เร้นไฟ

คฤหาสน์แอนเดอร์สัน

รถกระบะปิกอัพรับคนงานไปทำงานที่ไร่ดอกดาวเรืองในช่วงเช้ามืด แล่นมาจอดหน้าบ้านไม้ของจันทร์แรม

แม่ส่งเสียงเรียก

จันทร์แรมเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว เสื้อแขนยาว กางเกงวอร์มขายาว รองเท้าผ้าใบ หมวกงอบ แถมยังพันใบหน้าเอาไว้เพื่อปกป้องแสงแดดอย่างสุดฤทธิ์

กลิ่นหอมยังโชยออกมาจากเรือนร่างของหญิงสาว เธอเพิ่งลองใช้น้ำหอมที่หนุ่มคนหนึ่งส่งมาให้ทางไปรษณีย์ ใช้เพียงนิดเดียวแต่หอมติดตัวทั้งวัน

ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาถูกที่ซื้อมาจากตลาดนัด

จันทร์แรมรู้สึกสดชื่นมาก เธอตอบแทนบุญคุณของชายหนุ่มผู้หวังดีคนนั้นด้วยการวีดิโอคอลเมื่อคืนก่อนนี้เอง

แค่ครางชื่อเฉย ๆ ไม่ได้ทำร้ายตัวเองจริง กระนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีความสุข ปลดปล่อยออกมา

แม้ว่าในกลุ่มลับนั้น จะมีคนเห็นเธอทุกซอกทุกมุมก็จริงอยู่ ทว่าในโลกแห่งความจริง ชีวิตของจันทร์แรมต้องเรียกว่ายังซิง ไม่มีชายหนุ่มคนไหนได้ใกล้ชิดกับเธอถึงขั้นจะสามารถขอดูอะไร ๆ ของเธอได้

ท่าทางของจันทร์แรมดูจะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างฉลาดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอได้เรียนรู้มาจากโลกออนไลน์นั่นเอง

“จันทร์ ไปนั่งข้างหน้าสิ”

ดูเหมือนว่าวันนี้ คนงานจะเยอะเป็นพิเศษ

“ไม่ดีกว่าค่ะ”

จันทร์แรมตอบ

“เหอะน่า ข้างหลังคนเต็มแล้ว”

คนคะยั้นคะยอก็คือลุงศักดิ์ หนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบ ขับรถรับส่งคนงานมาหลายปี ตั้งแต่ยังมีกระบะคันเก่าโกโรโกโส จนกระทั่งมีเงินออกป้ายแดงคันใหม่เอี่ยมราคาเฉียดล้าน

เห็นแค่สายตาของลุงศักดิ์ จันทร์แรมก็พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายมีท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยมานานแล้ว โดยเฉพาะนับตั้งแต่ออกรถกระบะป้ายแดง

ไม่เฉพาะสายตา คำพูดคำจาก็ออกแนวแทะโลม แต่เธอแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ไม่แสดงอาการว่ารู้เห็นหรืออ่อย นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้ชอบผู้ชายคราวพ่ออย่างลุงศักดิ์สักนิดเดียว เพียงแค่มารยาทเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสานสัมพันธ์

ระหว่างการเดินทางกว่า 10 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางลูกรัง โดยเฉพาะเส้นที่เชื่อมต่อไปยังสวนดอกดาวเรืองของเถ้าแก่ ไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก

คนที่อยากจะยื้อช่วงเวลานี้ให้ยาวนานที่สุดก็คือ ลุงศักดิ์

กลิ่นน้ำหอมที่โชยแตะจมูกอยู่ตลอดเวลาทำเอาหนุ่มใหญ่อย่างลุงศักดิ์รู้สึกคึกคักกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“จันทร์ เอ็งนี่มีแฟนหรือยังนะ”

“ยังค่ะ”

“ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ”

“ทำไมล่ะคะ”

“สวยแบบนี้ทำไมไม่มีวะ”

“ใครจะมาสนใจหนูล่ะคะ” จันทร์แรมตอบ แสร้งทำเป็นไม่สนใจกับท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยของแก “จนก็จน”

“มีซี่ ถ้าเอ็งจะหันมามองคนบ้าน ๆ บ้าง”

“มีจริงเหรอลุง”

“จริง”

ลุงศักดิ์ใจเต้นรัว ดวงตาของแกมีประกายวาว กลิ่นหอมจากเรือนกายของหญิงสาวนี่ช่างยั่วยวนหัวใจของแกจริง ๆ

นานมาแล้วสินะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีแก่ที่บ้าน เหตุผลก็เป็นเพราะว่า แตะเนื้อต้องตัวยาก ทำเป็นสะดีดสะดิ้งเล่นตัวอยู่นั่นแหละ

อาจเป็นเพราะเข้าสู่วัยทองแล้ว

ส่วนแก ยังฟิตเปรี๊ยะ ความต้องการมีเหลือเฟือ

“ถ้าเอ็งมีเงินไม่พอใช้ก็บอกข้าได้นะนังจันทร์”

“ทำยังกะว่าลุงจะให้หนูได้งั้นแหละ”

“ไม่แน่โว้ย บางที...”

“อย่าเลยลุง เดี๋ยวเมียลุงมาฉีกอกหนูแน่”

“ไม่หรอก”

“ลุงจะรู้ได้ไง”

“พูดตรง ๆ นะ ตอนนี้ข้ากับเมียแยกกันนอน”

ลุงศักดิ์เข้าเรื่อง ทำเป็นเหมือนจะปรับทุกข์กับหญิงสาว

“แยกกันนอนก็ดีแล้วลุง จะได้ไม่วุ่นวาย”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น”

ความหมายที่ลุงศักดิ์ต้องการจะสื่อนั้น ทำไมจันทร์แรมจะไม่เข้าใจ แต่เธอแกล้งโง่ ทำเป็นไร้เดียงสาไปงั้นเอง

รู้ว่าคำพูดคำจาของลุงศักดิ์ ยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ จันทร์แรมนึกขำกับท่าทางของชายรุ่นราวคราวพ่อ บางทีก็ให้นึกอยากยั่วอยู่เหมือนกัน

“มันไม่เคยมีอะไรกันน่ะสิวะ”

“แก่แล้วนี่ลุง จะมีอะไรได้ล่ะ”

“นังนี่ อย่าดูถูกข้าเชียวนะ ถึงแก่แต่ยังมีไฟอยู่”

ลุงศักดิ์จุ๊ปาก นึกหมั่นเขี้ยว ดีแต่ยังมีสติเหลือพอที่จะระงับยับยั้งไม่ให้ทำอะไรอันเป็นการทำให้หญิงสาวรุ่นลูกตื่นตระหนกตกใจ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว