อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆-ตอนที่ 45 อ่ะ...ทิปให้

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 45 อ่ะ...ทิปให้

“เขาว่าอะไรนะ นี่ผมฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า ต่ำกว่าแปดเหรียญหรือ” เมื่อได้ยินประโยคที่จางเซวียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะมั่นใจ คนรอบๆ ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ทุกคนมองไปที่จางเซวียนเหมือนมองคนบ้า

เอาจริงดิ?

การซื้อขายอัญมณีคือการวัดกันที่ใจและทรัพย์สิน ไม่ว่าอัญมณีก้อนไหนก็มีราคาหนึ่งร้อยเหรียญขึ้นไปทั้งนั้น แล้วแปดเหรียญที่ว่านี่จะมาซื้ออะไรกัน

“สมองของคนคนนี้ไม่มีปัญหาแน่นะ”

“แปดเหรียญอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ ซื้อได้สิ ซื้อดินได้หนึ่งกำมือ”

“ของที่นี่ไม่มีอะไรที่ถูกขนาดนั้นหรอกพ่อหนุ่ม...”

ต่อมาไม่นาน ทุกคนที่ชมอยู่รอบด้านต่างก็พากันหัวเราะเสียงดัง

สถานที่แบบนี้จะมีของที่ราคาต่ำกว่าแปดเหรียญได้อย่างไร อย่าว่าแต่แปดเหรียญเลย ต่อให้แปดสิบเหรียญก็หายากเหลือเกิน

“อะไรกัน เป็นถึงแหล่งซื้อขายอัญมณีชื่อดัง สินค้าที่ราคาต่ำกว่าแปดเหรียญก็ไม่มี น่าอายเสียจริงๆ” จางเซวียนมองไปที่เจ้าของร้านแล้วพูดขึ้นโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะว่าอะไร ก็แหม...เจ้าจางเซวียนคนเก่ามีเงินเก็บเหลือไว้ให้เขาเพียงแปดเหรียญเท่านั้น มีแค่นี้จริงๆ ถึงอยากจะได้มากกว่านี้มันก็ไม่มีจะให้

ผู้คนรอบข้างต่างมองหน้ากัน ทุกคนต่างแอบหัวเราะจางเซวียนอยู่ในใจ

ใครกันแน่ที่น่าจะอับอาย

ก็เหมือนกับไปถามหาพนักงานขายของโครงการบ้านหรู แล้วถามว่าบ้านราคาหนึ่งเหรียญมีขายรึเปล่า

นี่คุณ สมองของคุณยังดีอยู่รึเปล่าเนี่ย?

“อัญมณีที่ราคาแปดเหรียญน่ะไม่มีหรอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณเลือกก้อนอัญมณีเลย แล้วผมจะเป็นคนจ่ายเงินให้ ถ้ามีกำไรคุณก็เอาไป ถ้าขาดทุนก็ทำตามที่เมื่อครู่เราสัญญากันเอาไว้ แค่มาขอโทษผมก็พอ” เห็นจางเซวียนเป็นแบบนี้ โม่หยางเกิดความรู้สึกดูหมิ่นขึ้นในใจ เขาไพล่แขนทั้งสองไว้ด้านหลัง วางท่าเป็นผู้ที่เหนือชั้นกว่า

“สมแล้วที่เป็นท่านปรมาจารย์โม่หยาง เป็นคนที่สูงส่งจริงๆ”

“เจ้าหนุ่มคนนี้มาแสดงความโง่แท้ๆ นี่มันมาเป็นตัวตลกโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย”

“คุณธรรมของท่านปรมาจารย์เป็นที่น่าเลื่อมใสเหลือเกิน”

เมื่อได้ยินว่าโม่หยางจะช่วยออกเงินให้กับจางเซวียน ทุกคนต่างรู้สึกนับถือในตัวโม่หยางอย่างมาก

เห็นรึยังว่าเขาเป็นคนดีแค่ไหน เห็นแล้วก็ก้มลงมองสารรูปของตัวเองซะ

เอาล่ะ ฉันว่าแกอย่าแข่งเลย เดี๋ยวฉันเห็นความทุเรศของแกแล้วอ้วกจะแตกเอา

ฯลฯ

“คุณแน่ใจหรือ” จางเซวียนมองไปที่โม่หยาง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ดังนั้นการที่เขาจะใช้เงินของสิบแปดมงกุฎสักหน่อยก็คงไม่ผิดศีลธรรมอะไรมั้ง

“แน่นอน คนอย่างผม พูดอะไรต้องเชื่อถือได้เสมอ” โม่หยางทำตัวเสมือนผู้ดีมีตระกูลที่อยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป

“ตกลง งั้นผมไม่เกรงใจนะ...” จางเซวียนยิ้มแล้วก้าวมาที่กองก้อนอัญมณี เริ่มเลือกทันที

ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเลือกอัญมณีก้อนเล็ก ดังนั้นตัวเขาเองก็จะเลือกก้อนโตไม่ได้ อีกอย่าง ถ้าเลือกก้อนโตอาจต้องใช้เวลาในการเจียระไนนาน ประเดี๋ยวจะเกิดคำครหาต่างๆ ตามมาอีก

“เจ้าหนุ่มคนนี้มันหน้าด้านจริงๆ”

“ก็นั่นน่ะสิ สงสารท่านปรมาจารย์โม่หยางจริงๆ ท่านเป็นคนดีขนาดนี้ ถ้าเป็นฉันละก็ คงจะกระทืบเจ้าหนุ่มนั่นไปแล้ว”

“มาดูถูกท่านปรมาจารย์แล้วยังจะมาใช้เงินของท่านอีก... น่าไม่อาย” เมื่อเห็นว่าจางเซวียนไม่รู้สึกผิดที่ใช้เงินของโม่หยาง ผู้คนโดยรอบต่างพูดอะไรไม่ออก คนอะไรทำไมใบหน้าถึงได้หนาขนาดนี้ มาออกปากต่อว่าท่านปรมาจารย์ว่าเป็นพวกหลอกลวง แบบนี้มันก็ต้องเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว แต่ยังมีหน้ามาใช้เงินของศัตรูซื้อของเพื่อประลองกับเขาอีก... ช่างน่าสมเพชนัก

จางเซวียนไม่สนใจคนรอบข้าง เขาจับก้อนอัญมณีไปมาและไม่นานก็เลือกก้อนอัญมณีขนาดเท่าฝ่ามือได้ก้อนหนึ่ง จางเซวียนส่งให้กับเจ้าของร้านทันที

“ก้อนนี้ก็สองร้อยเหรียญเช่นกัน” เจ้าของร้านมองไปที่ก้อนอัญมณีแล้วพูดเบาๆ

“อ้าว ท่านปรมาจารย์ รีบจ่ายเงินซะสิ” จางเซวียนกวักมือให้โม่หยางจ่ายเงินโดยไม่รู้สึกละอายใจอะไร

“...” โม่หยางพูดไม่ออก ที่เขาเสนอออกไปก็แค่อยากจะให้อีกฝ่ายเสียหน้า แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายกลับฉวยโอกาสจากคำคุยโตของเขาอย่างหน้าด้านๆ โม่หยางกัดฟันอดทนกับความแค้นเคืองแล้วจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้าน

“เอาล่ะ งั้นก็มาเจียระไนกันตรงหน้าร้านนี่เลยดีไหม ให้ทุกคนได้เห็นชัดๆ กันไปเลย จะได้ไม่มีการโกงกัน” จางเซวียนแกว่งแขนไปมา

“ก็ดี เดี๋ยวพอเจียระไนออกมาแล้วจะขอดูน้ำหน้าคุณสิว่า ยังจะเหิมเกริมได้อีกไหม” พอเห็นท่าทางของจางเซวียนแบบนี้ เจ้าของร้านจึงอดไม่ได้ที่จะพูด เขารับก้อนอัญมณีจากมือของจางเซวียนแล้วเริ่มเจียระไนทันที

ไม่นาน อัญมณีที่ถูกดินโคลนต่างๆ ปกคลุมอยู่ก็ปรากฏออกมาต่อหน้าทุกคน อัญมณีก้อนนี้มีลักษณะกึ่งทึบกึ่งโปร่งใสและส่งประกายแสงอ่อนๆ ออกมาตลอดเวลา

“นี่มัน... พลอยกระพรวนนี่นา” เสียงพูดของคนคนหนึ่งดังขึ้นกลางฝูงชน ฟังแล้วเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

“พลอยกระพรวนคือพลอยอะไรหรือ?” เมื่อมีคนรู้จักก็ย่อมมีคนไม่รู้จัก

“คุณไม่รู้จักหรือ พลอยกระพรวนเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการตีอาวุธระดับพญายม เป็นพลอยชนิดที่มีราคาแพงสุดๆ” คนที่พูดคนแรกกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน

ในโลกใบนี้ มนุษย์แบ่งอาวุธเป็นหลายระดับ สูงสุดคือระดับเทพ ระดับเทวดา ระดับวิญญาณ ระดับพญายม และระดับสามัญ

ในอาณาจักรเทียนเซวียนแห่งนี้ แค่อาวุธระดับสามัญยังหาแทบไม่ได้ แล้วนับภาษาอะไรกับอาวุธระดับพญายม อาวุธระดับพญายมหนึ่งชิ้นสามารถขายได้ในราคามหาศาล

หากวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการตีอาวุธระดับพญายมออกวางขายในตลาด มันจะสามารถดึงดูดเหล่าตระกูลใหญ่ของแต่ละเมืองให้มาสั่งซื้อมาจับจองอย่างบ้าคลั่งได้

“แล้วมันมีราคาประมาณเท่าไหร่รึ?” คนที่ไม่รู้จักพลอยก้อนนี้ถามขึ้นด้วยความสนใจ เมื่อพูดว่ามันเป็นของหายาก หลายคนอาจไม่ค่อยเห็นภาพ แต่ถ้าเทียบกันด้วยราคา ทุกคนจะสามารถเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งนี้ได้มากขึ้น

“ได้ยินว่าเมื่อก่อนที่อาณาจักรหลิวจู เคยมีการซื้อขายพลอยกระพรวนก้อนเล็กกว่านี้มาก ขนาดใหญ่พอๆ กับไข่ไก่ ราคาอยู่ที่ห้าหมื่นเหรียญ แต่ก้อนนี้มีขนาดใหญ่กว่า ดูแล้วน่าจะมีความบริสุทธิ์มากกว่า ราคาน่าจะอยู่ที่ราวๆ หนึ่งแสนเหรียญ...” คนพูดนั้นพูดไปกลืนน้ำลายไป

“หนึ่งแสนเหรียญ...” ผู้คนรอบๆ ต่างตกใจจนแทบบ้า

ซื้อมาสองร้อยเหรียญแต่สามารถขายออกได้หนึ่งแสนเหรียญเชียวรึ

ราคาสูงขึ้นถึงห้าร้อยเท่า!

นี่เรื่องจริงหรือ?

“นี่... นี่มัน...” เจ้าของร้านถึงกับไปไม่เป็น เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น เขาเป็นเจ้าของร้านอัญมณี ย่อมรู้จักอัญมณีหลากหลายชนิด รวมถึงราคากลางของแต่ละชนิดด้วย สิ่งที่คนเมื่อครู่พูดล้วนเป็นความจริง พลอยก้อนนี้มีราคาซื้อขายสูงแบบนี้จริงๆ

“เป็นไปไม่ได้... จะต้องดูผิดแน่ๆ...”

ทุกคนต่างพากันตกใจ ส่วนโม่หยางนั้นแทบจะเป็นลม แรกๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สามารถเลือกก้อนอัญมณีดีๆ ออกมาได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะเริ่มจากการพูดจาต่อว่าแล้วค่อยวางมาดเป็นคนเหนือคนอีกครั้ง คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะสามารถเลือกอัญมณีที่มีค่าควรเมืองออกมาได้เพียงหยิบเล่นๆ เป็นหนแรก

ซื้อก้อนอัญมณีในราคาสองร้อยเหรียญเท่ากัน ตนขายได้แค่สองพันเหรียญ แต่อีกฝ่ายขายได้หนึ่งแสนเหรียญ ความแตกต่างของผลกำไรไม่ว่าใครก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน

“พลอยกระพรวนก้อนนี้ผมจะประมูล ใครที่ให้ราคาสูงสุด ผมจะขายให้คนนั้น” จางเซวียนรู้ตั้งแต่แรกว่าอัญมณีที่เขาจะได้นั้นคือพลอยกระพรวน จึงไม่มีความประหลาดใจใดๆ บนใบหน้า เขาหยิบพลอยกระพรวนจากมือของเจ้าของร้านแล้วหันไปรอบๆ

“ผมให้หนึ่งแสนเหรียญ” คนที่รู้จักพลอยกระพรวนก้อนนี้รีบตะโกนขึ้นทันที

หนึ่งแสนเหรียญฟังดูแล้วอาจจะเป็นราคาที่แพงสุดๆ แต่สำหรับการซื้อขายพลอยกระพรวนแล้ว ราคาแค่นี้ไม่ถือว่าแพงเลย

“ผมให้หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเหรียญ” คนอื่นก็รู้ราคาของพลอยก้อนนี้เช่นกัน

“หนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญ...”

ไม่นาน ราคาประมูลของพลอยกระพรวนก็กระโดดไปอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันเหรียญ และถูกซื้อไปโดยชายหนุ่มมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง

“นี่คือตั๋วเงินที่ฝากไว้ใน ‘ช่องเก็บเงินเทียนเซวียน’ ของผม คุณสามารถใช้มันเพื่อเบิกเอาเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันเหรียญออกมาจากช่องเก็บเงินเทียนเซวียนได้ทุกที่” ชายหนุ่มหยิบพลอยกระพรวนจากมือของจางเซวียนแล้วส่งตั๋วเงินปึกหนึ่งให้ทันที

เหรียญเงินของที่นี่มีน้ำหนักมาก พกพาไม่สะดวก มนุษย์ในโลกใบนี้ก็เหมือนกับโลกของจางเซวียนในอดีต มีการใช้ตั๋วเงินแทนเหรียญเงินทั่วไป

“ขอบคุณครับ” จางเซวียนมองครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นตั๋วเงินของจริง เขาหยิบตั๋วเงินทั้งปึกใส่เข้าไปในสาบเสื้อ แล้วหยิบตั๋วเงินที่มีมูลค่าหนึ่งพันเหรียญออกมาหนึ่งใบพร้อมกับส่งให้โม่หยาง “เมื่อครู่คุณช่วยผมจ่ายสองร้อยเหรียญใช่ไหม... อะ นี่เงินหนึ่งพันเหรียญ ผมคืนให้แล้วไม่ต้องทอน... ถือเป็นค่าทิปก็แล้วกัน”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว