คุณหมอสะดุดรัก NC20++

สถานบันเทิง

บทที่สามสิบสอง

หมิงเยว่ไปที่บ้านท่านตา ถามหาพี่เฟยเจินแล้วได้รับคำตอบว่าพี่เฟยเจินอยู่ในห้อง จึงได้เดินไปหน้าห้องของพี่เฟยเจินและเคาะประตูห้อง

“พี่เฟยเจิน อยู่รึไม่เจ้าคะ ข้าหมิงเยว่เจ้าค่ะ”

“อยู่ เยว่เอ๋อร์เข้ามาสิ”

พี่เฟยเจินมาเปิดประตูให้หมิงเยว่ เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องและปิดประตูแล้ว พี่เฟยเจินจึงร้องถามหมิงเยว่ว่า

“มาหาพี่ถึงที่บ้าน มีเรื่องอันใดรึ”

“พี่รองบอกข้าว่า สองสามวันมานี้ท่านลุงใหญ่และพี่เฟยหมิงมีสีหน้าไม่สู้ดี อมทุกข์และยังเหม่อลอย จึงให้ข้ามาสอบถามว่า มีเรื่องอันใดรึไม่เจ้าคะ”

จากนั้นพี่เฟยเจินก็ก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก หลังจากปลอบใจพี่เฟยเจินได้สักพัก หมิงเยว่จึงถามว่า

“เกิดอันใดขึ้นรึเจ้าคะ บอกข้ามาเถอะเจ้าค่ะ เผื่อเราจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา”

“เป็นเพราะข้า พี่เฟยหมิงเลยไม่ได้แต่งงาน”

“ทำไมรึเจ้าคะ”

“พี่เฟยหมิงอายุ 19ปีแล้ว มีคู่หมั้นอายุ 18ปี อันที่จริงต้องใกล้แต่งงานแล้ว แต่บ้านนี้มีหกห้องนอน ท่านปู่ท่านย่านอนหนึ่งห้อง ท่านพ่อและท่านแม่ข้าหนึ่งห้อง ท่านลุงรองและป้าสะใภ้หนึ่งห้อง ส่วนข้าและเฟยจูท่านยายเห็นว่าเป็นผู้หญิงเลยให้นอนคนละหนึ่งห้อง พี่เฟยหมิงและเฟยฉีนอนห้องเดียวกัน”

“เมื่อพี่เฟยหมิงจะแต่งงาน ย่อมต้องมีห้องส่วนตัว ข้าจึงขอย้ายไปนอนห้องเดียวกับเฟยจู เพื่อให้พี่เฟยหมิงย้ายมานอนห้องของข้าแทน แต่เฟยจูกลับมิยินยอม บอกว่าข้าอายุ 16ปีแล้ว รอให้ข้าแต่งงานออกไปก่อน ห้องของข้าก็จะว่าง แล้วจึงค่อยให้พี่เฟยหมิงแต่งงาน”

“เยว่เอ๋อร์ ข้าไม่ดีเอง อายุป่านนี้แล้ว ยังไม่มีคนมาสนใจ ยังไม่ได้แม้แต่หมั้นหมาย แล้วเมื่อใดพี่เฟยหมิงจะได้แต่งงาน ทางฝ่ายหญิงก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะยอมรอพี่เฟยหมิงรึไม่”

“มันไม่ใช่ความผิดของพี่เฟยเจินเลยเจ้าค่ะ มันเป็นความผิดของคนเห็นแก่ตัวมากกว่า เหตุใจจึงไม่ให้ท่านตาบอกให้นางยินยอมล่ะเจ้าคะ”

“เยว่เอ๋อร์ ท่านลุงใหญ่ของเจ้ารักท่านตาท่านยายของเจ้ามาก กลัวว่าพวกท่านจะเสียใจที่ลูกหลานทะเลาะกัน ไม่ว่าเรื่องอันใดท่านพ่อของข้าก็ยอมให้แก่พวกเขาทั้งสิ้น”

“พวกเราไม่ได้แยกบ้านออกจากกัน เมื่อก่อนที่ท่านพ่อของข้าและพี่เฟยหมิงยังไม่ได้ทำงานกับพวกเจ้า ต้องไปรับจ้างหางาน ทำงานหนักมากเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน โดยเฉพาะค่าเรียนของเฟยฉี แม้แต่ข้าและท่านแม่ยังต้องแอบหาเงินเป็นค่าสินสอดให้พี่เฟยหมิงโดยการเย็บปักผ้าแล้วนำไปขายในตำบล ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อยที่ได้ไปทำงานกับพวกเจ้า จึงคิดว่าจะให้พี่เฟยหมิงแต่งงาน แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นมาอีก”

“พี่เฟยเจิน ใจเย็นๆนะเจ้าคะ ทุกอย่างย่อมมีทางแก้เจ้าค่ะ ข้าขอกลับไปปรึกษาท่านพ่อท่านแม่ก่อนเจ้าค่ะ”

“ขอบใจมากเยว่เอ๋อร์”

จากนั้นหมิงเยว่จึงกลับบ้านไปปรึกษากับท่านพ่อและท่านแม่ ตอนหัวค่ำท่านพ่อ ท่านแม่ และหมิงเยว่จึงไปปรึกษาเรื่องการแยกบ้านกับท่านตาท่านยาย ตอนแรกพวกท่านตกใจมาก แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจึงได้แต่ถอนหายใจและยินยอมให้แยกบ้าน เพื่อครอบครัวของลูกชายคนโตที่ยอมเสียสละมาตลอด จากนั้นท่านตาและท่านยายจึงเรียกทุกคนในบ้านมาที่โถงนั่งเล่น

“ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมาเพื่อจะบอกเรื่องการแยกบ้าน”

“ทำไมต้องทำเช่นนั้นด้วยขอรับท่านพ่อ” ท่านลุงใหญ่ร้องถาม

“ก็เพื่อเจ้าและครอบครัวของเจ้า”

เหอจิวหูเมื่อได้ฟังก็รู้สึกละอายใจ เพราะเขารู้ว่าครอบครัวพี่ใหญ่ทำงานหนักทุกคน ไม่เหมือนครอบครัวของตัวเอง ที่มีแต่ตนเองทำงานเพียงคนเดียว จึงได้ร้องบอกว่า

“ข้าเห็นด้วยขอรับท่านพ่อ”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงพูดกับท่านพ่อเยี่ยงนี้ ถ้าแยกบ้านไปแล้วอาฉีจะทำเยี่ยงไร ทุกวันนี้ก็ลำบากอยู่แล้ว” ป้าสะใภ้รองรีบกล่าวห้าม

“เจ้าหุบปาก” ท่านลุงรองตะคอกท่านป้าสะใภ้รอง ท่านป้าสะใภ้รองตกตะลึงมาก เพราะท่านลุงรองไม่เคยดุด่าหรือขึ้นเสียงใส่นาง

“เชิญท่านพ่อ พูดต่อขอรับ”

“เรามีที่ดินสิบหมู่ แบ่งให้เจ้าใหญ่ห้าหมู่ เจ้ารองห้าหมู่ ส่วนบ้านหลังนี้ยกให้เจ้ารองเพราะเห็นแก่อาฉีที่ต้องเรียนหนังสือ”

“ข้าไม่ยินยอมเจ้าค่ะ ที่ดินห้าหมู่ไม่เพียงพอกับค่าเรียนของอาฉีหรอกเจ้าค่ะ”

“ข้าสั่งให้เจ้าหุบปาก” ท่านลุงรองตะคอกท่านป้าสะใภ้รองอีกครั้ง

“ส่วนเงินในบ้าน ตอนนี้มีอยู่สามสิบตำลึง พวกเจ้าแบ่งคนละสิบห้าตำลึง”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ อย่างน้อยพวกเราต้องได้ยี่สิบตำลึง ใกล้จะถึงเวลาจ่ายค่าเรียนอาฉีแล้ว”

หมิงเยว่นั่งฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ รู้สึกรังเกียจและสะอิดสะเอียนท่านป้าสะใภ้รองมากจนทนไม่ไหว จึงกล่าวกับท่านป้าสะใภ้รองว่า

“เช่นนั้นเงินส่วนนี้ก็ให้เป็นของท่านลุงใหญ่ให้หมดเจ้าค่ะ”

“เจ้าพูดอะไรออกมา” ท่านป้าสะใภ้รองขึ้นเสียงใส่หมิงเยว่

“เงินนี่ที่จริงคือเงินที่ท่านแม่มอบให้ท่านตาท่านยายเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่เงินกองกลางของบ้าน ที่แทบจะไม่เหลือเพราะต้องเอาไปเป็นค่าเรียนและค่าใช้จ่ายของพี่เฟยฉีจนหมด อีกทั้งท่านลุงใหญ่ยังต้องเลี้ยงดูท่านตาท่านยาย ส่วนบ้านก็ยกให้พวกท่าน สามสิบตำลึงควรเป็นของท่านลุงใหญ่ทั้งหมด ไม่ควรมีส่วนของท่านแม้แต่น้อย”

“แล้วข้าจะมีเงินไปจ่ายค่าเรียนให้อาฉีได้อย่างไร”

“ก็นำเครื่องประดับที่ท่านและพี่เฟยจูใส่ไปขายสิเจ้าค่ะ น่าแปลกนะเจ้าค่ะ ครอบครัวท่านลุงใหญ่ทำงานหนักทุกคนเพื่อหาเงินเข้าบ้าน กลับไม่มีเครื่องประดับดีๆสวมใส่ แต่ครอบครัวท่านมีเพียงท่านอารองที่ทำงานหนัก แต่พวกท่านกลับมีเครื่องประดับสวมใส่ ไม่รู้ว่านำเงินมาจากที่ใด”

ท่านป้ารองโกรธจนตัวสั่น หมิงเยว่แสร้งมองไม่เห็น แล้วกล่าวต่อว่า

“ถ้าท่านยังยืนยันที่จะเอาเงินยี่สิบตำลึงให้ได้ ต่อไปท่านลุงรองก็ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านน้ำเต้าหู้อีกเจ้าค่ะ”

ท่านป้าสะใภ้รองทั้งโกรธและตกใจมาก ครุ่นคิดสักพักจึงกัดฟันกล่าวว่า

“ได้ ข้ายอมแยกบ้าน ที่ดินห้าหมู่และบ้านหลังนี้ต้องเป็นของพวกข้า”

“ตกลงเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว