ในช่วงเวลานี้ยังมีรถแบบสปอร์ตรุ่นล่าสุดสีขาวสะอาดแล่นออกจากตัวเมืองไปตามถนนเล็กช้า ๆ เลี้ยวซ้ายออกถนนลาดยางซึ่งหน่วยทหารกองปืนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้สร้างเลยออกไปจากถนนเส้นนี้ก็จะมีแต่ทุ่งนาสองฝากข้างมีหญ้าอ่อนๆ โอบล้อมทุ่งนาซึ่งในขณะนี้ข้าวกำลังออกรวงเหลืองอร่ามสวยงามสุดลูกหูลูกตา
ในขณะเดียวกัน เฟรนด์ ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับก็เหยียบเบรคเพื่อดับเครื่องยนตร์และไฟหน้ารถก็ยังเปิดส่องแสงสว่างเอาไว้ชายหนุ่มคงได้ยินแต่เสียงลมหนาวพัดปะทะยอดข้าวดังซู่ ๆ
"..เฟรนด์ คะ!!.เอ่ออๆๆ ..ฉันว่า.."
หญิงสาวใบหน้าอันสวยงามที่นั่งคู่มาด้วยเธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากระเส่าอย่างสั่นเครือท่ามกลางในความมืดที่กำลังปกคลุมไปทั่วทุ่ง
"..เอ่ออๆๆ ..ทำไมเรามาอยู่ในที่แบบนี้คะฉันว่ามันโล่งแจ้งเหลือเกินหากถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเดี๋ยวรถใครผ่านมาเห็นเข้าหรอกนะคะ.."
"..โอ้ววส์ๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับนฤนาที่นี่มันไม่มีใครผ่านมาแล้วก็เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบดี อีกนะตอนนี้มันก็มืดค่ำดึกดื่นอย่างนี้ไม่มีใครผ่านมาแน่รอน นอกจากเราสองคนเท่านั้น.."
“.,เมื่อหญิงสาวนฤนาเธอได้ฟังเหตุผลของชายคนรักเช่นนั้น เธอก็นิ่งเพราะไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปอีกเพราะเธอเองนั่นแหละที่ไม่ได้เอ่ยปากห้ามเขาไว้เสียตั้งแต่แรก
ผู้ชายละก็เป็นเช่นนี้เอง เอะอะก็คิดจะรวบหัวรวบหางเอาง่าย ๆ เสมออย่างไรก็ตาม เวลาหนึ่งปีที่รักกันมา ทำงานร่วมกันมาในสถานศึกษาเดียวกัน เฟรนด์อาจารย์หนุ่ม กับนฤนาเป็นอาจารย์สาว ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมในวัยหนุ่มสาวอันเร่าร้อนระอุอยู่ด้วยไฟสวาททำให้หัวใจทั้งคู่เรียกร้องต้องการจนถึงขั้นกอดจูบลูบคลำ สัมผัสตามเรือนร่างของกันและกันจนเลยเถิดไปไกลทุกวัน
"..เอ๊าะๆๆ ..อุ๊ยยๆๆ.. ปล่อยค่ะ!!..เฟรนด์.."
"..อ่าายยๆๆ..ซี๊ดส์ๆๆ..เอ๊าะว้ายๆๆ..อย่าาๆๆ.."