เจ้าหนี้ที่รัก

บทที่ 11

ระหว่างที่ร่างของหลิงเหมยฟางกำลังจะจมลงไปใต้บ่อเพราะเรี่ยวแรงหายไปจนหมด ปรากฏร่างของเด็กชายตัวน้อยผู้หนึ่งโยนเชือกลงมาให้นางจับ

“พี่สาว...จับเชือกไว้ ข้าจะดึงท่านขึ้นมาเอง!”

ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำและน้ำตาเงยมองขึ้นไปบนบ่อ เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเด็กชายวัยไม่เกินสิบหนาวผู้หนึ่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดีส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้นาง หลิงเหมยฟางจึงยิ้มตอบแล้วรีบคว้าเชือกจับไว้แน่น

คาดไม่ถึง...เด็กชายอ้วนป้อมผู้นั้นจะมีเรี่ยวแรงมหาศาล สามารถดึงนางขึ้นมาจนถึงปากบ่อได้เป็นผลสำเร็จ

หลิงเหมยฟางยกขาก้าวข้ามปากบ่อ ก่อนจะมานั่งคุกเข่าสำลักน้ำอย่างอ่อนแรง เด็กชายผู้นั้นตั้งท่าจะลูบหลังนางเพื่อปลอบขวัญ แต่กับรู้สึกมือไม้เก้งก้างและคิดว่าไม่สมควร จึงทรุดลงนั่งยองๆถามหลิงเหมยฟางว่า

“ท่านไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง!?”

“เจ้า...เจ้าค่ะ” หลิงเหมยฟางเงยหน้ายิ้มอ่อนหวานดั่งดอกบัวหลวงแย้มบาน จนเด็กชายตกตะลึงไปชั่วขณะกับความงดงามล้ำเลิศของนาง

“ขอบคุณคุณชายมาก ที่ช่วยข้าน้อยไว้”

“ไม่เป็นไร เห็นคนไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าย่อมต้องยื่นมือเข้าช่วยอยู่แล้ว” เด็กชายตัวอ้วนตบหน้าอกดังปุๆ ทำท่าทางคล้ายภาคภูมิใจในความเป็นสุภาพบุรุษของตนยิ่งนักจนหลิงเหมยฟางต้องหัวเราะคิกออกมาเบาๆ

“พี่สาวหัวเราะอันใด?” เด็กชายถามเขินๆ

“หัวเราะที่เห็นน้องสาวของข้าน้อยในตัวคุณชายเจ้าค่ะ”

“อ้อ พี่สาวก็มีน้องสาวด้วยนี่เอง ว่าแต่พี่สาวคงพักอยู่ที่เรือนบ่าว เช่นนั้นข้าคงไม่ไปส่งนะ”

“แค่นี้ข้าน้อยก็ซาบซึ้งในน้ำใจของคุณชายมากแล้ว”

“อือ...หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

“เจ้าค่ะ”

หลิวอี้จั่วยืนมองดูหลิงเหมยฟางเก็บกองเสื้อผ้ากับถังใส่ผ้าที่แตกหักขึ้นมาถือไว้ด้วยสีหน้าสงสารเห็นใจ เขายืนส่งนางออกไปจากลานซักล้างด้วยไม่ไว้ใจว่านางกำนัลเหล่านั้นอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายนางอีกครั้ง

แต่พอเห็นว่าหลิงเหมยฟางมิได้เดินไปยังเรือนบ่าวไพร่ที่อยู่ทางหน้าจวน ก็นึกประหลาดใจยิ่งนัก หมายจะตามไป แต่ถูกกงกงของเสด็จย่าทวดเรียกหาเสียก่อน

“ข้าอยู่นี่...เหลียงกงกง” หลิวอี้จั่วเอามือไพล่หลัง ขณะหันไปมองกงกงชราที่เดินงุ่มง่ามมาตามหาเขาจากเรือนหลัก

“ไทฮองไทเฮาให้กระหม่อมมาตามไท่จื่อไปเสวยพระกระยาหารพ่ะย่ะค่ะ อีกสักประเดี๋ยว ขุยอ๋องก็จะเสด็จมาพบไท่จื่อกับไทฮองไทเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พอรู้ว่าพี่ชายใกล้จะมาถึงก็ตื่นเต้นดีใจยกใหญ่จนยิ้มกว้างออกมา “ดีเลย ข้าจะรีบกลับไปรอพบเสด็จพี่เดี๋ยวนี้แหละ”

ขณะเดียวกันไทฮองไทเฮาก็ยืนมองการตกแต่งห้องจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเหลนสุดที่รักด้วยความชื่นชมในความขยันขันแข็งของบ่าวไพร่ จนกระทั่ง...พ่อบ้านชุ่ยนำกระดาษเขียนอักษรมงคลมาให้บ่าวชายสองนายติดประดับตามจุดสำคัญที่เห็นอักษรมงคลนี้ได้ง่าย

ไทฮองไทเฮาสะดุดตาเข้ากับความสวยงามของลายพู่กันที่ทรงพลังหนักแน่นแต่อ่อนช้อยพลิ้วไหว จึงเอ่ยปากถามพ่อบ้านชุ่ยว่า

“เจ้าไปจ้างนักคัดพู่กันฝีมือดีที่ไหนมาเขียนอักษรมงคลคำว่า “ฝู” เหรอ พ่อบ้านชุ่ย”

พ่อบ้านชุ่ยรีบประสานมือคำนับ ตอบอย่างอ่อนน้อมว่า

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ไทฮองไทเฮา แต่เป็นฝีมือคัดพู่กันของแม่นางเหมยฟางที่ท่านอ๋องพามารักษาตัวอยู่ที่เรือนหอมหมื่นลี้พ่ะย่ะค่ะ”

“รักษาตัวที่เรือนหอมหมื่นลี้?” ไทฮองไทเฮานิ่วหน้า “มิใช่ว่าเรือนหลังนั้นจะเป็นเรือนหอของหลงเอ๋อร์กับเหยาเอ๋อร์หรอกหรือ?”

พ่อบ้านชุ่ยสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากพูดมากออกไป แต่จะให้กลับลำตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“กระหม่อมก็ไม่ทราบความนึกคิดของท่านอ๋องว่าเหตุใดถึงส่งแม่นางผู้นั้นไปยังเรือนหอมหมื่นลี้ อาจจะเป็นเพราะแม่นางผู้นั้นมีบุญคุณช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อืม” ไทฮองไทเฮาตรัสแค่นั้น ก็จับมือผิงเหอเดินออกจากห้องจัดงานเลี้ยง กลับไปยังเรือนกลางเพื่อเสวยมื้อเช้าร่วมกับไท่จื่อที่กลับมาถึงพอดี

“เสด็จย่าทวด...เมื่อกี้จั่วเอ๋อร์ได้ช่วยชีวิตสตรีผู้หนึ่งที่สวยงามมากๆเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ช่วยชีวิตสตรีผู้หนึ่ง?” ไทฮองไทเฮาขมวดคิ้วที่เขียนเป็นรูปใบหลิวจนแทบชนกัน

“พ่ะย่ะค่ะ” หลิวอี้จั่วพยักหน้า พูดจ๋อยๆต่อไปว่า “นางช่างน่าสงสาร ถูกพวกบ่าวรับใช้เหมือนกันผลักตกลงไปในบ่อน้ำ โชคดีที่เหลนเดินสำรวจดูรอบๆจวนแห่งนี้ จึงได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

สตรีผู้นั้นนอกจากสวยหมดจดแล้วยังมีน้ำเสียงที่หวานไพเราะอีกด้วย มิรู้ว่าจะเป็นสาวใช้ห้องข้างของเสด็จพี่หรือเปล่านะพ่ะย่ะค่ะ เพราะนางไม่ได้ตรงกลับไปยังเรือนพักของบ่าวไพร่”

“เหลวไหล หลงเอ๋อร์รักมั่นในตัวว่าที่พี่สะใภ้ของเจ้าคนเดียว จะมีสาวใช้ห้องข้างได้อย่างไร?” ไทฮองไทเฮาเอ็ดเหลน แต่เริ่มรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมา

หลิวอี้จั่วเบ้ปาก พึมพำว่า “ถ้าพี่สะใภ้สวยไม่ถึงครึ่งสตรีผู้นั้น นับว่าเสด็จพี่ตาบอดแล้ว!” แล้วเด็กชายก็นั่งลงที่โต๊ะแปดเซียนหลังรอให้ผู้เป็นย่าทวดนั่งลงแล้ว ก่อนคนทั้งสองจะเริ่มลงมือทานมื้อเช้าเงียบๆ

พวกเขามาถึงเมืองหนานเจียงตอนสาย เพื่อจะทำให้หลิวอี้หลงประหลาดใจจึงมิได้ส่งจดหมายมาแจ้งล่วงหน้าว่าพวกเขาเดินทางมาถึงก่อนกำหนดสองวัน เมื่อมาถึงก็พบว่าเหลนรักออกไปตรวจตราค่ายทหาร ไทฮองไทเฮาจึงถือโอกาสนี้ตรวจดูการทำงานของบ่าวไพร่และเหล่าองครักษ์

นางรู้ล่วงหน้าก่อนออกจากเมืองหลวงว่าหลิวอี้หลงรอดชีวิตมาได้เพราะแม่นางผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงอยากจะพบหน้าสตรีผู้นี้สักครั้งเพื่อจะมอบของตอบแทนน้ำใจ ดังนั้นจึงส่งคนไปแจ้งแก่หลิวอี้หลงให้กลับมาพบนางพร้อมด้วยมี่เหยา


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว