“สวัสดีครับพี่กันต์”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เพิ่งเปิดประตูร้านเช่าชุดแต่งงานเข้ามาในเวลาเกือบตีห้าเอ่ยทักพี่ชายของเขาที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาของร้าน พี่ชายที่อายุห่างจากเขาถึง 5 ปีกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของงานแต่งงานในวันนี้ ส่วนเขานั้นต้องทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวของพี่ชาย
การปรากฎตัวของผู้มาใหม่ดึงดูดสายตาของช่างแต่งหน้าทุกคนในร้านทั้งหญิงแท้และหญิงเทียม ชายหนุ่มสูงประมาณ 178 เซนติเมตร บนใบหน้าหล่อร้ายกาจที่หาตัวจับได้ยากมีคิ้วเข้มประดับรับกับดวงตาที่มีเสน่ห์เหลือล้นอยู่ จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากหยักหนาที่เหมือนจะมีรอยยิ้มนิดๆอยู่ตรงมุมปากอยู่เกือบตลอดเวลา
“มาแล้วเหรอก้อง นั่งพักก่อนสิ ขับรถมาเหนื่อยๆ”
ชายหนุ่มที่อายุประมาณสามสิบกลางๆที่มีหน้าตาคมสันตามแบบฉบับชายไทยเอ่ยทักผู้เป็นน้องชาย ใบหน้าของเขาประกอบไปด้วยไรเคราจางๆที่ขึ้นตรงด้านข้างทั้งสอง ดวงตาคมนิ่งเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวที่มาพร้อมกับคิ้วเข้มที่พาดผ่านด้านบน จมูกที่เป็นสันรับกับริมฝีปากหยักที่นานๆทีจะมีรอยยิ้มให้เห็น
‘หล่อเร้าใจมาก แต่น่าเสียดายที่จะไม่โสดแล้ว’
นั่นคือประโยคแรกที่ดังอยู่ในหัวของเหล่าช่างแต่งหน้าตั้งแต่วันแรกที่เห็นว่าที่เจ้าบ่าวของงาน แต่ตอนนี้พวกเธอมีเป้าหมายใหม่แล้ว เพื่อนเจ้าบ่าวคนนี้ไงที่ทั้งหล่อลากดินไม่แพ้กันและก็น่าจะยังโสด เมื่อทั้งสองหนุ่มมาปรากฎตัวใกล้ๆกันพวกเธอก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครหล่อมากกว่าใครกันแน่
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่าแล้วค่อยมานั่งคุยกับพี่กันต์”
หนุ่มหล่อที่มาใหม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แค่ดูจากสายตาคบปลาบก็รู้ว่าเป็นคนที่เจ้าชู้เงียบแบบพวกเสือซุ่ม ไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าเขาคงหวงแหนชีวิตหนุ่มโสดมากแค่ไหน
“นี่ฮะ ชุดของเพื่อนเจ้าบ่าว เดินเข้าไปแต่งตัวในห้องแต่งตัวด้านในของร้านได้เลยนะฮะ มีอยู่สองห้องให้เลือก เลือกห้องได้ตามสบายฮ่ะ”
สาวประเภทสองยื่นชุดราชประแตนที่ประกอบไปด้วยเสื้อแขนกระบอกสีขาวและโจงกระเบนสีชมพูอ่อนตามธีมของงานแต่งให้ชายหนุ่ม
“ได้ครับ ขอบคุณนะครับ”
คนที่เพิ่งมาถึงร้านชุดแต่งงานตอบรับก่อนจะขยิบตาแบบคนขี้เล่นให้คนที่ยื่นชุดมาให้ ทำให้มีเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆตามด้วยเสียงกระซิบกระซาบจากเหล่าสาวๆในร้าน
“อุ๊ยหล่ออ่ะ”
“ทั้งน่ารักและน่ากิน”
เพื่อนเจ้าบ่าวที่กำลังจะไปเปลี่ยนชุดมองไปยังพี่ชายของเขาที่แต่งตัวอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว มือของเจ้าบ่าวกำลังถือหนังสือพิมพ์อยู่แต่ตานั้นมองสบตาเจ้าสาวของเขาผ่านกระจกของร้านอยู่ตลอดเวลาจนเธอหน้าแดง ว่าที่เจ้าสาวที่เด็กกว่าเจ้าบ่าวถึง 15 ปีกำลังแต่งหน้าโดยช่างแต่งหน้าที่ฝีมือดีที่สุดในจังหวัดนี้ จังหวัดที่พี่ชายของเขาทำงานอยู่
ก้องการุณดีใจที่เห็นพี่ชายของเขามีความสุข แต่ว่า...ลึกๆแล้วเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้อยู่ดี เขาไม่รู้ว่าพี่กันต์กำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากหมั้นและแต่งงานขึ้นมากระทันหันแล้วโยนคำว่าอิสรภาพทิ้ง สำหรับชายโสดเจ้าสเน่ห์อย่างพวกเขา การแต่งงานคือสิ่งที่เรียกได้ว่าหายนะของชีวิตเลยก็ว่าได้เพราะมันคือจุดจบของความสุขทุกรูปแบบ ลองคิดดูสิว่า ชีวิตหนุ่มโสดนั้นดีแค่ไหน พวกเขาอยากจะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ อึ๊บกับสาวสวยคนไหนก็ได้ไม่ซ้ำหน้า แถมยังไม่ต้องทำงานงกๆเพื่อแบ่งเงินเดือนให้ใครใช้ด้วยอีกต่างหาก นี่ยังไม่รวมกับการต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระอีกมากมายที่จะตามมา อย่างเช่น วันนี้อยากทานอะไร
“เฮ้อ”
ชายหนุ่มถอนหายใจไว้อาลัยให้กับอิสรภาพหนุ่มโสดของพี่ชายก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในร้านเพื่อเปลี่ยนชุด เขาไม่มีวันเดินตามรอยของพี่ชายหรอกนะ