สองเดือนผ่านไป หลังจากผ่านการอ่านหนังสือที่ยาวนานในที่สุดก็ถึงวันรายงานตัวเข้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยที่วาดฝันไว้
ม่อนฟ้าตั้งใจสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ และอีกเหตุผลคือที่นี่มีทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาเรียนดีเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางบ้านอีกแรง แม้เฟยหลงจะเสนอตัวขอรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายแต่ม่อนฟ้าก็ยังเกรงใจอยู่ดี หญิงสาวอยากพยายามด้วยตัวเองมากกว่า
หญิงสาวร่างอวบอ้วนสวมแว่นหนาเดินขึ้นอาคารหอประชุมไปพร้อมกับเอกสารรายงานตัวที่เตรียมพร้อมอยู่ในแฟ้ม เมื่อเห็นโต๊ะตรวจเอกสารช่วงลำดับเลขที่ของตนเองว่างอยู่ ม่อนฟ้าจึงเดินไปยังแถวที่สามเพื่อยื่นเอกสารหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
“ลำดับที่ 59 นางสาวศรัญรัตน์ ค่ะ”
“สักครู่นะคะ”
“ค่ะ” ม่อนฟ้าตอบรับ เธอนั่งรอจนเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จแล้วจึงลงชื่อในใบลงทะเบียน
“ลำดับที่ 63” เสียงจากโต๊ะข้างๆ ดังขึ้น และม่อนฟ้าคงจะไม่สนใจหากชื่อที่ถูกเอ่ยออกมานั้นไม่ใช่...
“ธรรมธรครับ”
ม่อนฟ้าหันขวับมองเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่ภาวนาขอให้ไม่ใช่
“หวัดดี”
“ธรรม์!” ดวงตาคู่โตเบิกกว้างจนแทบหลุดออกมา เขาจริงๆ ด้วย
“แกมาได้ไงเนี่ย”
“ฉันก็มารายงานตัวน่ะสิ”
“สถาปัตย์นี่นะ” ม่อนฟ้าไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าธรรมธรอยากเรียนคณะนี้
“ใช่น่ะสิ” ธรรมธรตอบหน้าตาเฉยก่อนหันไปกรอกเอกสารรายงานตัวตรงหน้าต่อ
“น้องคะ ลงชื่อด้วยค่ะ”
“อ๋อ ค่ะ” ม่อนฟ้าหันมาไล่ลำดับชื่อตัวเองอีกครั้งแล้วเซ็นชื่อลงไปในลำดับที่ห้าสิบเก้า ทว่ามีอะไรบางอย่างที่สะดุดตาเธอเข้า
รายชื่อลำดับที่ห้าสิบห้า นายอาทิตย์... คงไม่ใช่หรอกมั้ง ม่อนฟ้าพยายามปลอบใจตัวเอง มันก็แค่บังเอิญมีชื่อเหมือนกันก็เท่านั้นแหละ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงเซ็นชื่อลงไปในช่องรายชื่อของตัวเองแล้วลุกเดินออกมา และในตอนนั้นเองที่เธอได้เดินสวนกับร่างสูงซึ่งเดินผ่านเธอไปอย่างไม่สนใจ ทว่าม่อนฟ้ากลับอดที่จะไม่สนใจไม่ได้ ลางสังหรณ์บางอย่างสั่งให้เธอหยุดแล้วหันกลับไปมอง เพียงเท่านั้นแหละ
“ซินหมิง!”
เป็นเขาจริงๆ ด้วย แม้จะไม่ได้เจอกันเลยหลังจากวันนั้นที่เธอบอกลาเขา แต่ม่อนฟ้าก็ยังจำเขาได้ไม่มีวันลืม
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ในหัวม่อนฟ้าเต็มไปด้วยคำถาม
“อ้าว หวัดดีม่อนฟ้า” ซินหมิงโบกไม้โบกมือให้หญิงสาวพลางยิ้มกว้าง
“นี่อย่าบอกนะว่านายก็เรียนคณะเดียวกับฉันเหมือนกัน”
“ใช่ ฉันตั้งใจเลยล่ะ”
“อะไร ฉันก็ตั้งใจเหมือนกัน” ธรรมธรเข้าเสริมทัพ
“ทำหน้าอะไรของแกเนี่ย ไม่ดีใจหรือไงที่จะได้อยู่กับฉันไปอีกสี่ปีแหนะ”
ธรรมธร ซินหมิง นี่มันอะไรกันนี่
“ก็ไม่ดีใจน่ะสิ” ซินหมิงหันไปตอบกลับแทน
“แต่ถ้าเป็นฉันก็ว่าไปอย่าง เนอะม่อนฟ้า” ซินหมิงหันไปยิ้มให้หญิงสาว
ม่อนฟ้ายิ้มไม่ออก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมพวกเขาสองคนถึงตามเธอมาที่นี่ได้
“ถึงแกจะไม่อยากให้ฉันมา ยังไงฉันก็เข้ามาแล้ว สี่ปีนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ธรรมธรโค้งคำนับเลียนแบบฉบับการ์ตูนญี่ปุ่น
“แกนี่นะ” ม่อนฟ้าอยากจะเขกหัวเพื่อนที่โค้งคำนับอยู่เสียเหลือเกิน
“นี่ตั้งใจจะเกาะฉันไปอีกสี่ปีเลยหรือไง” ม่อนฟ้าโวย
“ใครว่า ฉันตั้งใจจะจีบแกอีกสี่ปีจากนี้ต่างหาก”
“ห๊า!?”
“ใครอนุญาตให้นายจีบม่อนฟ้าไม่ทราบ” ซินหมิงหันไปเอาเรื่องทันที
“แล้วทำไมฉันจะจีบไม่ได้ ฉันต้องขออนุญาตใครงั้นหรอ ที่ฉันรู้นายเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับม่อนฟ้าแล้วหนิ”
“ตอนนี้ไม่เป็น แต่อนาคตไม่แน่”
“ห๊า!?”
“งั้นอนาคตก็ไม่แน่เหมือนกัน บางทีม่อนฟ้าอาจจะเลือกฉันก็ได้”
“ฉันไม่ยอมให้มีวันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด”
“งั้นก็คอยดู”
“ได้ คอยดู”
โอ๊ยย จะบ้าตาย ชีวิตในมหาวิทยาลัยของฉ้านนนนนน!!!!!!
“อ้าวม่อนฟ้า รอฉันด้วย”
“เดี๋ยว ฉันไปด้วย”
แล้วสองหนุ่มก็วิ่งมาปะกบข้างซ้ายขวาของหญิงสาวอย่างไม่ยอมห่าง
ม่อนฟ้าถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ คิดว่าสี่ปีนี้จะเป็นสี่ปีที่สงบสุขของเธอแล้วเสียอีก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ
ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนคอยมองและซุบซิบนินทา ผู้หญิงอวบอ้วนอย่างเธอมีผู้ชายหน้าตาดีถึงสองคนเดินตาม เป็นใครก็คันปากอยากนินทากันทั้งนั้นแหละ แต่จะทำไงได้ล่ะ ม่อนฟ้าทั้งไล่ทั้งสั่งแล้วแต่มีใครฟังเธอเลยสักคน
ม่อนฟ้ารีบเดินหลบออกมาด้วยความรวดเร็วเมื่อคลาดสายตาจากสองหนุ่มเจ้าปัญหา หญิงสาวเดินอ้อมมาหลังคณะเพื่อขึ้นรถในมหาวิทยาลัยออกไปยังถนนใหญ่ แต่เพราะรีบไปหน่อยเธอเลยชนเข้ากับชายอีกคนที่เดินสวนมา
“ขอโทษค่ะ” ม่อนฟ้ารีบขอโทษเพราะตนไม่ทันระวังเอง
“นี่เธอ!” เสียงห้าวเอ่ยขึ้นทันทีจนม่อนฟ้าต้องรีบหันไปมองและพบว่า
“นาย!” ม่อนฟ้าถอยหลังเว้นระยะจากบุคคลตรงหน้าอย่างอัตโนมัติ
บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้คือบุคคลที่ม่อนฟ้าจำไม่เคยลืม แม้จะไม่ได้พบเจอกันนานและขออย่าได้พบเจอกันอีก ใครจะไปอยากเจอคนที่เกือบจะฆ่าเธอกับซินหมิงได้กันเล่า
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันก็มาเรียนน่ะสิ” ม่อนฟ้าตอบห้วนๆ แล้วตั้งท่าจะเดินหนีไป แต่กลับโดนอีกฝ่ายจับแขนไว้
“เรียน? คณะอะไร”
ม่อนฟ้าดึงแขนตัวเองกลับ เชิดหน้าทำทีไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเหมือนครั้งที่เคยทำ หญิงสาวยิ้มและตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่บอก!”
“เฮ้ย!” ธนพลถึงกับร้องตกใจเมื่อหญิงสาวใส่เกียร์ม้าวิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ยัยบ้าเอ๊ย” ธนพลส่ายหน้าให้กับหญิงสาว
นี่เธอคิดว่าเขาอ่านหนังสือไม่ออกหรือไง ก็เห็นอยู่ว่าถือหนังสือสถาปัตย์อยู่ในมือ สถาปัตย์... เดี๋ยวนะ!
“คณะกูนี่หว่า!” ธนพลถึงกับต้องหันมองตามหญิงสาวไปอีกครั้ง
โลกมันชักจะกลมเกินไปแล้ว และธนพลก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าโลกที่กลมแล้วนั้นจะสามารถกลมกว่านี้ได้อีก เมื่อชายหนุ่มนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งสองคนกำลังเดินเถียงกันมา
“นายนั่นแหละมัวแต่พูดมาก ม่อนฟ้าหายไปแล้วเนี่ย” ซินหมิงโวยวาย
“ฉันแค่ถาม นายนั่นแหละที่อธิบายซะยืดยาว” ธรรมธรโวยกลับ
“ก็มันเนื้อหาง่ายๆ ไหมล่ะ จบมอหกมาได้ยังไงเนี่ย”
“โฮ พูดงี้ต่อยกันเลยไหมล่ะ”
“เอาไหมล่ะ”
ทั้งสองเถียงกันไม่หยุดตลอดทางที่เดินผ่านธนพลไป
“นี่อย่าบอกนะว่าไอ้สองคนนี้ด้วย เชี้ยเอ้ย!” ธนพลถึงกับกุมขมับ
หลังจากเปิดเทอมมาเดือนกว่าก็ถึงเวลาการเฉลยสายรหัสเสียที ม่อนฟ้าซึ่งเป็นน้องเล็กของสายนั่งรอพี่ปีสี่อยู่กับพี่ปีสองและปีสาม ไม่นานสายรหัสปีสี่หรือจะเรียกว่ายายหรือปู่รหัสนั้นก็เดินทางมาถึง
รุ่นน้องยกมือไหว้ทำความเคารพรุ่นพี่ ทั้งสายรหัสทุกชั้นปีพูดคุยทำความรู้จักกันพักใหญ่ก่อนจะแยกย้าย และทันใดนั้นเองก็มีเสียงสั่งดังมาแต่ไกล
“อย่าเพิ่งไป”
ทั้งสี่ชั้นปีหันขวับไปทิศทางเดียวกัน และพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือชายหนุ่มซึ่งหอบหิ้วขนมมาพะรุงพะรัง
“ไหนว่าไม่มาไง” รุ่นพี่สาวชั้นปีที่สี่ถามชายซึ่งเพิ่งมาใหม่
“ฉันก็อยากทำความรู้จักหลานรหัสตัวเองบ้างสิ ว่าไงม่อนฟ้า”
สิ้นเสียงชายหนุ่มที่หันมายิ้มให้กับเธอ ม่อนฟ้าถึงกับชะงัก
“ม่อนฟ้า นี่ทวดรหัสหรือพี่ปีห้านั่นแหละ ชื่อพี่พล”
ทวดรหัส! ให้ตายเถอะ ใครจะคิดว่าคนที่เป็นสายรหัสเธอจะเป็นคนเดียวกับที่เคยทำร้ายเธอ แล้วชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอจะสงบสุขได้ยังไงล่ะนี่
“เอา พี่ซื้อขนมมาให้” ธนพลยื่นถุงขนมถุงใหญ่ในมือให้ม่อนฟ้า
“ขอบคุณค่ะ” ม่อนฟ้าจำต้องรับมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ให้แค่น้องหรอ แล้วพวกผมอ่ะ” รุ่นพี่ปีสองเริ่มโวย เสริมทัพด้วยปีสาม
“พวกเอ็งมันแก่แล้ว ฉันซื้อมาให้น้องเว้ย”
“โฮ่ ทีปีที่แล้วผมไม่เห็นได้เลย แถมพี่ยังไม่มาเฉลยสายรหัสอีก”
“ก็ปีที่แล้วฉันดรอปเรียนจะมาได้ไง พูดมากเอาไปปิดปากเลยไป” ธนพลล้วงกระเป๋าหยิบซองบุหรี่ยื่นไปให้ชายรุ่นน้อง
“ไฟแช็กด้วยดิพี่”
“ไอ้นี่” ถึงปากจะบ่นแต่มือก็ล้วงไฟแช็กส่งให้
“ขอบคุณค้าบ”
“กูไปด้วย ตามมานะพี่” แล้วพี่ปีสามก็ตามรุ่นน้องปีสองไป
“เออ เดี๋ยวไป”
“มาอะไรป่านนี้เขาจะกลับกันแล้ว จะแลกคอนแทกต์น้องไว้ก่อนไหม” รุ่นพี่สาวถามพี่รหัสของตน
ธนพลหันมองม่อนฟ้าที่มีสีหน้าตื่นตกใจ สงสัยจะกลัวเขามากน่าดู
“ขอไลน์ไว้หน่อยก็ดี” ธนพลยื่นโทรศัพท์มือถือให้ม่อนฟ้าเพื่อแลกไลน์กัน
ม่อนฟ้าจำต้องให้ไลน์ติดต่อเพราะไม่อยากมีปัญหา เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาพบเจอกับคนคนนี้
“แล้วนี่กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม” รุ่นพี่สาวถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ม่อนมากับเพื่อน”
“โอเค งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” ม่อนฟ้ายกมือไหว้ลาสาวรุ่นพี่
“อ้าว แล้วพี่ล่ะ ยังไม่กลับหรอ” สาวรุ่นพี่หันไปถามพี่รหัสที่ยืนไม่ขยับ
“เดี๋ยวรอเป็นเพื่อนน้องเขาก่อน กลับก่อนเลย”
“ไม่เป็นไรพี่” ม่อนฟ้ารีบปฏิเสธทันที
“ให้เขารอเป็นเพื่อนเถอะ คนแก่ก็ขี้เหงาแบบนี้แหละ”
“เฮ้ย ว่าใครแก่”
“ทั้งสายก็แก่สุดอยู่คนเดียวอ่ะ ไปแล้วพี่ หวัดดีค่ะ”
ถึงจะโดนว่าแต่ธนพลกลับไม่มีทีท่าโกรธหรือใจร้อนเหมือนครั้งที่ม่อนฟ้าเคยเจอก่อนหน้านี้เลยสักนิดจนม่อนฟ้าอดคิดไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า
“แล้วนี่เป็นไงบ้าง” ธนพลถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“ก็ไม่เป็นไงค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นหรอก ทีที่โรงพยาบาลวันนั้นไม่เห็นกลัวเลย” ธนพลยิ้มขำ
ใครบอกกันว่าวันนั้นเธอไม่กลัว เธอกลัวแทบแย่ แต่เพราะความโมโหต่างหากทำให้เธอมุทะลุแบบนั้น
“ยังไงซะฉันก็ขอโทษแล้วกันที่เคยทำร้ายเธอกับเพื่อน”
“!?” ม่อนฟ้าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ตอนนี้ฉันไม่ทำนิสัยแบบนั้นแล้วล่ะ เธอพูดถูกว่าความตายมันน่ากลัว ฉันเพิ่งรู้ซึ้งคำนี้ก็ตอนที่พ่อจากไป” ใบหน้านั้นเศร้าหมองลงเมื่อนึกถึงอดีต ก่อนจะยิ้มให้หญิงสาวอีกครั้ง
“คนที่เธอเคยบอกว่าไม่มีหัวใจ ตอนนี้มันมีหัวใจแล้วนะ”
“นี่จำได้หมดทุกคำพูดเลยหรอ” ม่อนฟ้ายิ้มเจื่อน
ผู้ชายที่เคยน่ากลัวโหดเหี้ยมถือเอาแต่อารมณ์ บัดนี้ได้กลายเป็นผู้ชายที่ยิ้มเก่งดูเป็นมิตรไม่เจ้าอารมณ์เหมือนแต่ก่อน เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ
“หมดทุกคำพูดและการกระทำ”
“โอ๊ะ!” ม่อนฟ้าถึงกับตกใจเมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเองเมื่อวันนั้น
“ม่อนขอโทษ วันนั้นมันโมโหจริงๆ” ม่อนฟ้ารีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยที่เคยทำร้ายสายรหัสอย่างสาหัสสากรรจ์
“ขอโทษอะไรกันเล่า วันนั้นฉันมันก็น่าโดนจริงๆ นั่นแหละ” ธนพลดึงมือที่พนมอยู่ของม่อนฟ้าลง
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตะโกนดังมาไม่ไกลจนทั้งม่อนฟ้าและธนพลต่างหันไปมองทางเดียวกัน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเจ้าของเสียงยืนประชิดตัวธนพลและผลักอีกฝ่ายอย่างแรง
“มึงจะทำอะไรม่อนฟ้า” ดวงตาคู่คมจ้องหน้าธนพลอย่างเอาเรื่อง
ม่อนฟ้าไม่รู้ว่าซินหมิงจำธนพลได้หรือเปล่า แต่ถึงจะจำได้หรือไม่ได้เขาก็ไม่ควรมามีเรื่องตรงนี้
“ซินหมิง ไม่มีอะไร” ม่อนฟ้ารีบเข้าไปคั่นกลางระหว่างชายสองคน
“จะไม่มีอะไรได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าหมอนี่รังแกเธอ”
“เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน”
ซินหมิงไม่เชื่อ เขาดึงมือม่อนฟ้าให้เธอมายืนอยู่หลังเขา ส่วนตนเองก็ก้าวไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย
“อย่าคิดว่าฉันจำไม่ได้นะ ครั้งก่อนที่ฉันไม่เอาเรื่องเพราะเห็นแก่พ่อนายที่ขอร้องไว้ แต่ถ้าครั้งนี้แกทำอะไรม่อนฟ้าอีกฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
“ซินหมิง!” ม่อนฟ้าดึงแขนปราม
หญิงสาวอดส่งสายตาเป็นห่วงธนพลไม่ได้ที่ถูกพูดกระทบถึงพ่อซึ่งจากไปแล้ว ทว่าธนพลก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
“พวกเธอสองคนนี่เหมือนกันจริงๆ เลยนะ ขู่เก่งกันเหลือเกิน นี่เป็นแฟนกันแล้วหรอ” ธนพลชะโงกหน้ามาถามม่อนฟ้าที่ถูกคนร่างสูงบังอยู่ ม่อนฟ้ารีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ตอนนี้ไม่ใช่ แต่อีกหน่อยก็ใช่” ซินหมิงถือวิสาสะตอบแทน
“งั้นก็พยายามเข้านะไอ้น้อง ไปก่อนนะม่อนฟ้า ไว้เจอกัน” ธนพลตบไหล่หนุ่มรุ่นน้องให้กำลังใจ ก่อนโบกมือลาสายรหัสตนเองแล้วเดินจากไป
“มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซินหมิงหันไปถามม่อนฟ้าเมื่อเห็นท่าทีที่คุ้นเคยกันของคนทั้งสอง
“เขาเป็นสายรหัสฉันเอง”
“สายรหัส!”
“อืม ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว เขาก็แค่มาขอโทษก็เท่านั้นเอง”
“แล้วเธอมั่นใจได้ไงว่าสำนึกผิดจริงๆ มันอาจจะหลอกเธอก็ได้”
“เหมือนที่นายเคยหลอกฉันน่ะหรอ”
“ม่อนฟ้า” ซินหมิงเรียกเสียงอ่อยเมื่อถูกย้อน แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“เออ ช่างเถอะ เอาเป็นว่านายห้ามหาเรื่องเขาอีก เข้าใจไหม”
“แต่...”
“ซินหมิง”
“โอเค เข้าใจก็ได้”
“ก็แค่นั้นแหละ” ต้องให้ขึ้นเสียงก่อนถึงจะยอมสินะ
ม่อนฟ้าส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมเหมือนเด็กๆ ของชายหนุ่ม พักหลังมานี้ต่อให้เขาดื้อหรือเถียงยังไงแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการยอมเธออยู่ดี จนม่อนฟ้าอดคิดไม่ได้ว่าเพราะเป็นช่วงทำคะแนนหรือเปล่า สงสัยคงต้องดูกันไปยาวๆ
“นี่ รอนานยัง โทษทีนะสายรหัสฉันช้าไปหน่อย” ธรรมธรที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมเดินมาหาเพื่อนทั้งสอง
“ไม่นานเท่าไหร่ ไปเหอะ ฉันอยากอาบน้ำนอนแล้ว”
“ได้เลย” ธรรมธรตะเบ๊ะรับคำสั่งแล้วเดินเคียงข้างไปกับม่อนฟ้า ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดคอหญิงสาวเหมือนอย่างที่เคยทำ
“เฮ้ย! ปล่อยเลย” ม่อนฟ้าผละตัวออกแต่ไม่สำเร็จ ธรรมธรก็ยังคงเป็นธรรมธรคนเดิมคนที่ขี้เล่นและชอบแกล้งเธอเหมือนเดิม
เสียงดังโวยวายและหยอกล้อของทั้งคู่ดังไปตลอดทางกลับหอ ซินหมิงได้แต่มองภาพนั้นอย่างหวั่นใจ นี่เขายังมีความหวังอยู่หรือเปล่านะ
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว