บทนำ
“อ๊าาาก!” เสียงที่ตะเบ็งออกจากลำคออย่างสุดกำลังของสาวร่างเพรียวดังลั่นห้องไม่พอ ยังลากยาวจนลมแทบจะหมดปอด เมื่อภาพตรงหน้าที่ฉายชัดส่งความตกใจให้พุ่งเข้ากระแทกหัวใจของเธอ ท่อนแขนบางรวบเอาผ้าห่มผืนขาวขึ้นปิดเนื้อหนังมังสาที่ในเวลานี้ไม่ควรจะอยู่นอกเหนือการปกปิดเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย
ร่างหนาของชายแปลกหน้าที่ทอดกายอยู่เบื้องหน้าขยับ และนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวต้องขยับตัวตามด้วยความระแวดระวัง มันคงเป็นเพราะเสียงกรีดร้องของเธอเมื่อครู่แน่ๆ ที่ปลุกชาย...ร่วมห้องของเธอให้ตื่นมารับรู้ความจริงที่เพิ่งจะสร้างปรากฏการณ์ช็อกซินิมาให้เธอไปหมาดๆ
“เฮ้ยยย!” ความตกใจพุ่งพรวดออกมาจากปากเขาทันที พร้อมกับที่ตาถลึงโตจนหญิงสาวผู้ร่วมเหตุการณ์ไม่แน่ใจว่าจะหลุดกระเด็นใส่หน้าเธอรึเปล่า
ใบหน้าของเขาฉายความตกตะลึงออกมาอย่างไม่ต้องมองหา สายตาหวาดระแวงที่ไม่น่าใช่ลางดีถูกส่งมาหาเธอทันที ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เขยิบถอยหนีเธอด้วยความคิดน่ากลัวในหัว จนพลาดตกลงไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียง
“โอ๊ย!” เสียงหลงหลุดออกมาเล็กน้อย ก่อนชายหนุ่มจะรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่ถูกม้วนวางไว้ใกล้ตัวขึ้นมาปกปิดร่างกายของเขาแทนผ้าห่มที่เพิ่งหลุดออกเพราะอีกคนบนเตียงรั้งเอาไว้
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อเรียบเรียงความคิด โดยไม่ละสายตาไปจากหญิงสาวที่พันผ้าห่มเอาไว้รอบตัวเธอ และกำลังจ้องกลับมาที่เขาด้วยความโกรธที่มากจนทำให้ร่างบางของเธอสั่นเทา
เมื่อภาพความทรงจำเมื่อคืนค่อยๆ เดินมาเรียงต่อกันในหัวเขา ข้อสันนิษฐานบางอย่างจึงบังเกิด
“อ๋อ...อ ผมเข้าใจแล้ว เมื่อคืนคุณตั้งใจมอมเหล้าผมเพราะคิดจะปล้ำผมแบบนี้ใช่ไหม” ทนายหนุ่มว่าอย่างกังขาพร้อมกับชี้นิ้วไปหาจำเลยร่างเล็กบนเตียง ผ้าเช็ดตัวที่คลุมพาดตัวอยู่จึงหลุดลงไปกองกันบนตัก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่ปราศจากเครื่องปกปิดใดๆ
แม้ว่าคนบนเตียงจะสะดุ้งเมื่อท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาเข้ามาย้ำความชัดเจนของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับเธอ แต่นั่นมันยังไม่น่าตกใจเท่ากับสิ่งที่เขาเพิ่งกล่าวหาเธอเมื่อตะกี้นี้
มอมเหล้าเพื่อปล้ำเขาอย่างนั้นเหรอ
“ไอ้ทุเรศ! ใครกันแน่ที่ควรจะพูดคำนั้น” หญิงสาวว่าก่อนจะก้มลงมองความจริงใต้ผ้าห่มผืนหนาที่เธอรัดเอาไว้แนบตัว ความจริงที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“ผมเนี่ยนะจะไปปล้ำคุณ!” ชายที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงขมวดคิ้วใส่ “โถ เจ๊หอยแดง พิจารณาตัวเองหน่อยเหอะ ไม่มีส่วนไหนน่าพิศวาสเลยสักนิด”
คำดูถูกทำให้คนบนเตียงกัดฟันกรอด นี่เขาไม่รู้หรือไงว่าเธอน่ะคือบรรณาธิการบริหารนิตยสารชื่อดังที่ถูกขนานนามว่าทั้งสวย ทั้งแซ่บ เป็นเหมือนกุหลาบแดงสีสดที่เหล่าผึ้งตัวผู้อยากจะดอมดมขนาดไหน กล้าดียังไงมาบอกว่าเธอไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ
“หน็อย...ย ฉันไม่น่าพิศวาสหรือว่าคนอย่างแกมันไร้รสนิยมกันแน่ ไม่รู้ว่าตาถั่วหรือตาบอด ถ้าผู้หญิงคนไหนได้ไปทำผัวนะ เหอะ! บรรลัยสุดๆ”
“เมื่อคืนเธอก็ได้ฉันเป็นผัวแล้วนี่ บรรลัยหรือบรรเจิดก็น่าจะรู้ดี เช้ามาทำเป็นสะดีดสะดิ้ง โธ่!” เมื่อถูกยั่วโมโห สรรพนามเรียกขานจึงถูกเปลี่ยนตามไปด้วย
“อี๋ เรื่องเมื่อคืนฉันถือว่าทำทานย่ะ” บรรณาธิการสาวสะบัดหน้าใส่ เรื่องระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน แม้ว่าเธอจะจำแทบไม่ได้เลยก็เหอะ แต่จากทั้งคำพูดของเขาและสภาพของทั้งคู่ตอนนี้ ก็คงไม่ต้องฟื้นฝอยถามซ้ำหรอกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีแต่จะสร้างราคีตอกย้ำตัวเองเปล่าๆ
“กล้าพูดว่าทำทานเลยเหรอ โหยเจ๊! นมเล็กอย่างกับฝายาหม่อง ร่างกายหยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่ป. 3 รึไง ถึงได้มาแค่เนี้ย”
หญิงสาวสะบัดหน้ากลับไปหาต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ถูกปั่นให้พลุ่งพล่านจนตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ จะดูถูกกันไปถึงไหน อย่าคิดนะว่าคนอย่างเธอจะยอม
“แหมมม อย่างกับของตัวเองใหญ่มากนักนี่ ฉันเห็นแล้วคิดออกอยู่คำเดียว...” สาวร่างเล็กกดสายตามองต่ำ ก่อนจะกระตุกมุมปากอย่างเหยียดหยามอวัยวะส่วนล่างของเขา
“ไอ้จ้อยกระจิริด เก็บไว้นั่งดึงเล่นที่บ้านเหอะไป๊!”