คุณพ่อจอมซ่ากับคุณน้าจอมเซี้ยว-8. อีกครั้ง...เพราะมันฝังใจ

โดย  ศิริรตา

คุณพ่อจอมซ่ากับคุณน้าจอมเซี้ยว

8. อีกครั้ง...เพราะมันฝังใจ

บ่ายแก่ ๆ แสงแดดร้อนแรงส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดรับลมทำให้หมอกวางที่นอนกลางวันอยู่ตื่นสะดุ้งขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ตั้งใจจะดึงผ้าม่านลงแล้วกลับไปนอนต่อ แต่ภาพที่เห็นทำให้เธอมองค้างกลายเป็นรูปปั้นอยู่นานสองนาน เพราะว่าพี่เรกำลังล้างรถอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา

แต่ทำไมเขาล้างรถแล้วต้องทำตัวเป็นอาหารตา...ถอดเสื้อโชว์ซิคแพคให้สาว ๆ มองด้วย สาว ๆ อีกคนที่ว่าคือสาวใช้ตัวดีที่น้ำลายไหลยืด

คุณหมอคว้ามือถือแล้วส่งข้อความให้สาวใช้คนสนิท

สาวบัวที่เกาะหน้าต่างแอบมองรูปร่างที่แสนจะเพอร์เฟคของผู้พันเรอยู่ชั้นล่างพอได้ยินเสียงดนตรีที่ดังจากมือถือก็ตื่นจากฝันหวาน แตะเลื่อนหน้าจออ่านข้อความ

“ห้ามมองนะ!”

คนอะไรขี้เหนียว เธอขอดูนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ได้

ว่าแต่ทำไมคุณกวางถึงรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่?

พอแหงนหน้าขึ้นมองชั้นบนก็เห็นคุณหมอยืนอยู่ริมหน้าต่างเท้าสะเอวตีหน้ายักษ์ใส่ทำปากขมุบขมิบ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดี

“ลงมาสิ!” เห็นกวางน้อยยืนอยู่ริมหน้าต่างทำท่าทางแปลก ๆ เขาจึงกวักมือเรียก แล้วยังพยักเพยิดให้สายบัวไปช่วยประคองเจ้านายลงมา

ในใจสายบัวบ่นว่าเสียดายเหลือเกิน เพราะเธอยังอยากมองผู้พันเรต่ออีกนิด

“ห้ามมองนะ” เดินไปถึงตรงหัวบันไดหมอกวางก็กำชับสาวใช้อีกครั้ง ซ้ำยังทำหน้าตาจริงจังคล้ายภรรยาที่หึงหวงสามี “ถ้ากล้าแอบมองพี่เรอีก กวางจะบอกคุณย่าให้หักเงินเดือนบัวห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย...คอยดูสิ”

สายบัวสะดุ้งสุดตัว เล่นมาไม้นี้เธอยังจะกล้าอีกเรอะ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างแรงคอแทบเคล็ด “บัวไม่กล้าแล้วค่ะ”

เมื่อประคองเจ้านายมาถึงตรงจุดที่ผู้พันเรกำลังล้างรถอยู่สาวใช้ก็รีบเผ่นหนีทันที เพราะกลัวว่าจะเผลอมอง ‘ของหวง’ ของเจ้านายเข้า

คุณหมอไม่กล้ามองไปที่ร่างกึ่งเปลือย พอหางตาเหลือบเห็นผ้าเช็ดรถ ก็คว้ามาถูแรง ๆ

ท่าทางแปลก ๆ ของกวางน้อยที่ไม่ยอมหันมามองทำให้ริมฝีปากหยักยักยิ้มขบขัน

กวางน้อยไร้เดียงสาเหลือเกิน

ยิ่งเธออยากหลีกหนี เขาก็ยิ่งอยากจะเข้าใกล้

“เป็นไง หลับสบายดีไหม” เขาไม่พูดเปล่ายังขยับเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดริมใบหู

ขอร้องล่ะ อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้เลย

เธอเบี่ยงตัวหนีไปอีกทาง แต่ผู้ชายหน้าตีให้ตายกลับสาวเท้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“เย็นนี้อยากกินอะไร” เสียงทุ้มถามต่อ

เธอก้มหน้างุดทำให้มองเห็นซิคแพคเป็นมันเหลื่อมสะท้อนแสงแดด หยดน้ำหลายหยดที่เกาะอยู่บนกล้ามเนื้อแน่นตึงทำให้ลำคอของคุณหมอพลันแห้งผาก เลือดในกายรุ่มร้อน ใบหน้าร้อนผ่าว

“อยากกินอะไร”

ยิ่งกวางน้อยหน้าแดงไปถึงใบหูเขาก็ยิ่งชอบใจ

คราวนี้ไม่เพียงตัวแทบจะแนบชิดกัน แต่ผู้ชายที่น่าทุบให้ตายด้วยไม้ค้ำยันยังใช้ลำแขนทั้งสองข้างกักตัวเธอไว้

“หือ?”

“อะ...อะ...อะไรก็ได้” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก คิดว่าควรใช้ไม้ค้ำยันข้างไหนทุบเขาให้ตายดี

ท่าทางน่าสงสารและไร้เดียงสาของเธอทำให้เขาไม่อยากกลั่นแกล้งเธอต่อ

ในใจแช่งชักหักกระดูกญาติผู้พี่ทั้งสองของคุณหมอไปห้าชั่วอายุคน

กวางน้อยใสซื่อเหลือเกิน พวกพี่ชายเลี้ยงเธอมายังไงกันนะ แบบนี้จะทันคนไหม!

พูดถึงคนคนก็มา...

ร่างสูงของกวียืนอยู่ริมรั้วมองมาทางนี้พอดี

จับตามองเขาเรอะ! เขาไม่ทำให้ผิดหวังหรอก!

คิดแล้วก็ก้มลงดมกลิ่นเรือนผมของคนที่กำลังก้มหน้างุด

“ผมเราเหม็นแล้วนะ...กวางน้อย” เขากระซิบข้างริมหูเธอ ซ้ำยังทำหน้าโรแมนติค ตีบทกระจุยขนาดพระเอกหนังฮอลลีวู้ดยังเทียบไม่ติด

คำนี้ได้ผลชะงัดเพราะเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาอยากฆ่าคน

“โอ๊ย!” ร่างสูงถูกผลักอย่างแรงจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

กวางน้อยจะให้ความร่วมมือกันสักนิดก็ไม่มี เขามองตามร่างบางอย่างเซ็ง ๆ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างรั้ว ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใคร


กวีรอจนผู้พันเรออกจากบ้านไปแล้วจึงผลักประตูที่กั้นระหว่างบ้านสองหลังมาเยี่ยมเยียนหมอกวางเพราะมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ

“ถุงอะไรคะ?”

“ไอติมรสมะนาว” เขาพูดยิ้ม ๆ ยื่นถุงพลาสติคให้เธอ

“ขอบคุณนะคะ พี่กวีไม่เห็นต้องลำบากเลย” เธอพูดพลางยื่นมือออกไปรับ

“ตู้เย็นบ้านเราเต็มแล้วกวางน้อย” ร่างสูงใหญ่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคว้าถุงพลาสติคแล้วส่งคืนให้กวี

หึ...เมื่อกี้ตอนออกขับรถออกไป เขายังไม่ผ่านประตูบ้านก็เห็นเจ้าหนุ่มเดินหน้าตั้งมาหากวางน้อยพอดี

“จะเต็มได้ยังคะก็เมื่อกี้...”

“กวางคิดว่าพี่โกหก?!”

เขาตีหน้ายักษ์ใส่เธอจึงหุบปากไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงอีก แต่ก็ไม่ยอมให้
ไอติมของโปรดหลุดลอยไปง่าย ๆ หรอก อีกอย่างเสียน้ำใจคนให้ด้วย ฉวยโอกาสตอนเขาเผลอแย่งถุงไอติมมาจนได้

“กวางน้อย!” เสียงกัดฟันดังกรอด

นับวันเด็กคนนี้ก็ชักขวัญกล้า ไม่กลัวเขาเลย

“พี่มีเรื่องจะพูดด้วย พวกเราคุยกันเป็นการส่วนตัวได้ไหม” กวีขัดจังหวะสองหนุ่มสาวที่ตั้งท่าจะต่อปากต่อคำกันอีกนาน

“ผมเป็นผู้ปกครองของกวาง คุณจะพูดอะไรก็รีบพูดมา”

สายตาของกวีมองคุณหมอสาวแทนคำขอร้อง

“พี่เร...”

“เชิญคุณกวีข้างใน” ผู้พันหนุ่มไม่สนใจสายตาดื้อรั้นของเธอ พูดแล้วหันกายเข้าบ้านเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายตามมา

หมอกวางไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้ชายหนุ่ม

รอจนทุกคนนั่งลงแล้วผู้พันเรจึงโบกมือให้เพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยจะถูกชะตากัน

“คุณกวีมีอะไรก็พูดเลย ไม่ต้องเกรงใจ”

“เรื่องที่กวางทิ้งข้อความไว้ให้พี่”

“อ้อ...เรื่องนั้น” เพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ เธอจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

“คุณย่าบอกว่ารอให้กวางหายก่อนค่อยว่ากัน”

สายตาของกวีทอประกายผิดหวัง ทำให้ผู้พันเรที่จับตามองอยู่อยากรู้ว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่

“ถ้าคุณย่าอยากให้กวาง...” เขาหยุดพูดเสียเฉย ๆ จนคนที่อยากรู้ใจจะขาดอยากจะชกหน้ามันสักหมัด “พี่...ตกลง”

“ตกลงเรื่องอะไร” ในที่สุดความอดทนของเขาก็ใช้ไปจนหมด ถามชายหนุ่มตรง ๆ

“ถ้ากวางอยากบอก...คุณก็คงรู้ตั้งนานแล้ว”

“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน” ผู้พันเรหันมาถามเด็กในปกครองหน้าตาเคร่งขรึม

เธออ้าปากหาว หันไปมองนาฬิกาติดผนัง “บ่ายกว่า ๆ แล้วถึงว่าทำไมกวางถึงง่วงจัง”

“บัว!” แหกปากเรียกสาวใช้เสียงดังลั่นบ้าน สายบัวที่รู้ใจเจ้านายดีเยี่ยมถลันกายเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นห้อง

“กลับมานี่เลยนะ!” ปล่อยให้ผู้พันเรโมโหหัวฟันหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว

หึ...คิดว่าจะปิดเขาได้เรอะ!


เย็นนี้สาว ๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะผู้พันเรที่ลางานได้หยุดพักร้อนเป็นวันแรกบอกว่าจะเข้าครัวทำอาหารฝรั่งให้กิน

สายบัวตื่นเต้นเพราะยังไม่เคยไปเมืองนอกเมืองนากับเขาเลย ส่วนอาหารฝรั่งแต่ละจานแพงจนซื้อข้าวกินได้เป็นอาทิตย์ เธอก็ยังไม่เคยกิน

คุณหมอเป็นนักเรียนอังกฤษต้องเคยกินอาหารฝรั่งอยู่แล้ว แต่ที่ตื่นเต้นเพราะพี่เรจะทำกับข้าวให้เธอกินกับมือเป็นครั้งแรก จะไม่ให้เธอตั้งตารอได้อย่างไร

ส่วนภูรีเด็กนักเรียนนอกอีกคนเห็นสาว ๆ ตื่นเต้นก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย แต่พอเห็นวัตถุดิบในถุงที่ญาติผู้พี่ซื้อมาเขาก็พยักหน้า เพราะรู้แล้วว่ามันคืออะไร จากนั้นก็ออกไปวิ่งออกกำลังกายด้วยความทุ่มเท เพราะตอนบ่ายพี่เรเล่นโชว์หุ่นซิคแพคให้ดู เขาจึงเกิดแรงบันดาลใจอยากมีรูปร่างเหมือนญาติผู้พี่

“ตกลงพี่เรจะทำอะไรกินคะ” คุณหมอที่ได้รับอนุญาตให้เข้าครัวได้ชั่วคราว ถามชายในดวงใจด้วยประกายตาสดใสเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาจึงพลอยทำให้เขายิ้มออกมาด้วย

“ความลับ” เขายกมือขึ้นลูบเรือนผมดกดำ แล้วก้มหน้าลงดมกลิ่นหอมของดอกมะลิเข้าเต็มปอด เพราะเมื่อตอนบ่ายหลังจากล้างรถเสร็จเขาก็สระผมให้กวางน้อยด้วยแชมพูดอกมะลิ

ตั้งแต่พี่เรซื้อเตียงสระผมกับแชมพูให้ เขาอาสาสระผมให้เธอเองกับมือแล้ว ยังแอบดมผมของเธอประจำ จะใช้คำว่า ‘แอบ’ ไม่ได้เพราะเวลามีคนอยู่ด้วยเขาก็จะทำด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยและยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ จนเธอปล่อยเลยตามเลย อยากจะดมก็ให้เขาดมไป

“มองอะไร!” ถูกตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงดุดันสายบัวจึงไปยืนทำตัวลีบแอบอยู่ข้างหลังเจ้านายสาว

ถ้าไม่อยากให้คนอื่นมองคุณเรก็อย่าทำอะไรในที่แจ้งอย่างนี้สิ สาวใช้โอดครวญในใจ

มือหนาคว้าผ้ากันเปื้อนลายดอกกุหลาบสีแดงสดผูกเอวด้วยท่าทางทะมัดทะแมงเหมือนพ่อครัวมืออาชีพ โดยมีสายตาสองคู่จับจ้องอยู่ทุกความเคลื่อนไหว

ร่างสูงเอาไส้กรอกเนื้อออกจากถุงแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นเป็นมันฝรั่งและกระหล่ำปลี สายบัวก้มหน้าก้มตาจดขั้นตอนการทำอย่างละเอียด วันหลังกลับไปบ้านแล้วจะทำให้พ่อกับน้องชายได้ลองกินอาหารฝรั่ง

ล้างวัตถุดิบที่มีเพียงสามอย่างจนสะอาดแล้วเขาก็หันคว้าหม้อที่อยู่ชั้นล่าง แล้วหย่อนไส้กรอกเนื้อลงไปก่อน ตามด้วยมันฝรั่งและกระหล่ำวางด้านบนสุด เติมน้ำลงไปจนท่วม เปิดเตา แล้วหันมาหยักคิ้วให้สองสาว

“แค่นี้เหรอคะ” สายบัวทำหน้างง

“ต้องทำซอสด้วยใช่ไหมคะ” คุณหมอซัก

ร่างสูงส่ายหน้า “รอแค่ครึ่งชั่วโมงก็สุกแล้ว แค่บดมันฝรั่งคลุกกับเนยก็นี้ก็เสร็จแล้ว”

สองสาวทำหน้างงกันใหญ่

เอ่อ...อาหารฝรั่งของพี่เรมันจะง่ายไปไหม คุณหมอกระพริบตาปริบ ๆ หาคำพูดไม่เจอ

ไม่เห็นจะสวยเหมือนในรูปเลย...อาหารฝรั่งของคุณเร สายบัวต่อว่าเขาในใจ

“เป็นไง boil-up ง่ายมากใช่ไหมล่ะ คนนิวซีแลนด์เขากินกันแบบนี้แหละ อันที่จริง boil-up เป็นอาหารท้องถิ่นของคนเมารี ถ้าเป็นเนื้อใช้ไส้กรอกหรือกระดูกเบคอน ผักจะใช้ watercress แต่เราไม่มีเลยต้องใช้กระหล่ำปลีแทน ส่วนมันฝรั่งใช้มันเทศหรือ kumara ซึ่งเป็นภาษาเมารี ประเทศตะวันตกบางประเทศเรียก kumara ว่า sweet potato” เขาหยุดจังหวะพูดเมื่อเห็นสองสาวตั้งใจฟังจึงพูดต่อ “watercress เป็นพืชน้ำเหมือนผักบุ้ง คนเมารีมักจะใช้กับการต้มเป็นหลัก”

“กวางคิดว่าพี่เรมั่วนิ่มซะอีก” หญิงสาวยิ้มแหย ๆ “ของจริงเหรอคะ” เธอทำหน้าไม่ค่อยเชื่อถือ

“ทีหลังพี่จะไม่ทำอะไรให้กินแล้ว” พูดเสร็จเขาก็ทำหน้าน้อยอกน้อยใจเดินดิ่งไปที่ประตู

“ขอบคุณนะคะพี่เร มื้อนี้กวางจะกินให้เกลี้ยงจานเลย!”

“ขอบคุณค่ะคุณเร!”

คล้อยหลังร่างสูงสองสาวสบตากันแล้วหัวเราะคิกคัก

ผู้ชายอะไรขี้น้อยใจ!


ใช่ว่าใคร ๆ จะเป็นพี่เลี้ยงกวางน้อยได้ ทำกับข้าวให้กินแล้วเธอยังรบเร้าให้เขาพาไปดูดงดูดาวอะไรนั่นอีก...ไร้สาระจริง ๆ

“พลีส” คุณหมอพนมมือ ส่งสายตาน่าสงสารคล้ายลูกกวางน้อยที่ถูกทอดทิ้งท่ามกลางสายฝนในคืนที่มิดมืด แต่อีกฝ่ายแค่มองเธอด้วยหางตา ยกมือขึ้นกอดอกปิดเปลือกตาลงอย่างไม่ไว้หน้ากันเลย

หญิงสาวทำปากขมุบขมิบแช่งชักหักกระดูก แลบลิ้นปลิ้นตาให้เป็นของแถม

ขอให้คืนนี้พี่เรฝันร้าย! นอนไม่หลับทั้งคืน!

แต่จะให้เธอยอมแพ้ง่าย ๆ นะเหรอ ไม่มีทาง!

“คืนนี้อากาศข้างนอกดีดี๊ เป็นคืนที่เหมาะกับการดูดาวสุด ๆ เลยค่ะ” เธอกระชับไม้ค้ำยัน มืออีกข้างออกแรงดึงท่อนแขนกำยำสุดชีวิต แต่เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน แรงมดอย่างเธอจะไปสู้พญาราชสีห์ได้อย่างไร

เธอหลุบสายตาลงแล้วคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

“โอ๊ย!” จู่ ๆ เขาได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ร่างสูงลุกขึ้นพรวดปราดเข้ามาประคองร่างบาง

“กวางเป็นอะไร”

คิก ๆ ๆ ๆ วิธีนี้ได้ผล ไม่ต้องเปลืองแรงเลยสักนิดเดียว

ไม้ค้ำยันก็ไม่ต้องใช้แล้ว มือเล็กเกาะลำแขนแกร่งเหนียวแน่นยิ่งกว่ากาวตราช้าง ทั้งลากทั้งจูงร่างสูงให้เดินตาม

“กล้าหลอกพี่เรอะ!” เขาย่อตัว อุ้มเธอขึ้นแนบอก

“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยกวางนะ!” กลัวว่าตัวเองจะหล่นลงไปกองกับพื้นมือเล็กจึงเกาะลำคอเขาไว้แน่น หลับตาปี๋ไม่กล้ามองและไม่อยากคาดเดาว่าเขาคิดจะทำอะไร

“อยากดูดาวไม่ใช่เหรอ หลับตาแล้วจะมองเห็นอะไร” เสียงทุ้มกระซิบแฝงความหยอกเย้า

หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ เห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางแสงจันทร์ และน้ำค้างปลายยอดหญ้าที่สะท้อนสีเงินยวง

“ไม่เห็นจะมีดาวซักกะดวงเดียว เราไปนอนเถอะกวางน้อย” อารมณ์
โรแมนติคค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นเพราะคนไร้หัวใจ

“อยากเห็นของดีก็ต้องใจเย็น ๆ สิคะ” เธอพยายามหลอกล่อ “พี่เรพากวางไปนั่งตรงโน้นเร็ว” เธอพูดพลางชี้ไปที่ม้าหินอ่อนริมสวน

“กล้าสั่งพี่เชียวเรอะ!” ถ้าไม่ติดที่กำลังอุ้มเธออยู่เขาก็จะดีดหน้าผากกวางน้อยสักสองที

“กวางหรือคะจะกล้าสั่งพี่เร” เธอฉีกยิ้มหวาน “ไม่กล้าหรอกค่ะ” นัยน์ตาสีเข้มสบตาเธออย่างคาดโทษ

วางร่างเล็กลงตรงม้าหินอ่อนแล้วสายลมยามค่ำคืนก็พัดเอาความเย็นเยือกมาด้วย ร่างบางยกมือขึ้นกอดอกเพื่อคลายความหนาว

“จะลำบากตัวเองไปทำไมกันนะ” เขายังไม่เลิกบ่น ทอดสายตามองคนตัวเล็กแล้วก็หันหลังกลับเข้าบ้าน ปล่อยให้เธอมองตามพูดไม่ออกสักคำเดียว

พี่เรปล่อยเธอไว้ตรงนี้คนเดียว ใจดำที่สุดเลย!

“บัว!” ไม้ค้ำยันก็ไม่มีแล้วเธอจะเดินกลับยังไง เลยต้องแหกปากเรียกสาวใช้ มองไปที่ประตูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสายบัว แต่กลับเห็นร่างสูงเดินกลับมาในมือมีผ้าห่มผืนเล็กติดมือมาด้วย

พี่เรกลับไปเอาผ้าห่มก็ไม่ออก ปล่อยให้เธอเข้าใจผิดอยู่คนเดียว

มือหนาคลี่ผ้าห่มคลุมร่างเล็กแล้วรวบเธอเข้ามากอดแนบอก

ใครว่าพี่เรโรแมนติคไม่เป็น เธอชมเขาในใจแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ซุกใบหน้ากับอกแกร่ง สูดดมกลิ่นคุ้นเคยเข้าเต็มปอด

เขาก้มหน้ามองร่างเล็กในอกแล้วดันหน้าผากเธอออกห่าง “ไหนกวางบอกว่าจะดูดาวไง มัวแต่ซุกหน้ากับอกพี่แล้วจะมองเห็นอะไร”

จู่ ๆ สายลมกรรโชกแรงคล้ายพายุใหญ่กำลังจะมาเยือน หอมเอากลิ่นไอของสายฝนมาด้วย เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพราะกลัวว่าเธอจะหนาว

“แย่จัง สงสัยฝนจะตก มองไม่เห็นดาวเลยค่ะ” เธอโปรย ๆ ด้วยความผิดหวัง กว่าจะพี่เรจะยอมมาดูดาวด้วยเธอก็เหนื่อยจะแย่ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกครั้งเมื่อไหร่

“พรุ่งนี้เราค่อยออกมาดูก็ได้” ร่างสูงลุกขึ้นแล้วช้อนตัวเธอแต่ถูกมือเล็กผลักออก

“อีกแป๊บนะคะ”

เธอยังอยากนั่งดูดาวกับพี่เรต่ออีกสักหน่อย ถึงแม้ว่าท้องฟ้าค่ำคืนนี้จะไร้ซึ่งดาวก็ตาม

ร่างสูงแหงนหน้ามองฟ้าสุดท้ายจึงหย่อนกายนั่งลง บางครั้งกวางน้อยก็แสนจะดื้อดึงแต่เขาก็ไม่อยากขัดใจเธอ

“ถ้ามีดาวเต็มท้องฟ้าคงจะสวยมากแน่ ๆ” เธอทำหน้าเพ้อฝัน

“กวางน้อยน่าจะลองเขียนนิยายดูนะ”

“ทำไมคะ” เธอหันขวับมาจ้องหน้าเขา

“ก็จินตนาการของเราแสนจะบรรเจิดน่ะสิ”

ส่งค้อนให้เขาแล้วเธอจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าต่อ ร่างบางสั่นนิด ๆ เพราะสายลมที่พัดผ่านมาอีกระลอกหนึ่ง นัยน์ตาคมกริบจับตามองอยู่ก่อนแล้วจึงยื่นมือรวบเอวเธอไปกอด

ความอบอุ่นจากร่างกายเขาส่งผ่านชั้นผ้าเข้ามาชั้นแล้วชั้นเล่าโอบล้อมตัวเธอเอาไว้ กลิ่นกายของเขา อ้อมกอดของเขาคล้ายพันธการที่ไร้รูปร่างเกี่ยวกระหวัดร่างเธอให้ผูกติดอยู่กับเขา แม้อยากจะดิ้นให้หลุดจากพันธการนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้

แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจ เพราะจู่ ๆ ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาคว้าผ้าห่มคลุมร่างบาง ช้อนร่างเธอขึ้นแล้ววิ่งเข้าบ้าน แต่ถึงกระนั้นสายฝนก็ยังซึมผ่านเนื้อผ้าจนเสื้อท่อนบนเปียกชื้น

“ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!” อุ้มเธอมาถึงห้องนอนแล้วหญิงสาวก็จามไม่หยุด

“เราคงไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม” คิ้มเข้มขมวดเข้าหากัน

“กวางไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนั้นซักหน่อย”

เขาวางเธอลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างไม่วางใจ เรียกสาวใช้ให้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงกลับมาที่ห้องเธออีกครั้ง

“ชาขิงร้อน ๆ กวางน้อยรีบดื่มซะ” เขายื่นถ้วยชาให้ด้วยแววตาแสดงความห่วงใย

สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่แค่เพียงถ้วยชาแต่เป็นความใส่ใจที่เขามีให้ ถึงแม้ว่าฐานะของเธอในใจเขาเป็นได้เพียงเด็กในปกครองเท่านั้น แต่หัวใจของเธอกลับร้อนรุ่มไปด้วยไออุ่นไม่แพ้ถ้วยชาร้อน ๆ ถ้วยนี้

“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำขอบคุณเขาเบา ๆ จมจ่อมอยู่กับความคิดตัวเองจึงไม่ทันสังเกตว่าเขานั่งลงตรงข้างเธอไม่ยอมไปไหน

“ถ้าไม่รีบดื่มเดี๋ยวจะเย็นนะ”

“คะ?!” เธอสะดุ้งสุดตัวไม่ทันระวังจึงถูกน้ำชาลวก

“เฮ้อ...ทำไมเราถึงซุ่มซ่ามยังงี้” บ่นเสร็จก็ลุกไปหยิบผ้าขนหนูในห้องน้ำมาเช็ดมือให้

“ดื่มเสร็จก็นอนซะ” ชะโงกหน้ามามองน้ำชาในมือเธอแล้วผู้พันหนุ่มก็ยังไม่ยอมไปไหน พยักพเยิดให้เธอรีบดื่ม

“เมื่อกี้พี่เรก็ถูกฝนด้วยนี่นา” เธอช้อนขนตางอนยาวเตือนเขาบ้าง พลางยื่นถ้วยชาจรดริมฝีปากหนา เร่งให้เขาดื่มด้วยสายตารอคอย

เพราะกลัวว่าเธอจะทำซุ่มซ่ามจนทำน้ำชาหกลวกมือตัวเองอีก สองมือจึงกุมมือเธอไว้อย่างมั่นคงพลางก้มลงจิบน้ำขิงในมือเธอ

ความร้อนรุ่มที่ไหลเวียนในกายไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำขิงร้อนหรือว่าเพราะมืออุ่นร้อนของเขากันแน่

รอจนเธอดื่มน้ำชาจนหมดเขาถึงดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงได้วางใจออกจากห้องไป


สงสัยว่าคงจะมีคนสาปแช่งคืนนี้เขาถึงนอนไม่หลับ พลิกตัวกลับไปกลับมาหลายรอบแล้วแต่ก็ยังตาสว่าง สุดท้ายจึงลุกขึ้นจากเตียงสาวเท้าไปยังห้องที่อยู่ตรงข้าม

หวังว่ากวางน้อยถูกระอองฝนตอนหัวค่ำแล้วคงจะไม่จับไข้หรอกนะ

ถึงเธอจะยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอแต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ต้องมาดูด้วยตาตัวเองคืนนี้ถึงจะหลับตาลงได้

ร่างสูง เปิดประตูอย่างเบามือเพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะสะดุ้งตื่น เขาสาวเท้าหยุดอยู่ข้างเตียงชะโงกดูใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ

ทำไมถึงหน้าแดง กวางน้อยคงไม่ได้จับไข้หรอกใช่ไหม

“พี่เร...” เธอละเมอเสียงเบาเหมือนเสียงยุงเขาจึงนั่งลงริมเตียง ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ “อย่าไปนะ”

แม้แต่ตอนนอนเธอก็ยังละเมอเรียกชื่อเขาอีก ความรู้สึกแปลก ๆ ไม่คุ้นเคยผุดขึ้นกลางใจ

แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาหาเหตุผลใคร่ครวญว่ามันคืออะไรกันแน่ พันตรีนเรศยื่นหลังมือวัดอุณหภูมิหน้าผากเนียน

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเป็นปม กวางน้อยตัวร้อนมาก ต้องเช็ดตัวให้โดยด่วน แต่ตอนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนสาวใช้ของเธอที่มีนิสัยหลับเป็นตาย คงจะใช้เวลาไม่น้อยถึงจะปลุกเธอขึ้นมาได้ แต่กวางน้อยรอไม่ได้

ใบหน้าหล่อเหลาครุ่นคิดอยู่อึดใจใหญ่ในที่สุดก็ตัดสินใจได้

จะไปยากอะไรปิดไฟแล้วถอดเสื้อผ้าเช็ดตัวให้เท่านี้เขาก็มองอะไรไม่เห็นแล้ว คิดเสียว่ากวางน้อยเป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ ก็แล้วกัน

คืนนั้นทั้งคืนเขายุ่งอยู่กับการเช็ดตัวให้ลูกสาวคอยปลุกให้เธอลุกขึ้นมากินยาทุกสี่ชั่วโมงจนมองเห็นแสงสีทองจับขอบฟ้าไข้ของเธอถึงได้ลดลง

เมื่อวางใจได้เขาก็ถูกกองทัพง่วงงุนโจมตี ลุกขึ้นจากริมเตียงแล้วทอดกายนอนลงเคียงข้างเธอ กลิ่นหอมรวยรินจากเรือนผมของร่างบางทำให้เขาหลับสนิท

“กรี๊ดดดดด!”

หลับไปไม่นานนาฬิกาปลุกที่น่าตีให้ตายก็แผดเสียงดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก

“พะ...พะ...พี่เรมานอนตรงนี้ได้ยังไง” เธอทำหน้าคล้ายถูกคร่าพรหมจรรย์เป็นครั้งแรก กระชับผ้าห่มคลุมตัวจนแน่นแล้วก็ค่อย ๆ ก้มลมลงมองว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้นไหม

เมื่อวานสายบัวช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แต่มันไม่ใช่ชุดนอนชุดนี้!

เอ๊ะ!

คนที่ควรโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทาควรจะเป็นตัวเธอเอง แต่ทำไมพี่เรถึงได้ใช้สายตาอยากฆ่าคนมองเธอเล่า

ร่างหนาที่นอนอยู่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นหนุนศีรษะ

“จะบอกอะไรให้นะกวางน้อย” เขาหรี่ตาลงแล้วพูดต่อ “เมื่อคืนเราจับไข้ทั้งคืน พี่ต้องคอยเช็ดตัวให้จนถึงเช้า เมื่อกี้เพิ่งจะนอนได้งีบเดียวเราก็แหกปากร้อง ถ้ารู้ยังงี้พี่จะปล่อยให้เราเป็นไข้หวัดไปเลย”

“พี่เรน่าจะปลุกบัว ไม่เห็นต้อง...” เรื่องน่าอายเธอพูดไม่ได้หรอก “ด้วยตัวเองเลย”

พี่เรก็เห็นอะไร...อะไรของเธอหมดน่ะสิ

เธอทำหน้าเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวัน หน้าซีดยิ่งกว่าตอนจับไข้เมื่อคืนเสียอีก

“สาวใช้เราหลับเป็นตาย กว่าจะปลุกเธอขึ้นมาได้คงใช้เวลาเป็นชั่วโมง” เธอทำหน้าเข้าอกเข้าใจ “จะบอกให้นะ” กลัวเธอจะเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนเขาจึงพูดต่อ “ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าพี่ปิดไฟหมดทุกดวง มองไม่เห็นอะไรหรอก แต่รูปร่างอย่างเราถึงจะเปิดไฟสว่างหมดทุกดวง” เขากวาดตามองร่างสาวน้อยแล้วส่ายหน้า “พี่ก็ไม่อยากมองอยู่ดี”

“โอ๊ย!!!”

ถูกกองทัพหมอนโจมตีทีเดียวหลายใบเขายกมือปัดป้องแทบไม่ทัน

“โครม!!!” ตามมาด้วยเสียงตกเตียงของใครบางคน

ปากไม่ดีแบบนี้มันน่าตีให้ตายไปเลย!


วันถัดมากวีพาหมอกวางไปทานอาหารกลางวันข้างนอก เพราะคนที่บอกว่าลาพักร้อนเพื่อจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไม่รู้หายไปไหนตั้งแต่เช้า พอตื่นขึ้นมาเขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว

“กวางอยากกินอะไรสั่งได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง” กวีบอกพลางยืนเมนูอาหารมาให้

หญิงสาวยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะ”

แววตาสดใสมีชีวิตชีวาทำให้ชายหนุ่มลืมตัวจ้องใบหน้าเนียนอยู่เป็นนานสองนาน

“กวาง” เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้เขาได้สติ หันไปมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“พี่เร” เธอช้อนตามองเห็นผู้พันเรที่มองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ ข้างกายเขาคือคุณครูคนสวยของภูรี

ท่าทางสนิทสนมกันของคนทั้งคู่ทำให้หัวใจของเธอหนาวเหน็บไปทั้งดวง แต่ยังคงฝืนยิ้มให้ทั้งคู่

เขามองเธอคาดโทษก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟัน “ไปเจอกันที่บ้าน!”

นัยน์ตาสดใสเมื่อครู่หม่นแสงลงมองตามหลังของคนทั้งคู่ไปจนลับสายตา

“กวางเป็นอะไร” เขารู้ดีว่าเธอเป็นอะไร ก็เหมือนกับเขาตอนนี้ที่ความรู้สึกขมปร่าแล่นขึ้นในอก

“ปะ...เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวฝืนยิ้มให้เขา เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวลจึงแสร้งทำร่าเริงแต่ในอกทุกข์ระทมเกินจะบรรยาย


เมื่อกลับถึงบ้านผู้พันเรออกมายืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นนานแค่ไหน ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมา ได้ควงสาวสวยเขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ

“ได้ข่าวว่ากวางได้ชาดีจากคุณย่า พี่ขอชิมหน่อยได้ไหม” กวีเป็นห่วงสาวข้างกายเพราะอาการของผู้พันเรตอนนี้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังหึงหวง

“เอาไว้วันหลังเถอะค่ะ กวางอยากพักผ่อน” เธอรู้ดีว่าเขาเป็นห่วงแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบากไปด้วย

“กวาง...”

“ขอบคุณนะคะสำหรับมื้อกลางวัน” เธอพึมพำขอบคุณคว้าไม้ค้ำยันแล้วเปิดประตูลงรถ โดยมีสายตาห่วงใยของกวีตามติดอยู่ข้างหลัง

“เรายังไม่หายดี ทำไมออกไปตะลอน ๆ ข้างนอก!” จู่ ๆ เขาก็ระเบิดอารมณ์ใส่เธอโดยไร้เหตุผล

“ก็คนที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกวางยุ่งเสียจนไม่มีเวลา โชคดีที่พี่กวีอาสาพาไปทานข้าวนอกบ้าน แล้วทำไมพี่เรต้องมาใส่อารมณ์กับกวางด้วย ไม่มีเหตุผลเลย”

“คนข้างบ้านน่ะ ไว้ใจได้แค่ไหน”

“อย่ามาว่าพี่กวีนะ!” เพราะได้พี่กวีช่วยติวหนังสือให้เธอจึงเรียนจบมาได้ แน่นอนว่าเธอไว้ใจเขา แต่จู่ ๆ พี่เรก็พูดใส่ร้ายเธอจึงเลือดขึ้นหน้า กางปีกปกป้องเหมือนแม่เสือปกป้องลูกอ่อน “กวางไว้ใจพี่กวีมากที่สุดในโลก!”

ไว้ใจได้มากที่สุดในโลกยังงั้นเรอะ!!!

เลือดในกายของเขาเดือดปุด ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“โดนคนอื่นหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

“หมายความว่ายังไง โดนหลอกอะไร”

วันก่อนเขาโทรฯไปซักถามน้องสาว ถึงได้รู้ความจริงว่าเหตุผลที่กวางน้อยมาอยู่ที่นี่เพราะต้องทำตามคำสั่งของคุณย่า ต้องหาคนมาแต่งงานด้วยภายในหนึ่งเดือน แน่นอนว่าเป้าหมายของเธอก็คือตัวเขาเอง แต่เขาเห็นเธอเป็นแค่เด็กในปกครองแล้วจะมีความรู้สึกลึกซึ้งได้อย่างไร เธอเลยต้องขอร้องหนุ่มข้างบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายนั้นมีใจให้อยู่แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร

แต่มีเรื่องหนึ่งที่กวางน้อยไม่รู้ คนที่เธอบอกว่าไว้ใจมากที่สุดในโลก ไม่ใช่ชายรักชายอย่างที่เธอเข้าใจ ผู้ชายด้วยกันย่อมดูออก ว่าฝ่ายนั้นมีใจให้เธอมาตั้งนานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะเสียเวลาตามเธอมาถึงที่นี่ทำไมกัน

เรื่องที่ทำให้เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้าคือตัวโง่งมน้อย ๆ ตกลงจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ถ้าหากทั้งคู่แต่งงานกันจริงคนที่เสียเปรียบที่สุดก็คือตัวเธอเอง

ในฐานะ ‘ผู้ปกครอง’ เขาจะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!

“ถ้าพี่เรไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหาคนอื่นมั่วซั่ว” มือน้อยกำเข้าหากันแน่น กัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ถ้าไม่ติดที่ขายังเข้าเฝือกอยู่ วิ่งหนีลำบาก เธอจะต่อยเขาสักทีสองที “แล้วผู้หญิงคนนั้นพี่เรมั่นใจได้ยังไงว่าเธอจริงใจ”

ตอนแรกคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะไปหึงหวงอะไรเขา แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเธอก่อน มันก็ต้องเอาคืนกันบ้าง

“เรื่องของพี่เราอย่ายุ่ง”

“เรื่องของกวางพี่เรก็อย่ายุ่ง!”

“พี่เป็นผู้ปกครองของเรานะ”

“ใครเขาอยากได้ผู้ปกครองเฮงซวย!” พูดเสร็จเธอก็สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที

“บัว!” สาวใช้ทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ไม่ไกลเธอจึงพยักพเยิดให้อีกฝ่ายช่วยพยุงขึ้นข้างบน

“กลับมานี่เลยนะ!” เขายังพูดไม่จบเธอก็เดินหนีไปเสียเฉย ๆ ใช้ได้ที่ไหน!


มื้อเย็นมีเพียงหมอกวางกับสาวใช้เท่านั้นที่ร่วมโต๊ะ ไม่รู้ว่าอีกสองหนุ่มหายไปไหน เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหลังจากทะเลาะกับพี่เรเธอก็ไม่อยากมองหน้าเขาอีก

คืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้าแต่คนที่สัญญาว่าจะพาเธอออกมาดูดาวกลับไม่อยู่ วันนี้เธอรู้สึกเพลีย ๆ จึงวางไม้ค้ำยันแล้วใช้รถเข็นแทน แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาทำให้มองเห็นสวนหย่อมเลือนลางในความมืด เธอใช้มือดันล้อรถไปจนสุดทางเดิน

แม้ว่าดวงดาวนับล้าน ๆ ดวงแข่งขันกันเปล่งแสงระยิบระยับ งดงามเหมือนภาพวาด แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย

เวลานี้เป็นฤดูฝนอากาศแปรปรวน จู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เธอใช้มือดันล้อทั้งสองข้างให้เคลื่อนไปข้างหน้า แต่สายฝนทำให้การบังคับล้อเป็นไปอย่างยากลำบาก เธอจึงพยุงตัวลุกขึ้นค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า แต่ทางเดินที่ชุ่มน้ำฝนทำให้เธอก้าวพลาดลื่นล้มลงไป...ศีรษะกระแทกกับก้อนหินขนาดใหญ่ริมทางเดิน

“กวาง!!!”

ก่อนจะหมดสติคุณหมอคล้ายจะได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหู เรียกชื่อเธอด้วยความร้อนรน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว