีโหลว ดาราชายที่โด่งดังทั่วประเทศในตอนนี้ อายุ 20 ปี ส่วนสูง 180 เซนติเมตร ชอบ XX เกลียด XX บรรดาแฟนคลับเรียกเขาว่าแอร์คูลเลอร์ครับ

“ฐานแฟนคลับของเขามีตั้งแต่เด็กวัยหัดเดินยันคนอายุเก้าสิบเก้าเลยนะครับ”

ได้ยินเขาพูดแบบนั้น กู้อู๋เหยียนก็มองชายหนุ่มที่ถูกห้อมล้อมในกลุ่มแฟนคลับอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าลุงก็จะเป็นแฟนคลับเขาเหมือนกันนะ รู้ชัดซะขนาดนี้”

ลุงคนขับรถหัวเราะแหะๆ ด้วยความเขินอาย ปากก็แอบพึมพำว่า ที่บ้านมีดาวเหนืออยู่สองดวง ถึงจะไม่อยากรู้ก็ทำไม่ได้หรอกนะ!

กู้อู๋เหยียนเอียงศีรษะมองนอกหน้าต่างรถแล้วไม่พูดอะไรอีก แม้จะผ่านไปสิบห้าปี แต่เมืองหลวงก็ดูเปลี่ยนไปมาก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยแปดขวบค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทันทีที่เขากลับมาถึงเมืองนี้

ปีนั้นบริษัทของครอบครัวคุณตาเกิดเรื่องเกือบถึงขั้นล้มละลาย คุณแม่วิงวอนขอหลายครั้ง หวังว่าสามีจะยื่นมือช่วยเหลือ สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือการที่อีกฝ่ายแค่ร่วมมือกับบริษัทอื่นเพราะอยากฮุบทรัพย์สินของสกุลม่อ คุณแม่หมดอาลัยตายอยาก ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหย่าขาดจากกู้เฉิงเฟิง ทว่าหนึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะลงนามในข้อตกลงหย่าร้าง ตอนที่ย้อนกลับบ้านสกุลกู้ รถของเขากับคุณแม่เกิดประสบอุบัติเหตุ มีคนเสียชีวิตเพราะเบรกขัดข้อง อุบัติเหตุครั้งนี้ สุดท้ายจบคดีไปอย่างเร่งรีบด้วยข้อสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างเรียบง่าย ทว่าแต่ไหนแต่ไร นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นคดีฆาตกรรมอย่างจงใจจากพ่อแท้ๆ ของเขา

ทุกครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นกลางดึก มักจะคิดถึงโครงกระดูกของผู้เป็นแม่ที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน จิตใจแหลกสลายจนแทบหายใจไม่ออก ได้แต่ปิดปากร้องไห้ ขบฟันสั่นระรัว ไม่ว่าอย่างไรก็หยุดน้ำตาไม่ได้ ความรู้สึกหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูกในค่ำคืนที่มืดมิด มีเพียงเขาที่รู้

คนขับรถเหลือบมองไปที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง กู้อู๋เหยียนในตอนนี้ขบกรามแน่น เบื้องลึกของนัยน์ตาสุกใสเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม ฉายแววดุร้ายอย่างประหลาด

เมื่อใกล้จะถึงบ้านเก่าสกุลม่อ เขาถึงได้กล้าพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายกู้ ตรงหน้าคือบ้านเก่าสกุลม่อแล้วครับ”

กู้อู๋เหยียนเงยหน้ามองวิลล่าสไตล์ตะวันตกแบบโบราณที่อยู่ไม่ไกลนัก ดอกชบาที่แม่ชอบมากที่สุดไหวเอนไปตามสายลมราวกับต้อนรับเขากลับบ้าน

รถจอดตรงหน้าประตูวิลล่า พ่อบ้านม่อจี้ตรงเข้ามาเปิดประตูรถด้วยความยินดี หางตามีประกายน้ำตาเล็กน้อยเพราะดีอกดีใจมากเกินไป

“คุณชายน้อย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้วนะครับ”

กู้อู๋เหยียนมองลุงพ่อบ้านที่มักทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เวลาที่ตนเองเอาแต่ใจ ทำอะไรบุ่มบ่ามเมื่อครั้งเป็นเด็ก ผมของเขาย้อมเหมือนเส้นไหมสีเงิน ใบหน้ายังมีจุดด่างดำในแบบผู้สูงวัย รูปร่างคล้ายจะซูบผอมกว่าเมื่อก่อน ร่วงโรยไปตามกาลเวลา

“ลุงจี้ ผมกลับมาแล้ว สุขภาพลุงยังแข็งแรงดีนะ!”

ม่อจี้มองกู้อู๋เหยียนที่ยืนตรงหน้า ตอนนี้อีกฝ่ายสูงกว่าตนเองราวช่วงศีรษะ เขาอุทานในใจ เด็กน้อยในปีนั้นที่สูงเท่าขาเขาเติบโตขึ้นแล้ว

ทั้งสองสนทนาพลางเดินเข้าไปในห้องรับแขก ส่วนใหญ่ม่อจี้จะถามไถ่เขาถึงความเป็นอยู่ในต่างประเทศ เขาหยิบยกเรื่องดีๆ มาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ด้วยไม่อยากให้ลุงจี้ต้องรับรู้อดีตที่เต็มไปด้วยความยากลำบากตอนที่เขาอยู่ต่างแดนในช่วงนั้น

“คุณเหยียน วันนี้ตอนแรกคุณท่านไม่ได้เตรียมจะไปข้างนอก รอคุณกลับมา พอดีมีธุระด่วนปุบปับจริงๆ น่ะครับ

“ไหนจะยังมีงานเลี้ยงต้อนรับกลับประเทศในอีกสองวันที่ตระกูลกู้เตรียมไว้ให้คุณ คุณท่านบอกว่าขอให้คุณวางใจ ท่านจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”

กู้อู๋เหยียนพยักหน้า กล่าวออกไปว่าทราบแล้ว

ม่อจี้เอ่ย “คุณเพิ่งลงจากเครื่อง คงเหนื่อยมากแน่ๆ กลับไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนที่ห้องสักหน่อย ห้องเดิมของคุณ ผมให้คนไปจัดใหม่อีกครั้งแล้วครับ”

“ลำบากลุงจี้แล้ว งั้นผมไปพักผ่อนก่อนนะ”

ม่อจี้จดจ้องร่างของเขาที่เดินขึ้นข้างบน ก่อนจะรู้สึกหนักใจ กู้อู๋เหยียนที่เพิ่งสนทนากับเขาทั้งสุขุมเป็นกันเอง สุภาพและมีมารยาท ไร้ซึ่งเงาของจอมมารตัวน้อยในตอนเด็กที่คอยสร้างปัญหาโดยไม่เกรงกลัวฟ้าดินอย่างสิ้นเชิง

อันที่จริงตอนที่เขาอยู่เมืองนอก ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่เขาบอกใช่ไหม!


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว