“แล้วนี่จะไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง เธอยังไม่ได้บอกอาเลยว่าเข้ามาในห้องทำงานของอาทำไม?”
“ก็ไม่ได้อยากมานักหรอก ถ้าแม่น้องเรไม่ใช้ให้มาตามอาไปทานข้าว” เด็กดื้อกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด เขาจะมารั้งเธอไว้ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้
“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์อื่น” เขาย้อนเสียงห้วน
“เอ๊ะ ก็บอกว่าแม่ให้มาตามอาไปกินข้าว แล้วอาคิดว่าหนูมาทำไม ในเมื่อหนูไม่ได้นึกพิศวาสอะไรอาถึงขนาดนั้น อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า” เริ่มฉุนกับคำพูดที่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าหู
“ก็ไม่รู้สิ บางทีเธออาจจะ...” หยุดพูดพลางใช้สายตากวาดไปทั่วเรือนร่างอวบอิ่ม ดวงตาเจิดจ้าคู่นั้นฉายแววขึ้นวูบราวกับสแกนหาสิ่งผิดปกติบางอย่าง
“อาอย่าใช้สายตาแบบนั้นกับหนูนะ หนูไม่ใช่คนมือไวใจเร็วที่คิดจะมาหยิบฉวยของมีค่าของคนอื่น”
เรลานีขึ้นเสียงใส่ เมื่อเห็นสายตาคมกวาดมองราวกับจับผิด
ทัชพลยกยิ้มมุมปากกับคำประกาศของเด็กสาว เขารู้ว่าเธอไม่มีนิสัยอย่างนั้นแน่นอน เพราะเขาเห็นเธอมาแต่เล็กแต่น้อยครอบครัวของเธอร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ บิดาของเธอสามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างที่ต้องการให้ได้ แค่เพียงเธอเอ่ยปากขอ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นหัวขโมย
“อาไม่ได้คิดอย่างที่เธอพูดสักหน่อย แต่อากำลังคิดว่า ที่เธอมา...ก็เพราะอาจจะอยากให้อาพิศวาสเธอก็ได้”
“พูดบ้าๆ หนูน่ะเหรออยากให้อาพิศวาส ไม่มีวัน ฝันไปเถอะ”
เด็กสาวหน้าตื่น หวั่นใจกับคำพูดของเจ้าของประกายตาร้อนแรงเข้มข้น เธอไม่คุ้นเคยกับคำพูดหื่นห่ามของอาหนุ่มแต่ก็เถียงเขาไม่ลดละ
เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่ไม่เจอกันหลายปี จากชายหนุ่ม สุภาพเรียบร้อย ใจดี ขี้เล่น กลายเป็นคนเคร่งขรึมจนผิดตาแถมคำพูดคำจาก็ฟังไม่ค่อยได้ พูดจามะนาวไม่มีน้ำ
“ไม่บ้าหรอก อาพูดจริง แล้วอาก็จะไม่รอ ไม่ฝัน จะลองพิศวาสเธอซะเดี๋ยวนี้แหละ”
น้ำเสียงเยียบเย็นแหบพร่า พร้อมกับวงแขนที่รัดแน่นเข้า ทำเอาร่างบางหวาดเกรงจนขาสั่น ไร้เรี่ยวแรงทรงตัวแทบระทวยลงกับอ้อมแขน พลางเบี่ยงใบหน้านวลหนีใบหน้าคร้ามคมที่ก้มต่ำลงมาจนหน้าผากแทบจรดกันเพียงแค่คืบ
เรลานี ทำใจแข็งบอกเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ก่อนที่เขาจะแกล้งกวนประสาทไปมากกว่านี้
“อย่ามัวมาทำเป็นเล่นอยู่เลยค่ะ เย็นมากแล้ว แม่น้องเรจะคอย หนูจะกลับไปก่อน อาทัชตามไปทีหลังก็แล้วกัน”
บอกพลางพยายามขืนตัวออกห่างจากการโอบรัดของลำแขนแกร่ง แต่กลับถูกกักไว้ในความแนบแน่น ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ พร้อมกับมือใหญ่ข้างว่างแนบประคองศีรษะทุยของร่างงามไว้
ก่อนส่งปากหยักลงมาประกบจูบอย่างเร่าร้อน พลางดันร่างเล็กให้ไปติดกับขอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่เบาๆ โดยที่คนมากวัยไม่ยอมละออกจากกลีบปากนุ่ม
เจ้าของศีรษะเล็กเบิกตากลมโตมองเขาอย่างตกใจ พยายามส่ายสะบัดให้หลุดพ้นจากการบดเคล้าของปากลิ้นร้อน ที่เจ้าของมันพยายามเซาะซอนเปิดกลีบปากอิ่มให้กว้างขึ้น เพื่อสอดแทรกปลายชิวหาเข้าไปในอุ้งปากเล็กอย่างช่ำชองเชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้เพราะถูกมือใหญ่กดตรึงท้ายทอยเอาไว้แน่นหนา
“อื้อ...อาทัช อย่า...อือ...”
เรลานีทำได้แค่เพียงส่งเสียงครางอืออา เป็นการประท้วงเขาออกไปเท่านั้น ซ้ำเสียงที่พยายามเปล่งออกมาก็ขาดหายจึงไม่ได้เข้าไปในประสาทการรับรู้ของเขาแม้แต่น้อย เพราะมันดังหวิดหวิวราวกับเป็นเสียงครางครวญแห่งความพอใจ ยิ่งทำให้คนมากประสบการณ์แสดงชั้นเชิงลีลาที่เหนือกว่า เรียกร้องเอาแต่ใจมากยิ่งขึ้นอีก
ปากลิ้นร้อนถูกเขาเลาะเล็มตวัดดูดดุนความหวานเอาไว้ทั้งหมด ราวกับถูกดูดวิญญาณออกจากร่าง แขนขาเรียวออกอาการชาราวกับเป็นอัมพาตไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้เพียงเล็กน้อย
ทัชพลไม่ฟังคำห้ามปราม เขาทอดสายตามองคนตัวอ่อนอย่างได้ใจ ความลืมตัวบวกกับความหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวเย้ายวนใจชาย ลืมสิ้นในสถานะของคนในอ้อมแขน
ชายหนุ่มย่ามใจอย่างหนักไม่คิดจะหยุดตัวเอง เดินหน้าต่อไปเรื่อย โดยส่งมือใหญ่ข้างว่างปลดรังดุมเสื้อของหลานสาวให้หลุดออกจากกันอย่างคล่องแคล่ว