ปริศนาราณี

ลายปีกครุฑ (2)

ทางด้านฝั่งหลิวเฟยเซียนเมื่อนางมาถึงก็เห็นพี่ใหญ่หลิวอู๋ซวนกำลังจะออกไปไหนสักที่จึงเดินเข้าไปถาม

“พี่ใหญ่จะไปไหนเจ้าคะ” หลิวอู๋ซวนมองเห็นร่างน้องสาวกลับมาแล้วก็อุ่นใจเขารู้สึกเป็นห่วงกำลังว่าจะไปตามนางกลับมาพอดี

“พี่กำลังจะไปตามเจ้าพอดี กลับมาก็ดีแล้ว นี้ก็พระอาทิตย์ตกแล้วอยู่รวมกันจะดีกว่า” หลิวอู๋ซวนบอกน้องสาวถึงจะรู้ว่านางเก่งกาจแล้วยังมีสัตว์เทพค่อยคุ้มครองก็เถอะไม่ประมาทเป็นดีที่สุด

“แล้วพี่รองไปไหนหรือเจ้าคะข้าไม่เห็นเลย” หลิวเฟยเซียนถามหาอู๋เจ๋อ

“ไปล่าสัตว์อสูรมาทำอาหารกับหวงจิงหวงใจ๋น่ะ ประเดี๋ยวก็คงมากันแล้วละ” พี่ใหญ่ตอบ

“เจ้าค่ะ” หลิวเฟยเซียนก็ให้วางใจที่พี่ชายนางไม่สงสัยอะไรดีที่ปากนางไม่บวมเจ๋อตอนโดนจูบ

ทางด้านของหลิวฟงฉีและหลิวหวงหลานตอนนี้กำลังนั่งหน้าเขียวคล้ำอยู่กับตระกูลอี้นำโดยอี้หลุนที่ยกขบวนกันมาหาเพื่อมาทวงบุญคุณที่เลี้ยงดูมา คงเป็นเพราะกิจการการค้าขายของตระกูลขาดทุนอย่างหนัก

ไม่มีเงินทุนไปหมุนเวียนต่อเมื่อรู้ว่าครอบครัวหลิวร่ำรวยขึ้นมากมายแถมยังสร้างจวนใหญ่โตในที่ดินเป็นร้อยร้อยหมู่ก็มาลำเลิกบุญคุณอย่างหน้าไม่อาย

“ทำไมหรือขอแค่เงินเล็กน้อยเพื่อช่วยบิดาเจ้าที่ตกทุกข์ได้ยากแค่นี้เจ้าไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนหรืออย่างไร” เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอี้เหนียงฮูหยินพูดขึ้นเสียงดัง

นางนั้นไม่คิดว่าลูกของนางอนุฮวาจะร่ำรวยเงินทองมีจวนหลังใหญ่โตสวยงามและยังแปลกตาขนาดนี้ทำให้ในใจนางร้อนดังเปลวเพลิงด้วยความริษยา

“คงจะไม่ได้หรอกอี้ฮูหยินเพราะตอนนี้เราไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันแล้วต่างคนต่างอยู่ พวกท่านกล่าวเองมิใช่หรือว่าไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีก” หลิวหวงหลานกล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมย

นางไม่ให้อะไรทั้งนั้นตอนที่อยู่ในตระกูลอี้ครอบครัวนางก็ไม่ต่างจากทาสในจวนจะทวงบุญคุณอะไรกันเงินทุกตำลึงสามีนางทำงานมาได้ก็ยกให้เรือนใหญ่หมดจะมีก็แต่ทำให้สามีนางเกิดมาเท่านั้น

“ฟงฉีเจ้าสั่งสอนเมียของเจ้าอย่างไรถึงได้พูดจาแบบนี้กับแม่ใหญ่ของเจ้าเช่นนี้” อี้หลุนพูดน้ำเสียงไม่พอใจ

“ท่านพ่อโปรดใจเย็นก่อนเถอะ” อี้จางฉู๋ลูกชายที่เกิดจากอี้เหนียงฮูหยินเอ่ย

“อย่าโมโหไปเลยท่านพ่อ พี่สะใภ้คงไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ ใช่ไหมเจ้าคะพี่สะใภ้หวงหลาน” อี้หลันเหม่ยที่เกิดจากอี้เหนียงเช่นกันเอ่ย

อี้หลันเหม่ยนั้นถึงจะพูดจากเหมือนออกหน้าให้หลิวหวงหลานแต่ความจริงๆ แล้วก็คือนางอยากได้ที่นี้อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกมันจึงพูดดีเข้าหลอกล่อ

“ท่านผู้นำอี้อย่ากล่าวเช่นนั้นเลยฮูหยินของข้ากล่าวถูกต้องแล้ว มารดาข้าได้เสียชีวิตไปนานแล้วถือว่าตอนนี้ไม่มีมารดา ส่วนบิดานั้นก็ถือว่าไม่มีเช่นกัน ข้าออกจากตระกูลอี้แล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านอีก” หลิวฟงฉีกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าคนตระกูลอี้อีกต่อไป

นายท่านอี้หลุนได้ฟังถึงกับหน้าชาจนพูดสิ่งใดไม่ออกไม่ใช่แค่อี้หลุนเท่านั้นอี้เหนียงฮูหยินก็เช่นกัน

“ทำไมพูดกับท่านพ่ออย่างนั้นละเจ้าค่ะข้าฟังแล้วเสียใจยิ่งนักถึงจะออกจากตระกูลแล้วแต่ความเป็นพ่อลูกยังไงก็ตัดไม่ขาดหรอกเจ้าค่ะ” อี้หลันเหม่ยกล่าวทั้งน้ำตา ทำเหมือนเสียใจหนักหนา

หลิวหวงหลานมองสาวน้อยรุ่นลูกอย่างระอาดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำหาความจริงใจไม่ได้เลย

“ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นแก่อดีตความหลังอันดีของเราเถอะตอนนี้ตระกูลอี้นั้นขาดทุนอย่างหนักดีไม่ดีอาจได้ขายจวนไปใช้หนี้ แล้วท่านพ่อของเราจะอยู่อย่างไร อีกอย่างพวกเราแค่มาขอยืมไม่ใช่ว่าจะไม่คืน” อี้จางฉู๋กล่าวใช่แค่มายืมแต่จะคืนอีกตอนไหนชาติไหนก็เป็นอีกเรื่อง

หลิวฟงฉีมองดูตระกูลอี้ที่เล่นงิ้วส่งรับกันดีอย่างลงตัวเขานั้นเกิดก่อนอี้จางฉู๋ห้าปีเป็นพี่ใหญ่ก็จริงแต่ก็เป็นแค่ลูกอนุที่ผ่านมาเขานั้นได้ตอบแทนบุญคุณนายท่านอี้หลุนมากแล้ว

เงินทุกตำลึงที่เขาหามาก็มอบให้เรือนใหญ่ทั้งหมดส่วนลูกเมียเขานั้นอดมื้อกินมื้อไม่สมกับที่เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่เลยสักนิด

ตอนนี้เขาไม่นับญาติกับคนในตระกูลนี้อีกแล้วช่างหน้าหนากันทั้งตระกูลจริงเชียวแต่เอาเถอะเขาจะยอมช่วยสักครั้งแล้วกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น

“พ่อบ้านซ่งฝูไปเอาตั๋วเงินมาให้นายท่านอี้หลุนหนึ่งพันตำลึงทอง ข้าช่วยได้เพียงเท่านี้และจะช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นเงินนี้ข้าให้เลยไม่ต้องคืน” หลิวฟงฉีตัดปัญหา

“อ้อ แล้วต่อไปนี้อย่าได้มาลำเลิกบุญคุณอันใดอีกและอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” หลิวฟงฉีถือว่าเอ่ยเตือน

“พ่อบ้านซ่งฝูส่งแขก” หลิวฟงฉีเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า

“เจ้า!!” คนตระกูลอี้จุกจนพูดไม่ออกแค้นใจแทบกระอักเลือด

พ่อบ้านซ่งฝูเดินมาพร้อมกับลู่เค่อ,ลู่ฉาง (คนติดตามของหลิวฟงฉี) เพื่อเชิญคนทั้งสี่ออกไปจากจวน และถึงแม้พวกเขาจะไม่ยินยอมที่จะจากไปแต่ก็จนใจทำอะไรไม่ได้เพราะระดับพลังปราณแต่ละคนมิอาจดูเบาได้เลยแม้แต่พ่อบ้านประจำตระกูล

เมื่อส่งแขกเสร็จเรียบร้อยก็ปิดประตูจวนทันที เหลือไว้แต่คนตระกูลอี้ยืนอยู่หน้าจวน

“ท่านแม่ ข้าไม่ยอมนะข้าอยากได้ที่นี้ข้าจะเอาท่านต้องเอามาให้ข้า” อี้หลันเหม่ยบอกอี้เหนียงฮูหยินอย่างเอาแต่ใจ

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่จะทำกับท่านแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ อีกอย่างเราแทบจะไม่มีเงินเหลือแล้วจะอยู่กันอย่างไร เรามาอยู่ที่นี้กันเถอะพี่ใหญ่จะต้องยอมแน่ตอนนี้เขาอาจจะยังโกรธเราอยู่ก็ได้” อี้จางฉู๋พยายามพูดโน้มน้าวนายท่านอี้หลุน

เขาไม่ยินยอมและไม่อาจรับความจริงที่ว่าตนนั้นด้อยกว่าลูกของอนุที่ตายไปแล้วได้

ส่วนอี้เหนียงฮูหยินไม่รู้จะตอบลูกสาวตนอย่างไรอี้หลันเหม่ยนั้นถูกตามใจมาแต่เด็กจนเสียคนและเอาแต่ใจอารมณ์ร้อนก็รู้สึกจนปัญญาไม่ใช่ว่านางไม่อยากได้ที่นี้แต่จะเอามาได้อย่างไรในเมื่อแยกตระกูลกันแล้ว

นายท่านอี้หลุนนั้นคิดว่าอาจจะจริงอย่างที่บุตรชายกล่าวรอให้ฟงฉีใจเย็นแล้วค่อยมาพูดคุยกันใหม่ตกลงกับตัวเองได้แล้วก็บอกกับทั้งหมดกลับจวน

โดยไม่รู้เลยว่าไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรยังไงใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถมาอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้เลย

“เอาอย่างที่จางฉู๋ว่า รอให้ฟงฉีใจเย็นลงก่อน เรากลับกันเถอะและเริ่มเตรียมตัวฝึกฝนได้แล้วอีกหนึ่งปีจะถึงงานเชื่อมสัมพันธ์ดินแดน ถ้าพวกเจ้าชนะหรือเข้าตาสำนักต่างๆ เราอาจจะมีเงินมาใช้จ่ายในจวนมากกว่าเดิม” อี้หลุนคาดหวังกับลูกๆ ขอตน

งานเชื่อสัมพันธ์ดินแดนเป็นการจัดอันดับสำนักศึกษาของในแต่ละดินแดนโดยจะให้สำนักศึกษาในดินแดนตนเองแข่งขันกันก่อนเพื่อให้ได้สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดไปประลองคัดเลือกอันดับกับดินแดนอื่นอีกที

และผู้คนที่ได้ไปประลองในสำนักนั้นๆ ก็จะมีชื่อเสียเงินทองตามมาอีกมากมาย

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว