บริษัท กรณ์วิภาค
สาวประเภทสอง ในร่างหญิงสาวสวย เซ็กซี่ ชุดรัดรูปสีดำ ทำให้หญิงสาว ในร่างสาวประเภทสอง ดูสวยเซ็กซี่ ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนๆๆ ทำให้ใบหน้าคมสวยยิ่งขึ้น อดิสรจ้องมอง หญิงสาวที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นมัณฑนากร มือใหม่แต่ผลงานดีเด่น จนอดิศวรชมไม่ขาดปาก คิ้วของอดิสรขมวด เมื่อเห็นแววตาที่จ้องมองเขม็ง
“ดิฉันมาพบคุณอดิศวรค่ะ เลขาคุณศวรไม่บอกเหรอคะ”
อดิสรจ้องมองสาวสวยเซ็กซี่ตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกคุ้นกับน้ำเสียงแบบนี้ แต่ไม่เชื่อตัวเองว่า คนสองคนที่ต่างกันมากมาย จะมีน้ำเสียงเหมือนกันได้
“ใครบอกคุณล่ะว่าผมไม่ใช่อดิศวร คุณคิดว่าผมเป็นใครล่ะคุณ อะไรนะ เอวิกา โทมัส” อดิสรก้มมอง ชื่อที่ถูกส่งมาจากเลขาส่วนตัว ก่อนจะนึกแปลกใจทำไมคุ้นกับรอยยิ้มและแววตาแบบนี้ จนหน้าขนลุก
“เป็นไปไม่ได้” ชายหนุ่มพึมพำออกมา พร้อมมองที่มือของสาวสวยตรงหน้า อย่างสงสัย
“โอเค ถ้าคุณจะให้ฉันเชื่อว่าเป็นคุณ ศวร ก็ได้”
“เดี๋ยวก่อนคุณเอมิกา ตกลงเราเคยเจอกันไหม”
เอลี่ใจหายวาบ แต่พยายามนิ่ง พร้อมปวดแป๊ปที่ใจ ทำไมจะจำผู้ชายที่เธอรัก เพียงคนเดียวในชีวิต ผู้ชายที่ทำให้เธอผิดหวังจนต้องหนีไปต่างประเทศมาสามปี ผู้ชายที่แม้จะทำยังไง ตนเองก็ไม่เคยลืม แม้ยามหลับยามตื่น
“ฉันจะรู้จักคุณได้ไง ในเมื่อฉันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ ได้ไม่ถึงเดือน” เอลี่ ในชื่อใหม่ว่าเอมิกา พูดน้ำเสียงแข็งกระด้าง
อดิสร เดินเข้ามาใกล้ เอมิกาหรือ เอลี่ ถอยห่างเล็กน้อย คิ้วของอดิสรขมวด ก่อนจะมองสาวสวยตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“ผมรู้สึกคุ้นกับคุณอย่างประหลาด”
“พูดเรื่องงานดีกว่านะคะ ดิฉันไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระ” เอลี่พูดน้ำเสียงสะบัด
“ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย เอผมชักสงสัยแล้วสิ คุณพูดแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่าหรือเป็นแค่ผมคนเดียว ...ผมว่าคุณไม่ชอบผมนะเนี่ย” อดิสรรู้สึกแปลกใจที่ตนเองเซ้าซี้สาวสวยตรงหน้า ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบทำงานกับผู้หญิงเพราะรู้สึกว่าเรื่องมาก แต่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจทำไมชอบมองหน้างอๆ แววตาดุดันของสาวสวยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งน้ำเสียงของเธอดันไปคล้ายกับ สาวประเภทสองที่เป็นคนรักเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในใจของชายหนุ่ม แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี แต่แผลในหัวใจก็ยังไม่จางหาย..อดิสรเฝ้าโทษตัวเอง เฝ้าทำร้ายตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ว่าปล่อยให้รักแท้ให้หลุดลอยไป เพียงเพราะสนใจในสิ่งที่ไม่มีตัวตน และสัมผัสไม่ได้ ชายหนุ่มยังจำหน้าของอดีตคนรักในวันที่ตนเองขอบอกเลิกได้ดี ว่าทั้งน้ำตาทั้งแววตาที่ปวดร้าว เสียงร้องไห้เจียนจะขาดใจมันทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดเจียนตาย แต่ต้องตัดใจเดินหันหลัง พร้อมสลัดทุกอย่างเพียงแค่สนใจเปลือกนอก อดิสรคิดเพลินหัวใจปวดแป๊ปเมื่อคิดถึงอดีตคนรัก
“เราไม่เคยเจอกัน ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่อยากจะรู้จักค่ะ ..ถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากคุยงานโดยตรงกับคุณอดิศวรตามที่ได้รับสั่งจากบอสมาจะดีกว่านะคะ” เอวิกาหรือชื่อเดิมเอลี่พูดน้ำเสียงหนักแน่น
“ตกลงไม่เชื่อจริงๆ ว่าผมคืออดิศวร”
“ก็คุณไม่ใช่จริงๆ”
“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมไม่ใช่”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ บอกมาดีกว่าว่าจะให้ฉันพบคุณศวรได้เมื่อไหร่”
“โอเค บอกก็ได้ นี่มีไม่กี่คนที่ผมสองคนพี่น้อง หลอกไม่ได้ ผมชักสงสัยแล้วสิว่าคุณเป็นใครกันแน่ แม้แต่พนักงานบางคน ยังจำเราไม่ได้ ”อดิสรมองแล้วหรี่ตาเล็กน้อย
“ถ้าคุณไม่คุยเรื่องงาน ฉันขอตัวกลับ เวลาของฉันสำคัญมากกว่าจะมาต่อปากต่อคำ กับคุณอดิสร กรณ์วิภาค” เอวิกาหรือเอลี่เอี้ยวตัวจะเดินกลับ”
“เดี๋ยวสิ ก่อนจะทำงานด้วยกันก็ต้องทำความรู้จักกันบ้างสิ ...จริงไหม”
“ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณ” เอวิกาหรือเอลี่เน้นคำพูด พร้อมเชิดหน้า
................
โรงพยาบาลพิงค์วรารมย์ จังหวัดเชียงใหม่
“เชอรี่ พี่ได้ยินว่าหมอใหม่ที่จะมาแทนหมอสุชาติมาแล้วเหรอ เห็นพวกพยาบาลข้างหน้ากริ๊ดกร๊าดเสียงดังตั้งแต่เช้า เมื่อคืนพี่ลงเวรก็ไปเฝ้าน้องนนท์เลยตกข่าว” พยาบาลต้นน้ำ ในวัยสามสิบถามพยาบาลรุ่นน้อง ใบหน้ายังดูอ่อนเพลีย
“มาแล้วพี่ ชื่อหมออะไรนะ ...อ๋อ หมอวินท์พี่ หล่อมากขาวตี๋ ใส่แว่นใสๆพระเอกเกาหลีชัดๆเลย” เชอรี่ทำใบหน้าเพ้อฝัน
“ชื่ออะไรนะ...แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“คงไปตรวจวอร์ดเด็กล่ะมั้ง ตอนนี้อาจจะตรวจห้องน้องนนท์อยู่ก็ได้”
“เชอรี่...จำได้ไหมว่าเขาชื่อเต็มๆว่าอะไร” ต้นน้ำใจเต้นแรง สามปีแล้วสินะที่เธอหนีมารักษาแผลใจไกลถึงเชียงใหม่ ตอนนี้พยาบาลสาวรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
“รองศาตราจารย์หมออนวินท์ เลิศวสิน หนูจำได้ดีเลย” เชอรี่กล่าวอย่างภูมิใจแผ่นชาร์ต คนไข้ตกจากมือหัวหน้าพยาบาลสาว ก่อนที่ต้นน้ำจะวิ่งไปในทิศทาง ที่ลูกชายเพียงคนเดียว ลูกชายที่เกิดจากความรักลูกชายที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ หญิงสาวภาวนาอย่าให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างที่เธอคิด
.....................................................
“อย่ามายุ่งลูกของน้ำ”
“ตกลงน้องนนท์เป็นลูกของคุณงั้นเหรอ” น้ำเสียงนายแพทย์อนวินท์ ที่ตอนนี้เป็นรองศาตาจารย์นายแพทย์ อนวินท์ถามน้ำเสียงตกใจ ใบหน้าเด็กชายวัยสามขวบ ที่ตนเองมองยังไงก็คุ้นตาและรู้สึกคุ้นเคย ก็เพราะใบหน้าเด็กน้อยช่างเหมือนกับตนเองตอนเด็กๆนั่นเอง อนวินท์ตัวชาเมื่อคำนวณเวลา ที่หญิงสาวหนีออกไปจากชีวิตทิ้งไว้เพียงจดหมายเพียงฉบับเดียว จำความรู้สึกได้ว่าตอนนั้นเหมือนโลกถล่มตรงหน้า ตลอดสามสี่ปีที่เฝ้าตามหาหญิงสาวคนนี้ ซึ่งตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมเด็กชายตัวน้อยที่เจ้าตัวกางแขนปิดป้อง ราวกับแม่นกที่หวงลูกนกตัวน้อย อนวินท์กระชากแขนพยาบาลสาวอย่างแรงเมื่อประติดประต่ออะไรบางอย่างได้
“น้องนนท์เป็นลูกพี่ใช่ไหม”
ต้นน้ำนิ่ง ใบหน้าเชิดเล็กน้อยหญิงสาวพยายามบิดมือหนี แต่ยิ่งขัดขืนนายแพทย์หนุ่มก็ยิ่งบีบแรงจนหญิงสาวนิ่วหน้า
“ลูกของน้ำ ของน้ำคนเดียว”
“งั้นพี่คงต้องขอตรวจดีเอ็นเอ”
“มีสิทธิ์อะไร”
“ก็พี่สงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นลูกพี่ อย่าลืมนะว่าเรายังไม่ได้หย่ากัน อ๋อไม่ใช่สิ ถึงคุณจะเซ็นต์ใบหย่าแต่เสียใจนะ พี่ยังไม่ได้เซ็นต์เรายังเป็นผัวเมียกันตามกฎหมาย เด็กคนนี้อายุสามขวบ น้ำหนีออกจากบ้านมาสี่ปี แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นลูกพี่”
“ลูกน้ำของน้ำคนเดียว พี่หมออย่ามาขี้ตู่” ต้นน้ำเถียงปากสั่นใจหาย น้ำตาคลอเบ้า
ติดตามความเข้มข้นของตอนจบ ของซีรีย์เซ็ท พยศรักซาตานเร็วๆนี้.....
โปรดติดตามภาคสอง ภาคจบของนิยาย เรื่อง พยศรักซาตาน ตอน ตามล่าหาหัวใจที่หล่นหายที่จะซาบซึ้ง หวานหยด และเผ็ดร้อนแค่ไหน ในเมื่อทั้งสามคู่ มีอดีตรักที่ฝังใจ ความรักทำให้
มีความสุขได้ แต่ก็นำมาซึ่งความทุกข์ ถ้าไม่รู้จักจัดการความรัก ให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้เกิดการพลัดพราก ...แต่ชายหนุ่ม ทั้งสาม จะปล่อยความรักให้หลุดลอย หรือตามล่าหัวใจให้คืน
กลับมา โปรดติดตามภาคสองของพยศรักซาตานเร็วๆนี้ค่ะ.....