“รอบหน้าพวกนายจะได้ไปไหนกันนะ” ต้าเหนิง หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มของลี่หยางพูดขึ้น เธอเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ เช่นเดียวกันและมีความชอบเกี่ยวกับงานด้านอวกาศเหมือนๆ กัน จริงๆ แล้วเธอก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศเหมือนกับพวกเขา แต่เธอไม่สามารถทำตามฝันนั้นได้ด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพ หญิงสาวจึงทำงานในศูนย์วิจัยภายในองค์การอวกาศแทน
“ขอพักยาวๆ สักหน่อยก่อนแล้วกัน ภารกิจที่ผ่านมางานเยอะมากจริงๆ” วั่งซูพูดขึ้นมา
“แต่ฉันว่าเขาไม่ปล่อยให้นักบินอวกาศหนุ่มไฟแรงได้ว่างนานนักหรอก เดือนหน้าก็น่าจะได้รับภารกิจใหม่แล้ว” ต้าเหนิงหันไปพูดกับวั่งซูพร้อมกับยักคิ้วให้
“เฮ้ๆ เธออย่าอวยพรกันแบบนั้นสิ ฉันวางแผนจะไปเที่ยวกับครอบครัวในช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์อยู่นะ” อู๋ห่างพูดกับต้าเหนิงด้วยน้ำเสียงที่ทำทีเป็นไม่พอใจ ครอบครัวของอู๋ห่างอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งไกลจากปักกิ่งค่อนข้างมาก
“งั้นนายก็ไปเที่ยวเถอะ ฉันจะไปกับวั่งซูแค่สองคน” ลี่หยางพูดขึ้นมา ซึ่งคำพูดของเขานั้นก็ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหัวเราะออกมาตามๆ กัน
“นายนี่มันจริงๆ เลย” อู๋ห่างหันมาพูดกับลี่หยางด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เจ้านี่ไม่ได้สนใจเทศกาลอะไรพวกนี้อยู่แล้วนี่” วั่งซูพูดขึ้นมา
ลี่หยางเพื่อนของพวกเขาคนนี้มีความเชื่อที่เป็นวิทยาศาสตร์ฝังหัวเอามากๆ ทุกอย่างที่เขาตัดสินใจจะเชื่อต้องผ่านการทดลองที่น่าเชือถือมาแล้วเท่านั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นด้วยตา มีตัวตนที่สามารถพิสูจน์ได้
“ก็แค่เรื่องเล่าของคนสมัยก่อนเท่านั้นแหละน่า” ลี่หยางพูดขึ้นพลางหยิบเอาแก้วไวน์ที่วางอยู่ข้างๆ ตัวขึ้นมาจิบ
“แต่มันก็อาจจะมีเค้าความจริงอยู่ก็ได้นะ” ต้าเหนิงแย้งขึ้นมาบ้าง
“มนุษย์เพิ่งได้เดินทางไปเหยียบดวงจันทร์สำเร็จเมื่อประมาณห้าสิบปีก่อนนี้เอง แล้วคนสมัยโบราณก่อนหน้านั้นจะไปรู้ได้ยังไงว่าบนดวงจันทร์มีอะไรบ้าง นอกจากการคาดเดากันไปเอง” ลี่หยางยังคงพูดต่อไปตามความคิดของตัวเอง