เจ้าหนี้ที่รัก

ตอนที่ 13

ตอนที่ 13


ที่ท่าอากาศยานตราด

เมื่อคณะของอัศนีเดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินเจ๊ทส่วนตัวของอัศนีแล้ว ณรงค์ก็เป็นคนเดินนำหน้าอัศนีและเนื้อแพรออกมาจากช่องทางพิเศษโดยมีวิชัยเดินตามหลังปิดท้ายระวังภัยให้กับเจ้านายและหญิงสาว ก่อนจะพากันขึ้นรถตู้วีไอพีที่สั่งให้จอดรออยู่ที่สนามบินเลยไม่ต้องไปไหน และสั่งให้คนขับไปนั่งกับรถตู้อีกคันที่เหลือแทน โดยให้รถตู้คันดังกล่าวขับไปรออยู่ที่ท่าเทียบเรือก่อนได้เลย

เมื่อรถตู้ที่ณรงค์เป็นคนขับและวิชัยเป็นคนนั่งคู่ด้านหน้าขับออกมาจากสนามบิน ทนงศักดิ์ที่คอยเฝ้าดูอยู่นั้นก็โทรศัพท์ส่งข่าวบอกเส้นทางให้กับมือปืนที่พวกเขาจ้างไว้ให้ดำเนินการตามแผนได้ในทันทีที่สบโอกาส

“ฮัลโหล เตรียมตัวให้พร้อมนะ เป้าหมายของเราออกมาจากสนามบินแล้ว”

พูดจบก็ตัดสายทิ้งไป แล้วขับรถตามไปห่างๆ เพื่อไม่ให้พวกของอัศนีไหวตัวทัน

“เฮ้อออ! อีกนิดเดียวก็จะได้กลับไปเกาะมาหยาแล้ว”

อัศนีถอดหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะที่นี่คือถิ่นของเขาก็เป็นได้

วิชัยและณรงค์เมื่อเห็นเจ้านายยิ้มออกพวกเขาก็พลอยหายเครียดไปด้วย

“หายเครียดขึ้นมาเลยนะครับเจ้านาย ก่อนหน้านี้ยังนั่งหน้าขรึมอยู่เลย”

วิชัยพูดแซวชายหนุ่มที่เห็นสีหน้าของผู้เป็นนายนั้นแจ่มใส่ขึ้น แต่คำพูดแซวของวิชัยกลับทำให้เนื้อแพรงงแทน ที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอนั้นเครียดด้วยเรื่องอะไร

“เครียด? คุณเครียดหรือคะคุณอัศนี แพรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

หญิงสาวถามออกไปด้วยความเป็นห่วง พลางคิดไปว่าอาจเป็นเพราะพาเธอไปที่บ้านแล้วเกิดมีปากเสียงกับนางผกากรองหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะรถกระบะที่ติดตามรถของพวกเรา ว้า! เรื่องไหนกันนะ

“คุณอัศนีเครียดเรื่องไหนคะ เครียดเรื่องที่พาแพรไปที่บ้านหรือเปล่าคะ”

เนื้อแพรซักชายหนุ่มไม่ยอมหยุด แต่อัศนีก็ไม่ตอบ พลางยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของหญิงสาวแผ่วเบา ยิ่งทำให้เนื้อแพรปักใจเชื่อว่าจะต้องเป็นเรื่องที่บ้านของหญิงสาวอย่างแน่นอน และในเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมพูด ถึงเธอถามไปเขาก็คงไม่ตอบ เนื้อแพรจึงนั่งเงียบไม่เอ่ยถามอะไรออกไป

ระหว่างทางกลับณรงค์ก็เลือกใช้เส้นทางที่จะเดินทางไปให้ถึงท่าเทียบเรือได้เร็วที่สุด อัศนีนั่งพักสายตาศีรษะพิงเบาะไปตลอดทาง ส่วนเนื้อแพรนั่งมองทิวทัศน์ที่รถตู้วีไอพีนั้นวิ่งผ่านเลาะเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินก่อนจะร้องบอกกับณรงค์ให้ช่วยจอดรถ

“คุณณรงค์คะ ช่วยจอดรถให้แพรสักครู่จะได้มั้ยคะ”

อัศนีลืมตาขึ้นทันทีที่หญิงสาวร้องบอกกับณรงค์ วิชัยหันไปมองผู้เป็นเจ้านายส่วนณรงค์เพียงแค่ชะลอรถแต่ไม่ยอมจอดเพราะเขาจะจอดก็ต่อเมื่ออัศนีสั่งเท่านั้น อีกอย่างที่ตรงนี้แม้จะสวยแต่มันก็เปลี่ยวเกินไปหากมีใครคิดแอบซุ่มทำร้ายขึ้นมาจะยากในการขอความช่วยเหลือ สู้ขับไปอีกสักหน่อยก็จะถึงจุดที่พักชมวิวซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้เพียงแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น

“จอดรถเถอะณรงค์” อัศนีออกคำสั่ง

เมื่อณรงค์จอดรถสนิทวิชัยก็เป็นผู้ลงมาเปิดประตูให้กับอัศนี ชายหนุ่มก้าวเดินลงมาจากรถก่อนเป็นคนแรกโดยมีเนื้อแพรเดินตามลงมา ก่อนที่หญิงสาวจะเดินเหยียบย้ำไปบนหาดทรายสีขาวสะอาดแล้วก้มตัวลงหยิบกำทรายจำนวนหนึ่งขึ้นมาดู พลางสูดอากาศเข้าปอดลึกแล้วเดินกลับมาหาชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงสแล็คส์และสวมเสื้อเชิ้ตที่ตอนนี้ปลดกระดุมลงมาสองเม็ด แถมยังพับแขนเสื้อขึ้นเชิ้ตขึ้นมาถึงข้อศอก ซึ่งวันนี้อัศนีตั้งใจแต่งกายให้สุภาพเพื่อเธอจริงๆ เพราะหากไม่ใช่แล้วหญิงสาวจะพบเห็นชายหนุ่มคนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลกับกางเกงยีนส์หรือไม่ก็เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ ไม่มีทางที่จะเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คส์แน่นอน

เนื้อแพรเดินยิ้มกลับมาหาอัศนีที่ยืนมองหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะมองมาที่มือของเธอที่ยื่นออกไปตรงหน้าของเขา

“เธอจะให้ฉันดูทรายเหรอเนื้อแพร” อัศนีถามออกไปพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“คุณอัศนีเห็นความแตกต่างของทรายพวกนี้ไหมคะ”

เสียงหวานเอ่ยถามคนตรงหน้าว่าจะสังเกตเหมือนกับตัวเองหรือไม่ อัศนีมองจ้องทรายในมือของหญิงสาวนิ่งๆ ก่อนจะตอบออกไป

“ฉันว่าทรายที่นี่มันก็สวยนะ และก็ขาวด้วย แต่มันยังสวยน้อยและขาวน้อยกว่าที่เกาะมาหยาของฉัน เธอว่าไหมเนื้อแพร”

คำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มของหญิงสาวได้อย่างมากก่อนจะช่วยเสริมต่อในความพิเศษของทรายที่เกาะมาหยา

“ใช่ค่ะ ทรายที่เกาะมาหยาสวยกว่า ขาวกว่า และที่สำคัญเนื้อของทรายนุ่มละเอียดมากกว่าทรายที่แพรกำลังกำอยู่นี่ยังไงละคะ”

อัศนีขยับเข้ามาใกล้ เขาแทบจะทนไม่ได้ที่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของหญิงสาวตรงหน้าเช่นนี้ ใบหน้าของอัศนีค่อยๆ โน้มเข้าไปหาแก้มนวลของเนื้อแพร แต่ยังไม่ทันที่จะได้ชื่นใจทั้งณรงค์และวิชัยก็เดินเข้ามาสมทบกับคนทั้งสองในทันที

“เจ้านายครับ วัลลภติดต่อกลับมาว่าพวกเขาใกล้จะมาถึงแล้วนะครับ เอ่อ...ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะครับเจ้านาย ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”

วิชัยพูดออกไปด้วยสัญชาตญาณของตน เขาเริ่มรู้สึกถึงความเงียบที่ผิดปกติมาได้สักพักแล้ว

“อืม...”

อัศนีพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือของหญิงสาวเอาไว้แล้วจูงพาเดินกลับขึ้นรถแต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะเดินถึงรถดี เสียงของวิชัยก็ร้องตะโกนดังลั่นออกมาว่า

“เจ้านายระวัง!”

เปรี้ยง!

เพล้ง!!!

“กรี๊ดดดด!!!”

เสียงบานกระจกหลังรถตู้วีไอพีที่แตกกระจายเพราะถูกลูกกระสุนเจาะทะลุเข้าใส่ ด้วยสัญชาตญาณอัศนีรีบก้มหมอบลงข้างตัวรถโดยไม่ลืมที่จะคว้าร่างของเนื้อแพรเข้ามาด้วย ก่อนจะรีบชักปืนพกประจำกายของตัวเองขึ้นมากระชับถือไว้อย่างชำนาญ

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ณรงค์และวิชัยยิงตอบโต้พวกมันกลับไป ทำให้อีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเสียขบวนไปเหมือนกัน พวกมันคงจะเห็นว่าเราคนน้อยกว่าเลยย่ามใจ หารู้ไม่ว่าทั้งวิชัยและณรงค์นั้นอดีตพวกมันคือนักแม่นปืนทีมชาติเพราะฉะนั้นความแม่นยำนั้นย่อมแตกต่างกัน แต่ตอนนี้พวกเขาต้องพาเจ้านายออกไปจากตรงจุดนี้ให้ได้ก่อน

“พี่วิชัย! ยิงคุมกันหน่อยเร็ว! ฉันจะพาเจ้านายขึ้นรถ! ที่เจ้านายไม่ยอมมาคงเพราะห่วงคุณเนื้อแพรแน่ๆ!”

ณรงค์ร้องบอก แต่ยังไม่ทันที่วิชัยจะได้ทำอะไรอัศนีก็อาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามถูกวิชัยและณรงค์ยิงตอบโต้อยู่นั้นพาเนื้อแพรที่เนื้อตัวสั่นเทาก้มหน้าหมอบตัวหลบลูกกระสุนอยู่นั้นค่อยๆ ขยับอ้อมมาด้านข้างเพื่อมาสมทบกับวิชัยและณรงค์ แล้วค่อยๆ พาเนื้อแพรคลานขึ้นไปบนรถตู้

มือหนึ่งของอัศนีกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น ดวงตาคมเข้มสีสนิมลุกวาวโรจน์ขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียมเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นยิงสวนออกไปติดๆ กันหลายนัด คิดว่าพวกมันจะล่าถอยแต่กลับไร้วี่แวว พวกมันยังคงยิงโต้ตอบไม่ยอมหยุด

อัศนีก้มลงมองหญิงสาวที่นอนหมอบตัวลงแนบกับพื้นรถ หญิงสาวเนื้อตัวสั่นเทาสีหน้าและหวาดผวายิ่งนัก มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหู น้ำตารินไหลออกมาด้วยความกลัวแต่ไม่ยอมโวยวายเหมือนคนสติแตก อัศนีบอกกับตัวเองในทันทีว่าเขาจะปะทะด้วยแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ก่อนจะตะโกนขึ้นว่า

“ณรงค์! ขึ้นประจำที่คนขับเดี๋ยวนี้! วิชัยยิงสกัดพวกมันเอาไว้! พวกเราจะต้องออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด!”

คำสั่งของอัศนีเป็นเด็ดขาด ณรงค์ขึ้นประจำที่ทันที เขาขับเร่งเครื่องเลื่อนรถออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของอัศนี

“เฮ้ย! อย่าให้พวกมันหนีไปได้นะโว้ย! เร็ว! ช่วยกันสกัดไว้!”

หนึ่งในทีมมือปืนที่เรวัตรและทนงศักดิ์ส่งมาร้องตะโกนบอกเพื่อนร่วมอาชีพน้ำเสียงฮึกเหิม ก่อนที่ทั้งหมดจะขึ้นรถกระบะสองคันที่จอดแอบซุ่มอยู่ใกล้ๆ จุดที่พวกมันยิงรุมรถตู้ของอัศนีไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด

ณรงค์เร่งเครื่องเหยียบจนเกือบมิดไมล์ เพื่อขับหนีให้พ้นจากรถกระบะสองคันที่เร่งเครื่องไล่กวดตามหลังรถของเขาขึ้นมา ก่อนจะมาแยกออกจากกันแล้วเร่งเครื่องขึ้นมาประกบทั้งด้านซ้ายด้านขวา ณรงค์เห็นเช่นนั้นจึงรีบลดกระจกรถลงแล้วเล็งเป้ายิงไปที่ล้อรถของพวกมัน และมันก็สัมฤทธิ์นักแม่นปืนทีมชาติอย่างเขายิงหวังผลทุกนัด

รถกระบะคันที่อยู่ด้านขวานั้นยางแตกในทันที ทำให้รถวิ่งเป๋ปัดๆ แล้วเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางไปอย่างแรงด้วยเพราะรถแล่นมาด้วยความเร็วสูง

“เสร็จไปหนึ่งคัน” วิชัยร้องบอก

“แต่มันยังเหลืออีกหนึ่งคัน”

เสียงอัศนีพูดขึ้น แล้วรีบร้องออกมาเมื่อเห็นเนื้อแพรทำท่าจะลุกขึ้นมา

“อย่าเพิ่งลุกเนื้อแพร!”

อัศนีร้องเตือนออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับโผเข้าไปกอดร่างบอบบางของเนื้อแพรเอาไว้และฉุดให้หมอบต่ำลงอีกครั้ง เมื่อเห็นรถกระบะอีกคันเร่งเคลื่อนมาประชิดกับตัวรถตู้ที่พวกเขานั่งอยู่อย่างพอเหมาะพอเจาะ มือปืนที่ปิดบังใบหน้าอยู่ด้านหลังรถกระบะ 3 คนลุกขึ้นยืนจังก้า ในมือถืออาวุธหนักพร้อมที่จะประหัตประหารคนบนรถให้ดับดิ้นสิ้นชีวาลงให้ได้

ณรงค์เห็นเช่นนั้นก็ขับรถเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาออกทันทีเพื่อให้เป้าหมายที่พวกมันเล็งไว้คลาดเคลื่อน ทำให้มือปืนทั้ง 3 ที่หมายจะสาดยิงกระสุนเข้าไปภายในรถตู้เพื่อหวังผลจะให้ทุกคนนั้นตายหมดต้องพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ร่างของอัศนี และวิชัยกระตุกเฮือกขึ้นในทันทีที่พวกมันสาดกระสุนเข้ามา แม้รถตู้คันนี้จะถูกสั่งทำเป็นพิเศษในการคุ้มกันชายหนุ่มก็ตาม แต่เพราะความร้ายกาจของอาวุธก็ทำให้กระสุนหลายนัดพุ่งทะลุผ่านเข้ามาภายในรถได้เช่นกัน แล้วอยู่ๆ รถตู้ที่ณรงค์ขับหนีอยู่นั้นก็เสียจังหวะวิ่งแฉลบขึ้นไปบนฟุตบาทแล้วไปชนเข้ากับหลักกิโลเสียงดังสนั่น แต่พวกมันก็ไม่คิดที่จะหยุดยิง พวกมันทั้งหมดต่างยกปืนในมือขึ้นหมายที่จะกระหน่ำยิงคนที่อยู่ในรถให้ตายให้หมด

แต่แล้วเสียงปืนจากการ์ดของอัศนีที่แยกเดินทางกลับมาทางรถยนต์ก็มาถึง พร้อมกับกระหน่ำยิงไปที่มือปืนหลังรถกระบะในทันทีโดยมีเสียงกรีดร้องของชื่นจิตร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไปด้วยความกลัว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

“กรี๊ดดดดดด!”

“กลัวแล้ว! กลัวแล้ว! พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย! ลูกช้างยังไม่อยากตาย! ฮือๆ ๆ ๆ ๆ”

ชื่นจิตร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นก่อนที่จรัล การ์ด 1 ใน 3 ที่นั่งมาด้วยนั้นจะตะโกนจ้องหน้าของชื่นจิตกลับไป

“ร้องอย่างนี้พ่อแก้วแม่แก้วที่ไหนก็ไม่มาช่วยหรอก ตาย! ตายอย่างเดียว!”

จรัลพูดขู่หมายจะให้ชื่นจิตนั้นกลัวจนสุดขีดและจะได้เป็นลมหมดสติไป จะได้ไม่ต้องมารับรู้และรู้เห็นกับเหตุการณ์เช่นนี้

“ตาย! ฮือๆ ๆ ๆ ตายเลยเหรอ! ฉันยังไม่อยากตายยยยย! เฮือกกก!”

แล้วชื่นจิตก็เป็นลมหมดสติไปอย่างที่จรัลต้องการ ก่อนจะหันหน้าสนใจกับมือปืนและยิงสวนตอบโต้ออกไป

กระสุนทุกนัดของจรัล วัลลภ ธวัช 3 การ์ดฝีมือดีของอัศนียิงเข้าเป้าเกือบทุกนัด ทำให้ร่างของมือปืนที่กำลังจะกระหน่ำยิงใส่รถตู้ของอัศนีอีกครั้งต้องบาดเจ็บและล่าถอยไปในที่สุด รถของพวกเขาเบรคจอดลงใกล้ๆ กับรถตู้ของผู้เป็นนาย ทั้ง 3 รีบลงจากรถในทันทีก่อนที่ธวัชจะตะโกนบอกจรัลว่า

“ไอ้รันโทร.เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!”

พูดจบก็ตรงเข้าไปเปิดประตูของคนขับเพื่อดูว่าณรงค์เป็นน้องชายถูกยิงบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า แล้วรีบลากร่างของณรงค์ให้ออกมาจากรถตู้ซึ่งถูกยิงบาดเจ็บที่หัวไหล่ด้านซ้าย

จรัลรีบจัดการโทร.เรียกรถพยาบาลตามที่เพื่อนบอกโดยเร็ว ส่วนวัลลภรีบเข้าไปเปิดประตูรถตู้ในทันที เมื่อเปิดประตูรถออกเขาก็เห็นร่างของวิชัยนั้นนอนราบไปกับพื้น วัลลภร้องเรียกชื่อวิชัยอย่างตระหนกทันที

“พี่วิชัย! พี่เป็นยังไงบ้าง! นายล่ะ! เจ้านายบาดเจ็บหรือเปล่า”

วัลลภพูดได้เพียงแค่นั้นก่อนจะรีบประคองร่างของหนุ่มใหญ่รุ่นพี่ที่ร่างเปรอะเลอะไปด้วยเลือดทั่วตัว แต่ก็ยังไม่ตายให้ลงมาจากรถโดยมีจรัลเข้ามาช่วยอีกแรงเมื่อโทร.เรียกรถพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ร่างของวิชัยถูกนำออกมาจากรถตู้อย่างทุลักทุเลก่อนจะถูกวางลงใกล้ๆ กับร่างของณรงค์ที่นั่งพิงรถอยู่ แล้ววัลลภก็กระโดดกลับขึ้นไปบนรถโดยเร็วเพื่อขึ้นไปดูเจ้านายของตน ก่อนจะร้องเรียกให้จรัลรีบขึ้นมาช่วยกันอีกแรง

“คุณวัลลภ! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยคุณอัศนีด้วย!”

เนื้อแพรร้องบอกให้การ์ดของชายหนุ่มช่วยเขาในทันที

“พี่จรัลขึ้นมาช่วยคุณอัศนีเร็วพี่! นายถูกยิง!”

วัลลภร้องออกมาเสียงหลง เขาตกใจมากเมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตที่อัศนีสวมใส่นั้นเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงฉานเต็มหลังเสื้อเชิ้ตไม่ยอมหยุด

“นายถูกยิงเลือดออกมากเหลือเกิน! เราต้องรีบพาเจ้านายส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!!”

จรัลพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

คำว่านายถูกยิงยิ่งตอกย้ำให้เนื้อแพรขวัญเสียมากยิ่งขึ้นไปอีก น้ำตาเม็ดใสไหลรินออกมาในทันที โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บ ถ้าเธอไม่บอกให้หยุดรถตรงนี้ทุกคนก็คงจะไม่เป็นอันตราย

“เป็นเพราะฉัน! เพราะฉันคนเดียวทุกคนถึงต้องเป็นอย่างนี้! คุณอัศนี! คุณอย่าเป็นอะไรนะ คุณอย่าตายนะ! คุณตายไม่ได้นะ!”

เนื้อแพรร้องตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มไม่หยุดปากด้วยความกลัวว่าเขาจะตาย ก่อนจะเป็นลมหมดสติไป


ร่างสูงใหญ่ของอัศนีและวิชัยที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยถูกเข็นเข้าสู่ห้องฉุกเฉินในทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล วิชัยมีบาดแผลจากคมกระสุน 3 จุด คือที่ลำตัว หัวไหล่ และที่ขา ส่วนอัศนีนั้นถูกยิงเข้าที่ร่างกายทั้งหมด 4 นัด โดยถูกยิงเข้าที่แขน หัวไหล่ อย่างละ 1 นัด แต่ที่อกนั้น 2 นัด สำหรับอัศนีนั้นอาการเป็นตายเท่ากัน

เนื้อแพรที่ฟื้นจากการเป็นลมหมดสติก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางร้องเรียกหาชายหนุ่มไม่หยุดปาก

“คุณอัศนี! คุณอัศนีล่ะ! เขาอยู่ที่ไหน”

ชื่นจิตที่นั่งเฝ้าหญิงสาวไม่ห่างต้องรีบเข้ามากอดร่างบอบบางที่นั่งทำท่าว่าจะร้องไห้ ปากคอหญิงสาวสั่นระริก ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เริ่มแห้งกรัง แล้วรีบพูดปลอบใจคุณหนูของตนว่า

“คุณหนูขาคุณหนู คุณอัศนีอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ คุณหมอกำลังช่วยอยู่ คุณหนูอย่ากลัวไปเลยนะคะ ถึงมือหมอแล้วคุณอัศนีต้องปลอดภัยค่ะ เชื่อน้าชื่นนะคะ”

“น้าชื่น ฮือๆ น้าชื่น เพราะแพร! เพราะแพรคนเดียว แพรทำให้ทุกคนต้องบาดเจ็บ ถ้าแพรไม่ขอให้คุณณรงค์จอดรถตรงนั้นทุกคนก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฮือๆ เพราะแพรคนเดียวเลยน้าชื่น ฮือๆ ๆ”

แม้จะรู้สึกดีขึ้นกับคำพูดปลอบของชื่นจิต แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหยุดร้องไห้ได้ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วผลุนผลันออกไปจากห้องที่หญิงสาวพักในทันทีจนชื่นจิตตกใจต้องร้องถามขึ้น

“คุณหนู! คุณหนูแพร จะไปไหนคะ”

“แพรจะไปหาคุณอัศนี” พูดจบก็เดินจ้ำอ้าวๆ ไปในทันที

“น้าชื่นไปด้วยค่ะ รอด้วยคุณหนู”




ที่หน้าห้องผ่าตัด

เนื้อแพรได้พบกับการ์ดทั้ง 3 ของอัศนี หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้และสอบถามอาการของณรงค์ เพราะเธอเห็นว่าเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บแต่ว่าไม่หนักเหมือนกับวิชัยและอัศนี

“พวกคุณไม่เป็นอะไรนะคะ แล้วเอ่อ...คุณณรงค์เป็นยังไงบ้างคะ”

“พวกเราปลอดภัยดี ณรงค์เขาก็ปลอดภัยครับ ถูกยิงที่หัวไหล่กับสีข้าง ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ตอนนี้ก็พักผ่อนอยู่ไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ขอบคุณที่คุณเนื้อแพรเป็นห่วง”

ธวัชเป็นคนตอบคำถามของหญิงสาว ก่อนที่การ์ดทั้ง 3 จะรีบยกมือรับไหว้หญิงสาวตรงหน้าแทบไม่ทันเมื่ออยู่ๆ เนื้อแพรก็ยกมือไหว้พวกตน

“แพรขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณอัศนี คุณวิชัยแล้วก็คุณณรงค์ต้องเป็นอย่างนี้ แพรขอโทษจริงๆ ค่ะ”

พูดไปน้ำตาเม็ดใสก็หยดแหมะไหลผ่านแก้มนวลจนคนทั้ง 3 วางหน้าไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าที่เจ้านายของพวกตนมีใจให้จนถึงกับจะหยิบยื่นตำแหน่งว่าที่นายหญิงของเกาะมาหยาให้นั้นจะยอมลดตัวมายกมือไหว้ขอโทษพวกตน ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

การ์ดทั้ง 3 ต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วจรัลก็เป็นฝ่ายพูดตอบแทนทุกคนในทีมว่า

“คุณเนื้อแพรอย่าคิดมากไปเลยครับ ถึงคุณจะไม่บอกให้ณรงค์จอดรถตรงจุดนั้นยังไงซะพวกที่มันดักยิงเรามันก็คงไม่ยอมพลาดโอกาสงามในครั้งนี้ไปได้หรอกครับ เส้นทางนั้นน่ะมันออกจะเปลี่ยวสักหน่อย แต่มันก็เป็นเส้นทางที่สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางให้ถึงท่าเทียบเรือได้เร็วขึ้น จะว่าไปมันก็เป็นความผิดของณรงค์ที่เลือกใช้เส้นทางนั้น พูดง่ายๆ ก็คือประมาทเกินไป คุณเนื้อแพรอย่าโทษตัวเองไปเลยครับ เจ้านายกับพี่วิชัยถึงมือหมอแล้วต้องปลอดภัยแน่นอนครับ อีกไม่นานคุณเลอสรรก็คงจะมาถึงที่โรงพยาบาล”

จรัลพูดปลอบ ถึงจะช่วยไม่ได้มากแต่มันก็ทำให้เนื้อแพรรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง

ก่อนจะเดินไปนั่งนิ่งที่เก้าอี้ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน ดวงตากลมโตมีน้ำเอ่อคลออยู่นั้นเหม่อมองไปที่แสงไฟสีแดงซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ของห้องฉุกเฉินอย่างไม่วางตา ก่อนที่ชื่นจิตที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว เอื้อมมือหยาบกร้านของตนไปบีบที่มือเรียวสวยของหญิงสาวไว้อย่างให้กำลังใจ

“คุณหนูขา คุณอัศนีเขาต้องไม่เป็นอะไรเชื่อน้าชื่นนะคะ”

“แต่แพรกลัวนี่คะน้าชื่น แพรกลัวว่าเขาจะตายจากแพรไป ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วแพรจะอยู่ยังไงล่ะคะ แพรจะอยู่ยังไง”

อยู่ๆ เนื้อแพรก็ร้องฟูมฟายขึ้น ชื่นจิตขมวดคิ้วเข้าหากันในทันทีที่เห็นคุณหนูของตนมีอาการเช่นนี้ พลางคิดในใจเงียบๆ แล้วตัดสินใจถามออกไปว่า

“คุณหนูรักคุณอัศนีใช่ไหมคะ”

เนื้อแพรไม่ตอบ มีเพียงหยดน้ำตาเม็ดใสที่ไหลรินลงมาอาบแก้มพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่พยักให้กับชื่นจิตแทน

“โถ...คุณหนูของชื่น คุณอัศนีต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เธอต้องปลอดภัย ถ้าหากเธอรู้เข้าว่าคุณหนูร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมหยุดเหมือนกับว่าเธอตายไปแล้วอาจจะโกรธเอาก็ได้นะคะ คุณหนูบอกชื่นเองไม่ใช่หรือคะว่าคุณอัศนีน่ะขี้หงุดหงิด”

คำพูดของชื่นจิตเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยเรียกสติของหญิงสาวให้กลับคืนมา

“จริงด้วย ถ้าคุณอัศนีรู้เข้าต้องโกรธแพรแน่ๆ เลย ขอบคุณน้าชื่นนะคะที่เตือน แพรจะไม่ร้องไห้แล้วค่ะ คุณอัศนีต้องรอด”

ใบหน้าสวยหวานยิ้มออกมาได้ในที่สุด หญิงสาวเริ่มผ่อนคลายขึ้นบ้างแต่ก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเหมือนกับการ์ดทั้ง 3 ของอัศนีเช่นกัน โดยหารู้ไม่ว่าทนงศักดิ์เองก็ตามมาดูผลงานของตนเองอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มใช้มือข้างที่ดีอยู่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วโทรหาเพื่อนรักในทันทีที่เดินกลับเข้าไปภายในลิฟต์เพื่อบอกข่าวดีให้ได้รับรู้

“ฮัลโหล ไอ้วัตรนี่ฉันเองนะ สำเร็จแล้วโว้ย ฮะฮะฮะ ไอ้อัศนีมันถูกยิงอาการเป็นตายเท่ากัน ฉันละซะใจจริงๆ”

ทนงศักดิ์พูดกับอีกฝ่ายน้ำเสียงเริงร่าไม่เบานัก

“จริงเหรอวะ ไอ้อัศนีมันถูกพวกที่เราจ้างไปยิงได้แล้วแน่นะ” เรวัตรไม่วายถามย้ำ

“แน่สิวะ นี่มันยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย สงสัยจะรอดยากว่ะ ฮะฮะฮะ ในที่สุดพวกเราก็สมหวังสักที มันต้องตายแน่ๆ”

“ถ้ามันตายแน่นอนอย่างที่แกบอกมาละก็ ฉันว่าแกก็น่าจะกลับมากรุงเทพฯ ได้แล้วนะ ไม่ต้องอยู่รอดูผลงานอีกแล้ว กลับๆ มาเถอะ เดี๋ยวเกิดพวกมันตามกลิ่นคนทำเจอเข้ามันจะยุ่ง”

เรวัตรบอกอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง

“เออๆ อีกสัก 2 – 3 วันฉันก็จะกลับแล้ว แต่ตอนนี้ขอไปหาความสุขใส่ตัวก่อนนะโว้ย มีความสุขจริงโว้ย”

ทนงศักดิ์ร้องตะโกนอยู่ภายในลิฟต์ก่อนจะตัดสายทิ้งไปเมื่อลิฟต์ที่โดยสารมาลงมาถึงยังชั้น 1 แล้วเดินผิวปากออกจากลิฟต์ไปอย่างคนที่มีความสุขจนล้นอกที่สามารถแก้แค้นเจ้าของเกาะมาหยาได้เป็นผลสำเร็จ


ห้าวันต่อมา

เนื้อแพรนั่งกุมมือเรียวใหญ่ของอัศนีไว้ไม่ยอมปล่อย ร่างกายของอัศนีเต็มไปด้วยสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด หนำซ้ำยังมีเครื่องช่วยหัวใจครอบปิดไว้ที่จมูกเพื่อให้ชายหนุ่มได้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น ใบหน้าชายหนุ่มขาวซีดจนแทบไร้สีเลือด เช่นเดียวกันกับริมฝีปากหนาที่ซีดเผือด

5 วันแล้วที่อัศนีนอนนิ่งอยู่แบบนี้ไม่ยอมฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมา หมอบอกว่าถ้าหากชายหนุ่มฟื้นเมื่อไหร่เขาก็รอด แต่ถ้าไม่ก็หมายความว่าร่างกายไม่สามารถทนผิดบาดแผลได้ ญาติต้องทำใจ...

“คุณอัศนีตื่นเถอะค่ะ...ตื่นขึ้นมาดุแพรเหมือนเมื่อก่อนเถอะนะคะ อย่านอนนิ่งอยู่แบบนี้เลย แพรใจจะขาดอยู่แล้ว”

เนื้อแพรกระซิบเสียงเว้าวอน เฝ้าพูดขอร้องให้เจ้าหนี้ของเธอตื่นฟื้นขึ้นมาทุกวัน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองกลับมา มันยิ่งตอกย้ำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อคิดไปว่าหากเขาไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ชายหนุ่มอาจไม่รอด

“ตื่นเถิดนะคะคุณอัศนี...ตื่นขึ้นมาหาแพร แพรรักคุณนะคะ ถ้าคุณรักแพรคุณต้องฟื้น คุณต้องฟื้นขึ้นมา แพรให้สัญญาว่าแพรจะยอมคุณทุกอย่าง ไม่ขัดใจ ไม่ต่อรองหรือร้องขอในสิ่งที่ขัดกับกฎของคุณ ตื่นนะคะ อย่านอนนิ่งแบบนี้เลย”

เนื้อแพรพร่ำพูดพร้อมกับจูบเบาๆ ลงไปที่มือเรียวใหญ่ของชายหนุ่ม พร้อมกับน้ำตาเม็ดใสที่หยดใส่มือของเขาไปพร้อมๆ กัน

ทันใดนั้นหัวใจของเนื้อแพรก็เต้นระทึก เมื่อมือเรียวใหญ่ของชายหนุ่มบีบตอบกลับมือเรียวของหญิงสาวที่กอบกุมมือเอาไว้ รอยยิ้มหวานเผยขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันที่ผ่านมา เมื่อได้ยินเสียงอัศนีพูดออกมาว่า

“อย่าลืมที่พูดนะ”

อัศนีพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมองสบตาหญิงสาวอย่างช้าๆ

“คุณอัศนี!!”

เสียงร้องของหญิงสาวทำให้เลอสรรที่นั่งคุยอยู่กับชื่นจิตพี่เลี้ยงของหญิงสาวอยู่นั้นรีบลุกเดินเข้าไปหาเพื่อนรักในทันที

เนื้อแพรน้ำหูน้ำตาไหลรินออกมาอย่างดีใจที่เห็นชายหนุ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะรีบกดเรียกหมอและพยาบาลให้เข้ามาดูชายหนุ่ม

“หมอคะหมอ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ คนไข้ฟื้นแล้ว”

“แกรอดแล้วล่ะอัศนี”

เลอสรรพูดออกมาพร้อมกับตบลงที่บ่าเบาๆ แลมองหน้าเนื้อแพรที่นั่งกุมมือเพื่อนรักของเขาไม่ยอมปล่อย ยิ้มดีใจทั้งน้ำตาที่ชายหนุ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ถึงห้านาทีทั้งหมอและพยาบาลก็มาถึง เนื้อแพรรีบลุกหลีกทางให้คุณหมอทันทีเพื่อที่จะได้เข้าไปตรวจอาการของชายหนุ่มได้สะดวก คุณหมอเจ้าของไข้ลงมือตรวจอาการของชายหนุ่มที่นอนลืมตาอยู่บนเตียง โดยมีเนื้อแพร เลอสรร ชื่นจิต ยืนรอฟังผลอยู่ใกล้ๆ

“พักผ่อนมากๆ นะครับคุณอัศนี พยายามอย่าขยับให้มากนักไม่งั้นแผลอาจฉีกขาดก็เป็นได้ เพราะแผลที่ถูกยิง 2 นัดจากด้านหลังมันฝั่งเข้าที่หน้าอกทั้ง 2 นัด เฉียดหัวใจคุณไปนิดเดียว นี่คุณรอดมาได้นี่ก็ปาฏิหาริย์มากเลยนะ”

“ขอบคุณคุณหมอมากเลยครับที่ช่วยเพื่อนผม”

เลอสรรยกมือไหว้คุณหมอสูงวัยซึ่งเป็นอาจารย์หมอและเจ้าของไข้ของเพื่อนรัก

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของหมอ” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป

“แกปลอดภัยแล้วฉันก็ค่อยสบายใจหน่อย ถ้างั้นแกพักผ่อนก็แล้วกัน ฉันขอไปส่งข่าวให้วิชัยรู้ก่อนแล้วกัน รายนั้นก็รอฟังข่าวแกอยู่เหมือนกัน อ้อ แล้วเธอล่ะเนื้อแพรต้องการอะไรก็ใช้ธวัชกับวัลลภกับจรัลได้เลยนะครับ สองคนนั่นอยู่ที่หน้าห้องไม่ไปไหนหรอกครับ”

“อ๋อ ค่ะคุณเลอสรร”

“เฮ้ย ไปนะเพื่อน เดี๋ยวฉันค่อยมาใหม่”

พูดจบก็เดินยิ้มกวนๆ พาร่างสูงใหญ่ออกไปจากห้องพักของอัศนี และไม่ลืมที่จะเอ่ยเรียกชื่นจิตให้ออกไปข้างนอกด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้กับคนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

“ชื่นจิต ไปเยี่ยมวิชัยด้วยกันเถอะ”

“แต่ชื่น...อ๋อๆ ค่ะๆ ไปค่ะไป อยากไปเยี่ยมคุณวิชัยอยู่พอดีเลยค่ะ”

พูดจบก็พาร่างเดินตามเลอสรรหายออกไปจากห้องพักของอัศนีในทันที

เมื่อลับร่างของคนทั้งสองแล้ว อัศนีก็เอ่ยถามทวงสัญญาจากหญิงสาวในทันที

“ที่เธอพูดน่ะจริงหรือเปล่า”

“อะไรคะที่ว่าจริงหรือเปล่า” เนื้อแพรถามกลับอย่างสงสัย

“ก็ที่ว่าจะยอมฉันทุกอย่าง ไม่ขัดใจ ไม่ต่อรองน่ะจริงไหม”

อัศนีถามเสียงโหย รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูกจนเนื้อแพรต้องรีบห้ามไม่ให้เขาพูดอะไรอีก

“คุณอัศนีเพิ่งฟื้นอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”

เนื้อแพรบอกอย่างเป็นห่วง แต่กลับทำให้คนป่วยตรงหน้าใบหน้าบึ้งตึงอย่างขัดใจในทันที

“ไหนว่าจะไม่ขัดใจยังไงล่ะ แค่นี้ก็ขัดใจแล้ว”

“ก็แพรเป็นห่วงนี่คะ คุณยังเจ็บอยู่แล้วก็เพิ่งฟื้นด้วย อ่ะ ก็ได้ค่ะ แพรตอบก็ได้ จริงค่ะ แพรยืนยันที่พูดทุกคำ”

ใบหน้าของอัศนีเผยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในคำยืนยันของเนื้อแพร

เนื้อแพรรวบรวมความกล้าทั้งหมดยกมือเรียวใหญ่ของอัศนีขึ้นจูบเบาๆ แม้หญิงสาวจะอายมากเพียงใดแต่ก็อยากที่จะพูดความในใจของตนออกมาให้ชายหนุ่มได้รับรู้เอาไว้

“คุณอัศนีรู้ไหมคะ ว่าวินาทีที่คุณอยู่ในห้องฉุกเฉินต่อสู้อยู่กับความเป็นความตายอยู่นั้นมันทำให้แพรรู้ใจตัวเองว่าแพรคิดยังไงกับคุณ คำบอกรักที่แพรพูดออกไปแพรพูดจากหัวใจค่ะ แพรสัญญากับตัวเองแล้วว่าถ้าหากคุณฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแพรจะทำให้ทุกนาทีที่อยู่กับคุณมีค่าให้มากที่สุด ต่อให้ในอนาคตคุณจะมีใครเข้ามาในชีวิตก็ตาม แพรก็ยินดีที่จะอยู่รับใช้คุณต่อไปถึงแม้ว่าหนี้สินที่แพรต้องชดใช้ให้กับคุณนั้นมันจะหมดลงไปแล้วก็ตาม”

อัศนีรู้สึกอิ่มเอิบในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า คำบอกรักของเนื้อแพรทำให้อัศนีหัวใจพองโตจนแน่นคับอก ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หัวใจของหญิงสาวเองก็สุขล้นไม่แพ้กัน

“ฉันเองก็อยากจะบอกกับเธอเหมือนกันนะเนื้อแพร ว่าที่ฉันฟื้นขึ้นมาได้ก็เพราะคำพูดของเธอ ฉันได้ยินเธอร้องเรียกให้ฉันตื่น แล้วเธอก็บอกว่ารักฉัน และก็บอกว่าถ้าฉันรักเธอฉันจะต้องฟื้นขึ้นมา ฉันเองก็เป็นประเภทที่ใครมาท้าไม่ได้ซะด้วยสิ ฉันก็เลยฟื้นขึ้นมาเพื่อที่จะมาบอกกับเธอให้ได้ยินชัดๆ จากปากของฉันเอง... ว่าฉันก็รักเธอเหมือนกันเนื้อแพร”

เนื้อแพรยิ้มหวาน น้ำตาซึมกับคำพูดของอัศนี คำบอกรักที่ได้ยินจากปากของเจ้าหนี้สุดโหดคนนี้เป็นเหมือนหยาดน้ำทิพย์ชโลมใจหญิงสาวให้สุดสดชื่นเป็นที่สุด สองมือต่างกอบกุมกันไว้แน่นดั่งต้องการที่จะถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้ต่อกันและกันให้ได้รับรู้ ความในใจที่ต่างฝ่ายต่างเฉลยให้แก่กันสร้างความสุขให้กับคนทั้งคู่ยิ่งนัก ก่อนที่เนื้อแพรจะนึกขึ้นได้ว่าคุณหมอสั่งให้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นพักผ่อนให้มากๆ

“คุณอัศนีพักผ่อนนะคะ แพรจะเฝ้าคุณเอง” เนื้อแพรพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้กับเขา

อัศนีพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนพูดน้ำเสียงออดอ้อนขึ้นว่า

“อย่าไปไหนนะเนื้อแพร”

“แพรจะอยู่ตรงนี้ค่ะ สัญญาว่าจะไม่ไปไหน”

หญิงสาวพูดให้สัญญากับชายหนุ่มพร้อมกับบีบเบาๆ ที่มือเรียวใหญ่อย่างต้องการย้ำในคำสัญญาของตนเอง

อัศนีก็ยิ้มรับกับคำพูดของหญิงสาวก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ และหลับไปด้วยฤทธิ์ของยา โดยมีเนื้อแพรหญิงสาวที่เพิ่งจะบอกรักเธอไปนั่งเฝ้าเขาอยู่ไม่ห่าง



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว