“ฉันคืนอิสระให้” ...หรือแปลให้เขาใจง่ายว่า ‘เราเลิกกัน’ สินะ
“ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก นอกจากสถานะนายจ้างกับลูกน้อง”
ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้ว เพราะแววตาของธรธัญญ์ที่สละเวลาทำงานมานั่งรอเธออยู่ที่ล็อบบี้ก่อนพามาส่งบ้านตามหน้าที่ของแฟนมันเตือนให้รู้ว่ามีความผิดปกติ ลางสังหรณ์บอกว่าไม่ใช่เรื่องดีกับตัวเธอ ด้วยเหตุนี้จึงพยายามหนีหน้าเข้าบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังจุกกับความจริงนี้อยู่ดี ทุกคำพูดจากปากธรธัญญ์หยิบยื่นความเจ็บปวดให้อกซ้ายจนปวดหนึบ โชคดีที่ตอนนี้นั่งอยู่ในรถ ไม่เช่นนั้นร่างบางคงทรุดฮวบกับคำบอกเล่าที่ลิดรอนเรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายไปจนยืนไม่อยู่ เทพิมพ์ทิ้งแผ่นหลังอ่อนเปลี้ยพิงเบาะรถเหมือนคนไม่มีกระดูก สมองมึนชาจนไม่รู้ว่าจะพูดหรือทำอะไรต่อไป
ระหว่างที่นั่งตาลอยคล้ายยังช็อกกับความจริงว่าเธอถูกธรธัญญ์ทิ้ง ก็เกิดคำถามแทรกตรงกลางใจว่าสาเหตุที่ทำให้เจ้าของนาราแกรนด์โฮเทลบอกเลิก เป็นเพราะวันนี้เธอล้ำเส้น เข้าไปวุ่นวายกับเขา หรืออันที่จริงธรธัญญ์อยากจะพูดเรื่องนี้อยู่แล้วกันแน่
“หมดเวลาของพิมพ์แล้วเหรอคะ” ในที่สุดเทพิมพ์ก็เอ่ยถามทั้งที่ดวงตายังมองเหม่อไปข้างหน้า ใจความที่เอ่ยราวกับล่วงรู้มานานแล้วว่าระหว่างตัวเองกับธรธัญญ์ ไม่มีคำว่า ‘ตลอดไป’
“ไม่มีใครควรอดทนกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน ฉันผิดเองที่ปล่อยให้มันคาราคาซังมาถึงวันนี้”
“จริงๆคุณธัญญ์ก็ชัดเจนนะคะ ชัดเจนว่าไม่ได้รักพิมพ์ แต่เป็นพิมพ์ต่างหากที่เลือกจะปิดตาแล้วหลอกตัวเอง”