Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

Trap Evil : 09

ฉันแยกกับพี่ธงตรงนั้น และเดินเรื่อยเปื่อย บอกตัวเองว่าอย่าสนใจเรื่องของนนท์ ความรู้สึกติดค้าง ความอึดอัดในใจ บางทีฉันควรปล่อยวางมันสักวัน วันนี้รู้สึกว่าคนมาเที่ยวซื้อของเยอะมากเป็นพิเศษ ลานชั้นล่างคนแน่นจนต้องเบียดกันเดิน

ปึก !

“ขอโทษ ๆ” ฉันโดนใครสักคนชนมาจากด้านหลังจนคะมำไปข้างหน้า เสียงวัยรุ่นชายคนหนึ่งขอโทษรีบ ๆ ก่อนผละไป

“วัยรุ่นพวกนี้” เสียงหญิงกลางคนใกล้ฉันเองก็พึมพำอย่างหงุดหงิดที่โดนเบียด รู้สึกว่าจะมีนักร้องขวัญใจมหาชนมาเปิดตัวเครื่องสำอางแบรนด์ที่กำลังมาแรงขณะนี้ ทำให้พื้นที่คับแคบและวุ่นวายไปถนัดตา

ฉันแวะร้านหนังสือก่อนกลับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ได้หนังสืออ่านแก้เครียดสักเล่มสองเล่มก็คงดี ตอนที่กำลังจะจ่ายเงินนั้นเอง ฉันก็รับรู้ถึงความผิดปกติ กระเป๋าสะพายข้างสีดำถูกกรีดเป็นรอยยาว ฉันใจหายวาบ กระเป๋าฉันมีสามช่อง กลางใส่โทรศัพท์ และในสุดคือเครื่องสำอาง

อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ ตอนที่รับเงินมาจากพี่ธงฉันสะเพร่าใส่กระเป๋าเงินไว้ชั้นนอกสุดและมันว่างเปล่า

ถูกล้วงกระเป๋า !

ฉันเดินออกจากร้านหนังสือ พร้อมคิดว่าจะทำอย่างไรดี ในนั้นมีเอกสารสำคัญ เงินกลับบ้านก็ไม่มี ฉันจะร้องไห้ แต่ห้ามตัวเองไว้ มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ โชคดีที่มันไม่ถูกล้วงไป ฉันกดหานนท์โดยไม่รู้ตัว มันคงเป็นความเคยชินที่แก้ไม่หาย ฉันจะนึกถึงเขาเวลาแย่ ๆ ทุกครั้ง

เขาไม่รับโทรศัพท์ฉันในตอนแรก จนครั้งที่สาม ฉันถึงได้ยินเสียงตึง ๆ กลับมา นนท์ยังอยู่ชั้นบน ฉันรู้ เพราะดูเหมือนเขาจะกินข้าวไปด้วยคุยงานไปด้วย

“มีอะไร” ฉันไม่สนว่าเสียงเขาจะตึง ๆ เมิน ๆ เพราะเหมือนรู้สึกแย่จนควบคุมเสียงไม่ได้เลย

“กระเป๋าเงินฉันหายค่ะ” ฉันรอให้เขาตอบกลับมา แต่เหมือนนนท์จะหันไปคุยอะไรสักอย่างกับผู้ชายที่เขานั่งอยู่ด้วย ฉันโมโหเขาขึ้นมา อารมณ์โมโหมันยิ่งสูงขึ้นเมื่อคิดว่าเขาต้องเฉยกับฉันอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็มีเสียงนนท์ดังออกมา

“อย่าเพิ่งวางสาย”

ฉันได้ยินเสียงเก้าอี้ครูดพื้นเบา ๆ และเหมือนเขาจะหันไปคุยกับคนทางนั้นอีก หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบ แต่นนท์ยังถือสายอยู่ เขาไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งมีเสียงดังจากเบื้องหลัง

“มัวใจลอยไปหาใครถึงถูกล้วงกระเป๋าได้”

นนท์มายืนข้างหลังฉันเมื่อไรกัน เขาลดโทรศัพท์ลงก้าวมายืนตรงหน้า

“ฉันสะเพร่าเอง คุณจะว่าฉันก็ได้ แต่ต้องให้ฉันยืมเงินห้าร้อยด้วย”

“โทรเรียกฉันมาเพื่อยืมเงินห้าร้อย คิดว่าที่ฉันคุยอยู่มันโปรเจ็กต์ร้อยบาทหรือไง” ฉันแค่จะยืมเงินค่ารถกลับบ้าน ไม่ได้ให้เขามายืนทำหน้าดุต่อว่าเป็นพ่อฉันแบบนี้ ให้ก็ให้ ไม่ให้ก็บอกตรง ๆ จบ

“ฉันคงคิดผิดที่โทรหาคุณ” ฉันน้อยใจสุด ๆ เลยตอนนั้น ความจริงควรโทรหาน้าโชค ตุ้ง หรือใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา

“ตามมา”

เขาบอกเอาดื้อ ๆ ตามแบบฉบับของเขานั่นแหละ ส่วนฉันที่หงุดหงิดไปแล้วก็เกือบตามไม่ทันทีเดียวเมื่อนนท์พาฉันมาที่ลานจอดรถ

ฉันคิดว่าเขาจะพาฉันกลับบ้านแต่เขาบอกว่า

“จะพาไปทำบัตรใหม่ แล้วอะไรอีกที่หายโทรไปอายัตบัตรหรือยัง”

“ฉันพกแค่บัตรประชาชน” บัตรเครดิตฉันไม่มีเพราะหนี้ทั้งหมดกองอยู่กับนนท์ ส่วนบัตรเอทีเอ็มก็มีเงินติดบัญชีแค่ร้อยเดียว เอามาก็ทำอะไรไม่ได้ จะพกทำไมให้ตุงกระเป๋า

นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าฉันเสียดายเงินที่พี่ธงให้จับใจจนนึกเจ็บใจตัวเองแทน


เหมือนกับว่าหมอกอึมครึมระหว่างฉันกับนนท์เริ่มจะเบาบางลงบ้าง ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ว่าเรื่องแย่ ๆ ระหว่างเรามันก็กลับมาอีกครั้ง

แม่ของเขาไม่อยู่บ้าน น่าจะไปงานอะไรสักอย่างพร้อมกับมีน้าโชคคอยรับส่งเช่นเคย เหลือเพียงนนท์ที่นั่งดื่มกาแฟเพียงลำพัง มีแต่เขานี่ล่ะที่ดื่มกาแฟดำตอนเย็น

“ถ้ารู้ตัวว่าป่วยก็รีบไปหาหมอ อย่ารอให้ใครมาโอ๋ ให้รู้ตัวว่าอยู่ฐานะไหน” อยู่ ๆ เขาก็บอกตอนที่ฉันเอากาแฟมาเติมในเหยือก

เออหนอคนเรา ถ้าไม่แขวะฉันนี่ เขาจะลืมใช่ไหมว่าเกลียดกัน ความจริงฉันยังไม่พูดอะไรเลย แค่บ่นกับตุ้งว่าปวดหัว ไม่เคยอยากให้ใครโอ๋อย่างน้อยก็รู้ว่าอยู่ในฐานะไหน

“พริกเจียมตัวเสมอว่าค่ะว่าต่ำ ไม่ต้องให้ใครมาบอกย้ำ...ก็รู้” เสียงร้าวลึกของฉันทำให้เขาสะอึกแต่แค่นั้น

“พริก” นนท์เรียกหนัก ๆ พยักหน้าไปยังแก้วกาแฟเชิงว่าหมดแล้วให้จัดการ แล้วเขาก็ก้มคุยไลน์ต่อไป ฉันจึงเห็นว่าตอนนี้นนท์ทำสามอย่างพร้อมกัน อ่านหนังสือบนโต๊ะ อ่านไลน์ในมือ และดื่มกาแฟ

คงมีแต่คนประเภทชอบเอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ล่ะที่ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันอย่างนี้ได้ ฉันค้อนให้เขาและค่อนเขาในใจ

ฉันไม่ออกปากเพราะไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกับเขาอีก แต่เรื่องก็มาหาเราจนได้ ตอนนั้นบุษราคัมก็โทรมา ที่รู้เพราะนนท์เปิดสปีคโฟนเสียงค่อนข้างดัง คือเขาคุยไปอ่านหนังสือไป

“นนท์เห็นนาฬิกาบุษคะไหมบุษวางไว้ในรถ แล้วหาไม่เจอ”

“ไม่เห็นนี่ครับ บุษลืมไว้ที่ไหนไหม”

“ไม่ค่ะ นนท์ก็รู้บุษไม่ใช่คนจะวางของทิ้งแล้วลืม ของสำคัญด้วย คุณแม่ซื้อมาฝากค่ะเป็นเรือนโปรดจากสวิตซ์ ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังหาไม่เจออีกบุษจำได้นะคะใส่แล้วก็วางไว้ในรถตอนจะทำขนม อยู่ในรถแท้ ๆ ใครจะมาหยิบไปได้ หรือจะมีขโมยก็ไม่น่า”

“ผมจะดูให้ เผื่อหยิบติดกระเป๋ามา” นนท์ตอบ และฉันไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับฉันจึงรีบหันหลัง แต่…

“พริก” เสียงหนักเพียงครั้งเดียว ฉันก็ปลิวติดมือเขาง่ายดาย

อะไรกัน ! ฉันเบิกตากว้างมองเขาลากฉันอย่างตกใจ เสียงที่ถามออกไปร้อนรน

“คุณนนท์ ! จะพาฉันไปไหน”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว